เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 902 ปัญหาใหญ่!
เจียงอี้ไม่ได้คลั่งไคล้ผู้ชายและไม่ได้แสร้งทำตัวแตกต่าง แต่มันเป็นเพราะเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองหรือดึงดูดความสนใจจากอีฉานเป็นพิเศษ
อีฉานคงจำเขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ถามคำถามนี้กับเขา และเจียงอี้มองไปที่นางและไม่พบสิ่งใดในดวงตาของนางเลย
นางน่าจะมีความสามารถหรือทักษะพิเศษที่เป็นสาเหตุทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยกับเจียงอี้ แต่รูปลักษณ์และกลิ่นอายดวงจิตของเจียงอี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นอีฉานจึงแค่สงสัยแต่นางจำเขาไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับอีฉาน แม้ว่านางเคยช่วยเขามาก่อน แต่พวกเขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน เจียงอี้ไปยังเกาะแห่งบาปและเป็นมิตรกับเอ๋าหลูและถูกกำหนดให้เป็นศัตรูของเก้าตระกูลจักรพรรดิแล้ว ดังนั้น เจียงอี้จึงไม่ต้องการไปยุ่งกับนาง เขาจึงยุติข้อสงสัยนางทันทีเพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องสนใจเขาอีกต่อไป
บรึฟ!
แสงสีขาวส่องประกายและเจียงอี้รู้สึกว่าเขาได้เข้ามาในอีกโลกหนึ่งแล้ว เขาเห็นทุ่งนาที่แห้งแล้งและมีหมอกหนาและมองได้ไม่เกินกว่าเก้าร้อยเมตร ท้องฟ้านั้นเป็นสีเทาซึ่งไม่มีทางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรอยู่บนนั้น เจียงอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆและเขาได้กลิ่นของเน่าเสีย
นี่มันไม่ถูกต้อง!
เจียงอี้ตระหนักบางอย่างขึ้นได้ทันที จากนั้นเขาก็ปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาทันทีและพบว่าตัวเองสามารถสำรวจพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไปได้เพียงหนึ่งกิโลเมตรครึ่งเท่านั้น พื้นที่นี้จำกัดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเขาก็ก้าวออกไปไม่กี่ก้าวและรู้สึกถึงความหนักอึ้งอย่างผิดปกติ ที่นี่น่าจะมีแรงโน้มถ่วงมากกว่าด้านนอกหมื่นเท่า
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ถูกจำกัดขอบเขต? การมองเห็นไม่ดี? แรงโน้มถ่วงหมื่นเท่าที่ทำให้ความเร็วของทุกคนลดลง ที่นี่เป็นสถานที่ที่น่าทึ่งนัก!
เจียงอี้เหลือบมองไปรอบๆและพบว่าไม่มีอะไรรอบตัวเขาเลยนอกจากพื้นดินรกร้าง มีคนเข้ามาที่นี่มากมายแต่เขาไม่เห็นคนเหล่านั้นเลย
เราถูกย้ายมาโดยธรรมชาติหรือเปล่า?
เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจเงียบๆ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยายามย้ายร่างฉับพลัน มันจึงเกิดเรื่องที่น่าตกใจขึ้นอีกครั้ง แสงสีขาวสว่างวาบบนร่างกายของเขาก่อนที่ห้วงมิติจะสั่นเล็กน้อย และเขาก็ปรากฏขึ้นที่เดิม เขาไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันในสถานที่แห่งนี้ได้
แล้ววิชาหลีกสวรรค์ล่ะ?
ปากของเจียงอี้กระตุก แสงสีขาววาบบนมือของเจียงอี้และเขากำลังจะฉีกห้วงมิติ แต่ผลที่ได้นั้นทำเอาเขาพูดไม่ออก ห้วงมิติสงบนิ่งอย่างสิ้นเชิงและไม่มีทางที่จะใช้วิชาหลีกสวรรค์ได้
อัสนีพิโรธล่ะ?
เจียงอี้รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หากปราศจากวิชาหลีกสวรรค์แล้ว เขาก็สูญเสียความสามารถในการหนีอันทรงพลังไปและหากเขาถูกไล่ล่า เขาก็อาจจะตายเมื่อใดก็ได้
ดาบสีดำปรากฏขึ้นในมือของเจียงอี้ เขาเริ่มกวัดแกว่งดาบในท้องฟ้า และสิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกคือ เขาไม่สามารถปล่อยอัสนีพิโรธที่นี่ได้! มันน่าจะเป็นพื้นที่ที่ปิดสนิทและไม่มีทางที่จะสร้างอัสนีจากเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าได้
ข้าเจอปัญหาใหญ่แล้ว…
ปากของเจียงอี้กระตุกอีกครั้ง อัสนีพิโรธเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเจียงอี้
หากไร้อัสนีพิโรธ การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือเปลวเพลิงอัสนี แต่ปัญหาคือเปลวเพลิงอัสนีไม่สามารถสังหารยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ได้ ผู้ที่ว่องไวกว่าสามารถหลบเปลวเพลิงและหนีไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้น เขามีสมบัติเชื่อมดวงจิต หม้อเวหาสลาตันด้วย แต่มันก็เป็นสมบัติที่ได้รับความเสียหาย บางทีเขาอาจจะไม่สามารถบดขยี้ขอบเขตเทียนจุนที่ทรงพลังจนตายได้แม้ว่าคนเหล่านั้นจะปล่อยให้เขาโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
เจียงอี้เคยดีใจที่หวู่นี่และจีทิงยวี่อยู่ที่นี่ เขาคิดว่าเขาสามารถจัดการพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ หากเขากล้าสร้างปัญหาหรือเปิดเผยตัวตนของเขา หวู่นี่อาจเป็นฝ่ายสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
ทักษะวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์!
ดาบอ่อนปรากฏขึ้นบนมือซ้ายของเจียงอี้ เขาหวังกับทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อเขากวัดแกว่งดาบอ่อนก็มีเสียงแหลมออกมา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดมาจากระยะไกล อ๊าก นี่มันเสียงอะไรกัน? มันแย่มาก ทุกคนถอยกลับไป!
ไปกันเถอะ!
เจียงอี้โล่งใจเล็กน้อยที่เขายังมีทักษะศักดิ์สิทธิ์ที่ยังใช้ได้อยู่ เขาไม่เสี่ยงที่จะอยู่ที่เดิมและเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับวิ่งไปอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว เขาไม่กล้าบินเพราะภายใต้แรงโน้มถ่วงหมื่นเท่านั้น ความเร็วในการบินจะช้าลงมากและมันจะใช้งานแก่นแท้พลังมากเกินไป
ข้าไปได้ช้ามาก มันอาจเร็วเท่าๆกับขอบเขตเสินโหยวเลยด้วยซ้ำ
หลังจากเดินทางไปได้ไม่กี่กิโลเมตร เจียงอี้ก็ยังไม่ชินกับความเร็วนี้ เขาช้าเกินไป ว่ากันว่าซากปรักหักพังสลายบาปนั้นมีรัศมีราวๆล้านกิโลเมตร เขาจะสามารถเดินทางผ่านซากปรักหักพังถึงหนึ่งในสิบส่วนภายในหนึ่งเดือนนี้ได้หรือไม่?
บรึฟ!
ระหว่างทาง โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ก็สว่างขึ้นก่อนที่จะระเบิดออก ดวงจิตของเขาเกือบจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว
เขาหยุดอยู่ที่เดิมและไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร จากนั้นก็เปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ทันทีและมองไปรอบๆด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีอะไรเลย? เช่นนั้น อะไรกันที่โจมตีข้า? หลังจากที่ค้นหาอยู่พักหนึ่ง เจียงอี้ก็ไม่เจออะไรเลย ซึ่งมันทำให้เขาขนลุกมาก หรือว่าจะมีภูตผีอยู่ที่นี่?
นี่มันไม่ถูกต้อง! สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์!
เจียงอี้หลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์พร้อมกับมองไปรอบๆ ในไม่ช้าเขาก็พบสาเหตุและในที่สุดก็รู้ว่าเหตุใดซากปรักหักพังสลายบาปถึงได้อันตรายมาก ที่ซึ่งผู้คนแปดในสิบคนที่เข้าไปจะตกตายกันหมด เนื่องจากว่า..มีลมดาราอยู่ที่นี่และสังหารผู้คนไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว!
ในบรรดาผู้คนกว่าสองแสนคนที่เข้ามา อย่างมากที่สุดก็มีผู้คนหลายพันคนที่สามารถรอดชีวิตไปได้
เจียงอี้เกาจมูกของเขาและจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมที่นี่ถึงมีลมดารา? แถมมันยังมีลมดาราบนภูเขาเหนือซากปรักหักพังสลายบาปในเวลากลางวันอีก หรือมันเกี่ยวกับลมดาราที่นี่หรือเปล่า?
ข้าเดินทางผ่านใต้ดินได้ไหมนะ?
หากเขาใช้เส้นทางใต้ดินได้ เขาก็ไม่มีเหตุให้ต้องกลัวลมดาราเลย ดังนั้นเจียงอี้จึงหยิบดาบเหล็กออกมาแล้วกระแทกลงไปที่พื้น แต่เหมือนกับว่ามันกระทบลงบนดาบที่แข็งทื่อ แม้ว่าจะสร้างหลุมเล็กๆได้ แต่เขาคงเดินทางใต้ดินได้เพียงห้ากิโลเมตรในเวลาหนึ่งเดือนนี้เท่านั้น
ดินนี้ทำมาจากอะไรกัน?
เจียงอี้ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว หนึ่งเดือนนั้นสั้นเกินไปและด้วยความเร็วที่ต่ำเช่นนี้ เขาแทบจะไม่สามารถเจอหวู่นี่และกลุ่มของเขาได้เลย อย่าว่าแต่กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงเลย
ไปกันเถอะ!
เขารีบวิ่งไปข้างหน้า ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์นั้น เขาสามารถจับลมดาราได้ล่วงหน้าและเลี่ยงพวกมันได้แต่เนิ่นๆ ลมดารานั้นลอยไปตามลม ตราบใดที่เขาไม่อยู่ใกล้มัน ก็จะไม่เกิดอันตรายใดๆ
พี่สาม!
อ๊าก อ๊ากก!
หลังจากเดินทางไปได้สามสิบกิโลเมตร เจียงอี้ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าวิตกมากขึ้น เขากวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปในหมู่พวกเขาและพบผู้คนนับสิบอยู่ที่นั่น ในหมู่พวกเขา มีห้าคนนอนจมกองเลือดอยู่และร่างของพวกเขาก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ เห็นได้ชัดว่าลมดาราสังหารพวกเขา
สมคำร่ำลือว่าเป็นหนึ่งในสิบสถานที่ที่อันตรายที่สุด!
เจียงอี้เลี่ยงผู้คนและเดินทางต่อไป ระหว่างทาง เขาก็เห็นเลือดอยู่บนพื้นแต่ศพหายไป พวกเขาน่าจะเก็บศพไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้คนมากมายถูกลมดาราสังหาร
ลมดาราทางด้านนี้เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าอันก่อน หลังจากเดินทางไปได้สองชั่วโมง เจียงอี้ก็หยุดฝีเท้าของเขา เขาเห็นศพหลายสิบศพอยู่ด้านหน้า ซึ่งไม่ได้ถูกเก็บไปและถูกทิ้งไว้ ลมดาราเบื้องหน้านั้นแรงกว่าลมดาราที่อยู่เบื้องหลังเขามาก แม้ว่าเขาจะใช้สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์หลบเลี่ยงพวกมันได้แต่มันก็ยังเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
เจียงอี้ซ่อนตัวอยู่ในเขาเล็กๆและไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำยังไงดี ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเป็นชุดและรีบกลั้นหายใจอย่างรวดเร็วก่อนที่จะควบคุมกลิ่นอายของตัวเองและใช้สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ตรวจจับอย่างรวดเร็ว
เยี่ยอิง?
นั่นเป็นทายาทเก้าตระกูลจักรพรรดิ ซึ่งมีคนมามากกว่ายี่สิบคนและเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูงทั้งหมด มีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอยู่ห้าคนเช่นกันและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็แผ่ไปทั่วเจียงอี้ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจเจียงอี้เลย ทันใดนั้นเองชายสองคนก็หยุดลงและพูดอย่างหนักแน่นว่า นายน้อย ลมดาราด้านหน้านั้นแรงกว่ามาก เราจะอ้อมไปรอบๆลมดาราหรือไม่ขอรับ?
อ้อมไป? เจ้าไม่เข้าใจกฎเอาเสียเลย!
นายน้อยเยี่ยอิงพ่นลมหายใจก่อนจะพูดว่า ซากปรักหักพังสลายบาปอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว แล้วมันจะยังมีสมบัติเหลืออยู่ในที่ที่ไม่อันตรายหรือเปล่า? แม้ว่าจะมี แต่คนอื่นคงเอามันไปนานแล้ว ไปกันเถอะ มันน่าจะมีสมบัติมากมายในที่ที่มีลมดาราเข้มข้นกว่า ตั้งขบวน! แล้วใช้กำลังเข้าไปในนั้นกันเถอะ!
หืม?
เจียงอี้ถูกล่อใจ คำพูดของเยี่ยอิงนั้นสมเหตุสมผล ดูเหมือนว่าเขาจะหากล้วยไม้เขี้ยวเพลิงได้ก็ต่อเมื่อเขาเข้าไปยังสถานที่อันตราย