เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 906 นี่เป็นอุบาย
เผ่านารีหอมหวนนี้มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติและเป็นเตาหลอมที่ดีที่สุด หลังจากได้รับแก่นพลังหยิน คนผู้หนึ่งจะสามารถได้เลื่อนจากขอบเขตเทียนจุนขั้นที่หนึ่งไปสู่ขั้นที่สาม เผ่านี้ไม่มีผลกับการฝึกฝนร่วมแต่ดวงจิตจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากสูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายของพวกนางหลายปี มีข่าวลือว่าความเร็วในการเติบโตนั้นน่าประหลาดใจมาก
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หูตันนีกล่าว นางบอกว่าทุกคนรู้เรื่องนี้และเจียงอี้เชื่อว่านางไม่มีเหตุให้โกหก เจียงอี้ได้สัมผัสกับความรู้สึกของเผ่านารีผีเสื้อด้วยตัวเองและเผ่านั้นก็อยู่อันดับที่ห้า
ในตอนนี้หยิ่นรั่วปิงเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์แล้วและกลิ่นหอมยังคงแผ่ออกมาแม้ว่านางจะหมุนเวียนแก่นแท้พลังของนางไปแล้ว มันหมายความว่าเจียงอี้คิดถูกแล้ว เขายังรู้สึกอย่างชัดเจนว่าดวงจิตเขาค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วนั้นช้า แต่มันเป็นเช่นนี้เพราะหยิ่นรั่วปิงพยายามปกปิดกลิ่นหอมจากร่างของนาง
เผ่านารีหอมหวน!
เจียงอี้ตื่นเต้นมากเนื่องจากนางเป็นคู่นอนในฝันของชายทุกคนบนโลก เมื่ออยู่กับหญิงผู้นี้ ดวงจิตของคนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งขึ้นโดยอัตโนมัติและมันน่าทึ่งจริงๆ
นางมาจากเก้าตระกูลจักรพรรดิ เจียงอี้ ระวังหน่อย ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะทำให้ตัวเองถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์!
ดวงจิตของเจียงอี้สั่นเทาอย่างรวดเร็วและเขาก็ได้สติกลับมา เขาจะเป็นเป้าหมายที่ต้องถูกเก้าตระกูลสังหาร หากเขากล้าคิดฟุ้งซ่าน เขาอาจจะเปิดเผยตัวตนและอาจถูกคนของหยิ่นรั่วปิงสังหารทันที
ดวงตาของเจียงอี้กลับมาแจ่มแจ้งอีกครั้งขณะที่เขามองไปไกลๆด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูว่าใครกำลังใกล้เข้ามาและสามารถทำให้หยิ่นรั่วปิงและคนของนางเครียดได้
เอ๊ะ?
หยิ่นรั่วปิงสังเกตเห็นว่าดวงตาของเจียงอี้ฟื้นคืนกลับมาอย่างชัดเจนและสตรีอีกเก้าคนที่อยู่ข้างๆก็เช่นกัน พวกนางทั้งหมดต่างประหลาดใจ เพราะเจียงอี้ได้กลิ่นนั้นและร่างของเขาก็สั่นสะท้านขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขาน่าจะเดาร่างวิญญาณพิเศษของหยิ่นรั่วปิงได้แล้ว แต่พวกนางไม่คิดว่าเขาจะสงบลงได้เร็วขนาดนี้ นี่เขาชอบผู้ชายจริงๆหรือ? หรือว่าครึ่งล่างของเขาพิการกัน?
หยิ่นรั่วปิงมาจากเผ่านารีหอมหวนและนี่ไม่ใช่ข้อมูลลับในหมู่ลูกหลานตระกูลหลัก แต่ก็แน่นอนว่าไม่ได้ประกาศให้โลกภายนอกรู้ ปกติแล้วหยิ่นรั่วปิงจะปกปิดมันเป็นอย่างดีและคนทั่วไปจะไม่มีทางได้กลิ่นน้ำหอมจากร่างกายของนาง
คนเหล่านี้มาจากตระกูลใดกัน? ทำไมหยิ่นรั่วปิงและคนของนางจึงได้วิตกเช่นนี้?
เจียงอี้ไม่ได้สนใจที่คนอื่นกำลังมองเขาเขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปยังผู้คนกว่าสามสิบคนที่กำลังบินมาและพวกนั้นมีพลังมาก พวกนั้นมีอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดคนที่เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด เห็นได้ชัดว่าฝ่ายศัตรูพบพวกเขาแล้วและพวกเขาก็พุ่งมาด้วยกลิ่นอายที่พรั่งพรู
พวกนั้นเป็นศัตรูเจ้าหรือเปล่า? พวกนั้นจะต้องค่อนข้างมีความขัดแย้งกับตระกูลเจ้ามากเลยใช่ไหม? เจียงอี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเบาๆ
ด้านหยิ่นรั่วปิงนิ่งไปชั่วขณะและอธิบายว่า คนเหล่านี้มาจากตระกูลจื่อซึ่งเป็นตระกูลโบราณ และคนบ้าคลั่งที่กำลังมาทางนี้คือจื่อเฟิงเทียน ตระกูลจื่อมีความแค้นต่อตระกูลเรามาหลายพันปีแล้ว ระวังตัวด้วย และหากสถานการณ์ไม่ค่อยดี เจ้าต้องถอยไปทันที จื่อเฟิงเทียนไม่กล้าสังหารข้า แต่….
หยิ่นรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เจียงอี้เข้าใจเรื่องนี้แล้ว เขาเฝ้าระวังอย่างเงียบๆและอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นในเวลาเดียวกัน ทวีปนี้มีตระกูลโบราณที่ทรงพลังที่กล้าเป็นศัตรูกับเก้าตระกูลจักรพรรดิด้วย?
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ผู้คนเบื้องหน้ารีบพุ่งมาอย่างกะทันหัน พวกเขามีทั้งหมดสามสิบสามคนและพวกเขาทั้งหมดต่างเป็นชายที่มีร่างกำยำราวกับช้างศึก มีชายหนุ่มที่สวมชุดสีเหลืองที่เป็นที่น่าจับตามองที่สุด ดวงตาของเขาเป็นสีทองเข้มและมีคิ้วที่เข้มและดูดุร้าย เด็กทั่วไปจะตกใจในรูปลักษณ์ของเขา
เหอะๆ เหล่าแม่นางตระกูลหยิ่น เราพบกันอีกแล้ว!
รุ่นเยาว์ที่มีดวงตาสีทองเข้มสำรวจร่างอันบอบบางของหยิ่นรั่วปิงไม่กี่ครั้งก่อนจะพูดอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าใช้ความได้เปรียบของจำนวนคนมาหักขานายน้อยผู้นี้ บังเอิญนักที่ข้านำคนมามากกว่าในครั้งนี้ เจ้าว่าข้าควรหักขาเจ้าหรือตีเจ้าจนกว่าเจ้าจะคุกเข่าลงไปและขอความเมตตาดีล่ะ?
หยิ่นรั่วปิงมีใบหน้าที่ไร้อารมณ์ขณะที่นางหัวเราะเบาๆและพูดว่า จื่อเฟิงเทียน เหมือนว่าบทเรียนครั้งก่อนจะไม่พอที่เจ้าจะเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง ข้าควรจะหักแขนและขาของเจ้าเพื่อให้เจ้าได้บทเรียนหรือไม่?
สีหน้าของจื่อเฟิงเทียนค่อยๆเย็นวาบลงขณะที่เขาตะโกนว่า อย่ามาไร้สาระ ข้าคงไม่ใช่ผู้ชายหากข้าไม่แก้แค้นเมื่อมีโอกาส ลงมือ!
ฟรั่บ! ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
เมื่อจื่อเฟิงเทียนออกคำสั่ง คนกว่าสามสิบคนก็ชักอาวุธออกมาพร้อมกัน พวกเขาเล็งไปที่เป้าหมายเดียวและกำลังจะโจมตี ส่วนหยิ่นรั่วปิงก็ยังคงตะโกนออกมาอย่างประณีตในเวลาเดียวกัน โจมตี!
คนผู้นี้เป็นพวกบ้าคลั่ง นายน้อยไป๋อี รีบหนีไปเถอะ!
ข้อความสะท้อนอยู่ในใจของเจียงอี้และเขาก็สาปแช่งเงียบๆก่อนที่จะถอยกลับไปทันที สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาขยายไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่ได้สำรวจการโจมตีของพวกนั้นแต่สัมผัสถึงพลังฟ้าดินจากการโจมตีของพวกนั้น เขาสัมผัสถึงอิทธิพลของคนเหล่านั้นและกำหนดว่ายอดฝีมือเหล่านี้อยู่ดาวอะไร
หลังจากที่ตรวจสอบแล้ว เจียงอี้ก็โล่งอกเล็กน้อย ฝ่ายศัตรูอาจมีขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแปดคน แต่พวกเขาน่าจะเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางและระดับต่ำได้หลายแบบจนขึ้นมาได้ถึงระดับนี้ เนื่องจากความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขานั้นไม่ทรงพลังมากพอและไม่มียอดฝีมือระดับสามดาวแม้แต่คนเดียว ในทางตรงข้าม จื่อเฟิงเทียนเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงเนื่องจากอิทธิพลของเขาแผ่ออกมาได้ถึงหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นยอดฝีมือสามดาว
เมื่อดูคนของตระกูลหยิ่น นอกจากหยิ่นรั่วปิงแล้วก็ไม่มียอดฝีมือสามดาวเช่นกัน มือของหยิ่นรั่วปิงยิงศรอันน่าสยดสยองออกไปแปดสายซึ่งมีพลังที่ดุร้ายและอิทธิพลของมันก็แผ่ออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร
เจียงอี้เองก็เป็นยอดฝีมือสามดาวด้วยเช่นกัน หากเขาปล่อยทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และอัสนีพิโรธเพื่อผสานการโจมตีของหยิ่นรั่วปิง พวกเขาจะปราบศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาคือ…เขาไม่สามารถปล่อยอัสนีพิโรธในเขตพื้นที่นี้ได้ และแม้ว่าเขาจะทำได้ แต่เขาก็ไม่กล้าเพราะมันจะเปิดเผยตัวตนทันทีและทำให้มันอันตรายยิ่งขึ้นไปอีก
เจียงอี้ไม่กล้าปล่อยเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ออกมา ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ถอยหนีไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่านั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ด้วย และเว้นแต่ว่าเขาจะอยู่ในช่วงความเป็นความตาย เขาจะไม่มีวันเปิดเผยตัวตนของเขาแน่นอน
ตูม! ตูม! ตูม!
ทั้งสองฝ่ายจงใจระงับการโจมตีของตัวเองเนื่องจากรอบๆนี้เต็มไปด้วยลมดารา ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายถูกกำจัดออกไป นอกจากนี้ หยิ่นรั่วปิงและจื่อเฟิงเทียนมีสถานะที่น่ายกย่อง และแม้ว่าพวกเขาจะถูกสังหารโดยน้ำมือของแต่ละฝ่าย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าใช้วิธีสกปรกใดๆ
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ยังคงรุนแรงมาก จอมยุทธของตระกูลจื่อหลายคนก็ปลิวไปโดยศรสีขาวของหยิ่นรั่วปิงและแม้ว่าโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะไม่แตก แต่พวกเขาก็ตายไปครึ่งหนึ่งแล้วเพราะถูกส่งไปยังพื้นที่ที่มีลมดาราเข้มข้น พวกเขานอนราบกับพื้นและไม่กล้าเคลื่อนไหวเพราะมีลมดารามากเกินไปและการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวอาจดึงดูดลมดาราเหล่านั้นมาได้
ลูกน้องของหยิ่นรั่วปิงสามคนก็ถูกส่งปลิวไปเช่นกัน และโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกนางหนึ่งในนั้นได้แตกสลายไป โชคดีที่พี่ชิ่งรีบพุ่งไปปัดลมดาราเอาไว้ ไม่เช่นนั้น สตรีผู้นั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
การป้องกันของพี่ชิ่งนี้บ้ามากและนางไม่ได้โจมตีขณะที่วนไปรอบๆสมาชิกตระกูลหยิ่นราวกับโล่ที่ขยับได้ซึ่งจะปิดกั้นพลังโจมตีส่วนใหญ่ไว้ได้
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่เขายังคงถูกเพ่งเล็งโดยฝ่ายศัตรู ฝ่ามือขนาดใหญ่กระแทกมาที่เขาและบังคับให้เขาถูกส่งปลิวออกไป ขอบเขตแก่นแท้พลังของเขาอยู่ขั้นที่สามของขอบเขตเทียนจุนและโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้นั้นอ่อนแอมาก การใช้ฝ่ามือครั้งเดียวฟาดมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาและร่างของเขาจะปลิวไปไกล หากไม่ใช่เพราะเกราะเหล็กทมิฬของเขา เขาอาจตายหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง?
ยอดฝีมือตระกูลจื่อที่โจมตีเจียงอี้มีดวงตาลุกวาวขณะที่บินไปทางเจียงอี้ เขาสร้างฝ่ามือขนาดยักษ์อีกครั้งและกระแทกลงไปที่เจียงอี้
หืม? เจียงอี้สังเกตเห็นสถานการณ์แล้ว และเห็นได้ชัดว่าพี่ชิ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาแต่นางไม่มีเจตนาที่จะช่วยเขา ดูเหมือนว่านางจะไม่ชอบเขาและพร้อมที่จะมองเขาตาย
เจียงอี้มองฝ่ามือขนาดยักษ์และถอนหายใจเล็กน้อย ดาบอ่อนปรากฏขึ้นในมือของเขาและเขากำลังเตรียมจะปล่อยทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และหลบหนีไป ผู้ที่โจมตีเขาเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับสูงและฝ่ามือของคนผู้นี้มีพลังมหาศาลที่ชุดเกราะเหล็กทมิฬของเขาไม่สามารถต้านได้!
ไม่ถูกต้อง! นี่เป็นอุบาย!
ขณะที่เจียงอี้กำลังจะแกว่งดาบอ่อนของเขาและกำลังจะปล่อยวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็สังเกตเห็นหยิ่นรั่วปิงมองมาที่เขาอย่างเฉยเมย ดวงจิตของเขาสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งและดาบอ่อนก็สั่นไหวเช่นกัน เจียงอี้ไม่ได้ปล่อยวิชาเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและปล่อยการโจมตีด้วยแก่นแท้พลังแทน ในเวลาเดียวกัน เขาก็หลับตาลงเพื่อรอความตาย!