เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 911 ทะเลสาบเพลิงลาวา
ข้าทำไม่ได้ คุณหนู ข้าทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ!
เมื่อห่างจากทะเลสาบเพลิงลาวาไปสิบกิโลเมตร หนึ่งในสมาชิกตระกูลหยิ่นที่ด้อยกว่าไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีกต่อไป ชุดของนางเปียกโชกและเจียงอี้ก็เห็นเรือนร่างทั้งหมดจากด้านหลัง ร่างของนางสูญพลังไปสิ้นแล้วและเหมือนว่านางจะหายใจจนเกิดเป็นควันสีขาว
ร่างของอีฉานและหยิ่นรั่วปิงเองก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อและพวกนางก็หอบเช่นกัน
เจียงอี้เองก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เขายังทนได้ในตอนนี้ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะความมุ่งมั่นของเขาและเพราะโล่ศักดิ์สิทธิ์สามารถแยกความร้อนบางส่วนไปได้ ทะเลสาบเพลิงลาวานี้ต่างจากบนภูเขาไฟอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากอุณหภูมิร้อนกว่าอย่างน้อยสองสามเท่า
หากทนไม่ได้ก็ถอยกลับไปรอข้าสักยี่สิบกิโลเมตร!
หยิ่นรั่วปิงโบกมือของนาง สตรีทั้งเจ็ดคนรู้สึกว่าภาระอันหนักอึ้งถูกปลดออกทันทีขณะที่เหล่าขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกสามคนที่เหลือไม่กล้าถอยไป อย่างไรเสีย พวกนางจะต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของหยิ่นรั่วปิง
หยิ่นรั่วปิงชำเลืองมองเจียงอี้และพูดว่า นายน้อยไป๋อี หากเจ้าทนไม่ไหวก็ถอยไปรอได้ ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า ตราบใดที่ข้าหาบัวดาวดินและกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงได้ ข้าจะมอบมันให้เจ้า
เจียงอี้ยิ้มและพูดว่า ข้ายังไปต่อได้อยู่ หากข้าไม่ไหวจริงๆข้าจะถอยกลับไป
ไปกันเถอะ!
อีฉานโบกมือของนางและทุกคนก็ก้าวต่อไปอีกครั้ง หลังจากเดินไปได้ราวสามกิโลเมตร ลมดาราก็ลดลงแต่อุณหภูมินั้นสูงขึ้น อีฉานหยุดและเหลือบมองเจียงอี้และพูดว่า สอดแนมด้านหน้าที ได้
เจียงอี้กัดฟันนั่งขัดสมาธิ เขาแผ่ญาณศักดิ์สิทธิ์ออกไปและหลังจากสำรวจไปรอบๆแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดว่า มีคนกำลังมาทางทิศตะวันออก ห่างไปประมาณสามสิบกิโลเมตร นั่นเป็นนายน้อยเสีย และเขานำคนมาด้วยยี่สิบคน
ไปกันเถอะ!
อีฉานและหยิ่นรั่วปิงหยิบยาสีเขียวออกมาพร้อมกันและกินมัน ส่วนพี่ชิ่งและคนอื่นๆก็นำมันออกมากินด้วย ทุกคนหยุดเหงื่อไหลทันทีและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเจียงอี้อีกต่อไป
นั่นมันยาอะไรกัน? มันต้านไฟได้จริงๆหรือ?
เจียงอี้ประหลาดใจเงียบๆแต่เขาไม่ได้ถอยไป เขาใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สอดแนมอีกครั้งและแอบนำเอาไข่มุกวิญญาณเพลิงออกมาและรีบพุ่งไปอีกฝั่งของทะเลสาบเพลิงลาวา เสียเฟยมาที่นี่โดยไม่คาดมาก่อนและเขาค่อนข้างกังวล หากเสียเฟยแย่งชิงกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงไป การเดินทางครั้งนี้คงสูญเปล่า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหวังพึ่งหยิ่นรั่วปิงได้ ในสถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้เช่นนี้ เขาจะเสี่ยงเผยตัวตนของตัวเองเพื่อนำกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงไป เนื่องจากองค์หญิงเชียนเชียนกำลังรอกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงเพื่อรักษาชีวิตของนาง
เมื่อมีไข่มุกวิญญาณเพลิง เจียงอี้ไม่รู้สึกถึงความร้อนอีกต่อไปและสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องกลัว เพราะลมดาราด้านหน้าก็น้อยมาก เขาวิ่งไปทางเหนือราวกับจิ้งจอกวิญญาณและหลังจากที่เขาเลี่ยงทุกคนไปด้วยระยะทางห่างกันกว่าสิบกิโลเมตร จากนั้นเขาก็รีบไปยังทะเลสาบเพลิงลาวาทันที
ทะเลสาบนี้มีขนาดใหญ่และมีรัศมีอย่างน้อยสามสิบกิโลเมตร อีฉานและคนอื่นๆอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนเสียเฟยและคนของเขาน่าจะมาทางทิศตะวันตกขณะที่เจียงอี้มุ่งหน้าไปทางเหนือของทะเลสาบ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความร้อน ความเร็วของเขาจึงเร็วกว่าคนอื่นๆมาก ท้ายที่สุดแล้ว อีฉานและคนอื่นๆก็ไม่กล้าวิ่งไปเร็วเกินไปเพราะกลัวว่าโล่ศักดิ์สิทธิ์จะมอดไหม้เพราะความร้อน
เจียงอี้ซ่อนอยู่หลังก้อนหินทางเหนือของทะเลสาบเพลิงลาวาและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบสถานการณ์
ทะเลสาบเพลิงลาวานั้นสงบนิ่งมากและไม่มีอะไรเลย มันไม่มีสมุนไพรวิญญาณเช่นกัน ด้านอีฉานและคนอื่นๆซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ทางทิศตะวันออก พวกนางกินยาเข้าไปและไม่รู้สึกถึงความร้อน พวกนางมีท่าทีสงบนิ่งและจ้องไปยังกลางทะเลสาบเพลิงลาวาเหมือนกำลังรอบางอย่างอยู่
ในอีกฟากหนึ่ง เสียเฟยและคนอื่นๆก็กำลังจะมาถึงในไม่ช้า เสียเฟยนั้นน่าเกรงขามแล้วและเขากำลังนำเหล่าขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอยู่ พวกเขาน่าจะต้องมียากันความร้อนด้วยเช่นกันขณะที่ไม่กลัวความร้อนสูงเลยแม้แต่น้อย
กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงอยู่ที่ไหนกันนะ?
เจียงอี้งุนงงอยู่เงียบๆเนื่องจากอีฉานและคนอื่นๆไม่เคลื่อนไหว เขาจึงไม่กล้าขยับและรออยู่เงียบๆ เขาอยู่ห่างจากอีฉานไปหลายกิโลเมตรและด้วยขอบเขตของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีผู้ใดเห็นเขาได้ แม้ว่าจะมีคนที่มีความสามารถพิเศษในการพบตัวเขา แต่เขาก็ไม่สนใจเพราะกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงนั้นมีความสำคัญสูงที่สุด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียเฟยและคนของเขาก็มาถึงในที่สุด พวกนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างประมาทและเพียงแค่ซ่อนอยู่ในหุบเขาเล็กๆทางตะวันตก สัมผัสศักดิ์สิทธิ์มากมายของพวกเขาเพ่งไปยังทะเลสาบเพลิงลาวากันหมด
เจียงอี้ไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป เขากลัวว่าอาจมีคนมีความสามารถพิเศษบางอย่างที่จะเห็นเขา เขาจึงใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์สำรวจทะเลสาบเพลิงลาวาหลายรอบและค้นหากล้วยไม้เขี้ยวเพลิง
ไฟในทะเลสาบนั้นต่างจากภูเขาไฟอย่างแท้จริง ที่นี่กีดกันสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้และญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ก็ขยายไปในลาวาได้เพียงสามสิบเมตร หากเขาจะต้องลงลึกเข้าไปอีก เขาจะเห็นเพียงความมืดเท่านั้นและนั่นคือตอนที่เขาปล่อยทั้งญาณศักดิ์สิทธิ์และสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์พร้อมกันแล้ว
กู กู กู กู…
ทันใดนั้น ใจกลางทะเลสาบเพลิงลาวาก็เริ่มมีฟองและลาวาก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นอย่างรวดเร็วและสอดแนมด้วยญาณศักดิ์สิทธิ์ทันที อีฉาน, หยิ่นรั่วปิง, เสียเฟยและคนอื่นๆต่างเคลื่อนไหว พวกเขาไม่ได้รีบไปยังลาวาในทะเลสาบแต่กำลังถอยกลับไปด้วยความเร็วสูง
เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
เจียงอี้ไม่รู้ว่าเขาควรจะอยู่ที่เดิมต่อหรือถอยหนีไปดี? ปัง!
ไม่นานนัก เจียงอี้ก็พอเข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงถอยกลับไป ไฟขนาดยักษ์ปะทุขึ้นใจกลางทะเลสาบและกระจายไปทั่วฟ้า จากนั้นก็มีฝนลาวาและร่างกายของเจียงอี้ก็เปียกโชกไปด้วยลาวา
จี๊! จี๊!
โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้แตกสลายทันที แต่เขาโชคดีที่มีไข่มุกวิญญาณเพลิงและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขายังเปรมปรีอยุ่เงียบๆขณะที่ลาวาพุ่งออกมา หากเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างอื่นที่พุ่งออกมา เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
เอ๊ะ? นั่นคือ…
ปฏิกิริยาของเจียงอี้เร็วมาก เขาไม่ได้กังวลเรื่องลาวาที่ปกคลุมร่างกายของเขาขณะที่เขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปและเห็นอีฉานและหยิ่นรั่วปิงเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน เสียเฟยเองก็นำคนของเขาบินไปเหมือนดาบคมและดวงตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ดอกบัวสีแดงเพลิงที่พ่นลาวาออกมา
นั่นใช่บัวดาวดินหรือเปล่านะ?
เจียงอี้ไม่ได้ขยับ เขามีภาพของกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงอยู่และนี่ไม่ใช่กล้วยไม้เขี้ยวเพลิง เขาจึงไม่จำเป็นต้องแย่งชิงมัน ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาจับจ้องไปที่คนและมองดูพวกเขาสู้กัน
ฮ่าฮ่าฮ่า อีฉาน หยิ่นรั่วปิง พวกเจ้าทั้งสองก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? ต้องขออภัยด้วยนะ บัวดาวดินนี้เป็นของข้า!
เสียเฟยเหยียบกระโหลกศีรษะและบินไปราวกับสายรุ้ง เหล่าขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกเจ็ดคนเบื้องหลังเขาก็ลงมือพร้อมกัน พวกเขาเพียงแค่ทำให้พื้นที่ห้วงอากาศผันผวนและป้องกันไม่ให้อีฉานและคนอื่นๆเข้ามาใกล้ แต่พวกเขาไม่กล้าสังหารใคร
ฮึ่ม เสียเฟย ขึ้นอยู่กับอะไรล่ะ? เจ้าไม่มีคุณสมบัติ!
อีฉานพ่นลมหายใจออกมาขณะที่มือของนางร่ายรำพร้อมสายฟ้าก่อนที่มันจะกลายเป็นแสงอัสนีและยิงไปที่ขอบเขตเทียนจุนทั้งเจ็ดทันที มันทำให้พวกเขาทั้งเจ็ดตกใจมากจนพากันถอยหนีอย่างร้อนรน โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพี่ชิ่งเองก็เปล่งประกายสีเหลืองหม่นขณะที่นางคุ้มกันหยิ่นรั่วปิง ธนูสีแดงปรากฏขึ้นในมือของหยิ่นรั่วปิงขณะที่นางยิงไปยังเสียเฟยที่กำลังจะได้บัวดาวดินไป
ไฟสีแดงสาดส่องและปรากฏต่อหน้าเสียเฟยซึ่งบังคับให้เขาต้องหุบแขนกลับมาอย่างหวาดกลัว เขาคว้าหัวกะโหลกยักษ์ใต้ฝ่าเท้าของเขาและกันร่างกายของตัวเองและสาปแช่ง เกาทัณฑ์เทวะ? หยิ่นรั่วปิง เจ้ามันอำมหิตนัก!
ตูม! ตูม! ตูม!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่อยู่ด้านหลังพี่ชิ่งเคลื่อนไหวพร้อมกัน เมื่อมีอีฉาน พวกนางต้องเข้าร่วมการต่อสู้ที่ดุเดือดกับเสียเฟยและขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดทั้งเจ็ด การโจมตีอันน่าสยดสยองได้ระเบิดลาวาที่ด้านล่างและทะเลสาบที่เคยเงียบสงบได้โหมกระหน่ำด้วยคลื่นยักษ์อย่างรุนแรง
ไป!
ถุงมือสีดำปรากฏขึ้นในมืออีฉานซึ่งคว้าดอกบัวดาวดินทันที อีฉานยิงสายฟ้าออกไปอีกสองสามรอบและโบกมือของนาง ถอย!
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
หยิ่นรั่วปิงยิงธนูไปอีกไม่กี่รอบ ซึ่งบังคับให้เสียเฟยและคนอื่นๆต้องป้องกันอีกครั้ง จากนั้น พี่ชิ่งก็สกัดกั้นอยู่ด้านหน้าซึ่งทำให้ทุกคนถอยกลับมาได้อย่างง่ายดาย
ฮ่าๆๆๆ!
บัวดาวดินถูกเก็บไปแล้ว แต่เสียเฟยไม่ได้โกรธขณะที่เขาหัวเราะออกมา มุมปากของเขาสั่นไปด้วยความชั่วร้ายขณะที่เขากวักมือของเขาเพื่อให้ทุกคนหยุดไล่ลา จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาว่า แม่นางทั้งสองฝีมือล้ำเลิศและเสียเฟยขอนับถือ แต่…ข้าจะเอาสมุนไพรทั้งหมดที่มันจะปรากฏขึ้นหลังจากนี้มาให้หมด!