เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 914 ตายทันที
เสียเฟย, อีฉานและกลุ่มของพวกเขาอยู่ห่างจากทะเลสาบเพลิงลาวาราวๆสิบห้ากิโลเมตรซึ่งจะใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงจึงจะกลับมาถึง ฝั่งเจียงอี้รู้สึกสบายใจมาก เขาได้สมุนไพรวิญญาณมามากมายแล้ว แต่กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงไม่ได้อยู่ในนั้น
ท้ายที่สุด ความเร็วในการปะทุนั้นก็ช้าลง หยิ่นรั่วปิงบอกว่ามีสมุนไพรวิญญาณกว่ายี่สิบชนิดในการปะทุแต่ละรอบ ซึ่งสมุนไพรที่เขามีและบวกกับของเสียเฟยนั้นน่าจะมีมากกว่ายี่สิบชนิดแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าสมุนไพรวิญญาณจะออกมาอีกหรือเปล่าและเพียงแค่ต้องรออย่างใจจดใจจ่อ
อีฉานและกลุ่มของนางใกล้ถึงทะเลสาบเพลิงลาวาก่อน แต่พวกนางไม่กล้าเข้าไปใกล้ พวกนางไม่ได้กลัวตายแต่รักษาชีวิตเอาไว้อย่างจริงจัง นักรบนั้นไม่รีบร้อน แต่คนโง่เง่าจะรีบร้อน ไปกันเถอะ!
อีฉานมองเข้าไปในบริเวณรอบๆจากที่อยู่ห่างออกไปราวสองกิโลเมตร หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดในทะเลสาบ นางก็โบกมือและนำคนเข้าไปใกล้อีกหนึ่งกิโลเมตรและซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินยักษ์ พวกเขาไม่เสี่ยงเข้าไปใกล้ๆและรออยู่เงียบๆเพื่อให้ไฟปะทุขึ้นอีกครั้ง พวกเขาต้องการจะเห็นว่าเจ้าอสูรนั้นจะปรากฏตัวอีกหรือไม่
จับกลิ่นอายมา!
เสียเฟยนำขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดกลับไปยังหุบเขาเล็กๆที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่และรอไฟปะทุอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวังอีกครั้งหนึ่ง
ผ่านไปสิบนาที ทะเลสาบก็ปะทุอีกครั้ง และเป็นไปตามคาด เจียงอี้ถูกปะทุออกมาอีกครั้ง รูปลักษณ์ของเขายังคงความเป็นเจ้าอสูรเอาไว้ แต่หลังจากที่มันอยู่เหนือทะเลสาบสามเมตร ร่างของมันก็พุ่งกลับไปยังก้นทะเลสาบอีกครั้ง
มันคือเจ้าอสูร มันเป็นกลิ่นอายของเจ้าอสูร!
ดวงตาของขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดข้างๆเสียเฟยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลิ่นอายของเจ้าอสูรนั้นแข็งแกร่งเกินไปซึ่งแม้แต่พวกเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน หากเสียเฟยไม่นิ่งอยู่กับที่เช่นนี้ เขาคงจะหนีไปแล้ว
ถอยกันเถอะนายน้อยเฟย!
คนอื่นๆกระซิบเบาๆและให้คำแนะนำเดียวกัน ส่วนเสียเฟยก็เย้ยหยันและพูดอย่างเย็นชา เจ้างี่เง่าหรือเปล่า? เจ้าอสูรจะช้าขนาดนั้นได้อย่างไร? เจ้าอสูรจะถูกเพลิงลาวาผลักออกมาได้อย่างไร? พวกเจ้าไม่มีสมองหรือ?
เอ่อ?
พวกเขาคิดอย่างรอบคอบและตระหนักได้ว่ามันแปลก ความเร็วของเจียงอี้ช้ามากจริงๆ นอกจากนี้ เขายังถูกเพลิงลาวาชะล้างออกไปอย่างชัดเจน แต่กลิ่นอายของเจ้าอสูรนั้นชัดเจนมากซึ่งมันทำให้พวกเขาลังเล
เสียเฟยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า เมื่อมันปะทุขึ้นอีกครั้ง เจ้าสองคนไปทดสอบว่ามันคือเจ้าอสูรจริงหรือไม่
เราหรือขอรับ?
ใบหน้าของขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดซีดเผือดด้วยความตกใจ หนึ่งในนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า นายน้อยเฟย ข้าทำไม่ได้ขอรับ ท่านก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของข้า ข้ายังไม่เข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงเลยและความสามารถในการต่อสู้โดยรวมของข้านั้นอยู่เพียงแค่ดาวเดียว…
หุบปากซะ!
เสียเฟยเหลือบมองอย่างเย็นชาและพูดว่า ไม่ต้องติดตามข้าหากเจ้าปฏิเสธในตอนนี้ แต่หากเจ้าไปทำตามที่ข้าบอก ข้าจะให้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงแก่พวกเจ้าคนละชิ้น เลือกเอาซะ! ทั้งสองเงียบและมองหน้ากัน ในที่สุดพวกเขาก็กัดฟันและพูดว่า ก็ได้ พวกเราจะไปขอรับ!
อืม!
เสียเฟยพยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า เจ้าแค่บินไปใจกลางทะเลสาบเพลิงลาวา อย่าโจมตีมันและเน้นป้องกันตัวเอง เราจะปกป้องพวกเจ้าให้ทันเวลา แล้วเราจะได้รู้กันว่ามันเป็นเจ้าอสูรตัวจริงหรือไม่ หากมันไม่ใช่ตัวจริง ข้าจะทำให้มันทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตายอีก กล้าดียังไงมาแข่งกับเสือ เหอะ!
…
นายหญิง ข้าจะลองดูเจ้าค่ะ
ในอีกฟากหนึ่ง พี่ชิ่งกัดฟันพูดออกมา สิ่งที่เสียเฟยคิดได้นั้นมันก็ระคายใจหญิงสาวที่ชาญฉลาดทั้งสองอย่างแน่นอน พี่ชิ่งมีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดและต้องอาสาตัวเองเพราะนางไม่สามารถปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองเสี่ยงได้ หยิ่นรั่วปิงเหลือบมองพี่ชิ่งขณะที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้า อืม เมื่อเจ้าไปตรงนั้น อย่าโจมตี เจ้าเพียงแค่วนไปรอบๆและอย่ายั่วยุเขา หากมันเป็นเจ้าอสูรจริง เราจะปกป้องเจ้าและช่วยให้เจ้าถอยกลับมาทุกวิถีทาง
ไม่จำเป็นหรอก
อีฉานโบกมือของนางแล้วพูดว่า หากข้าเดาถูก เสียเฟยน่าจะกลับมาเหมือนกัน เขาคงส่งคนไปทดสอบเจ้าอสูรในภายหลัง เราเพียงแค่ต้องรอ หากเสียเฟยไม่ลงมือ เจ้าค่อยไปทีหลัง!
เจ้าค่ะ
พี่ชิ่งพยักหน้าอย่างโล่งอก กลิ่นอายของเจ้าอสูรนั้นทรงพลังเกินไป หากนางอยู่เฉยๆได้ก็คงจะดีที่สุด
เข้าไปใกล้กว่านี้!
อีฉานรอครู่หนึ่งแล้วโบกมือของนาง จากนั้นพวกนางก็รีบพุ่งไปข้างหน้าและซ่อนอยู่หลังก้อนหินยักษ์ที่อยู่ห่างจากทะเลสาบสามร้อยเมตร พวกนางเก็บกลิ่นอาย กลั้นหายใจและรออยู่เงียบๆ
เวลาค่อยๆผ่านไปช้าๆ เปลวไฟนั้นปะทุในอัตราที่ช้ากว่าเดิมและมันน่าจะเหลือการปะทุอีกไม่กี่ครั้ง ตามบันทึกของตระกูลพวกเขา สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดมักจะมาในการปะทุครั้งสุดท้าย ทะเลสาบเพลิงลาวาแห่งนี้สามารถเพาะพันธุ์สมุนไพรวิญญาณระดับสูงได้ซึ่งไม่สามารถหาได้จากที่ไหนเลยในแดนเทียนชิงนอกจากที่นี่
อึก..
ในที่สุด ฟองอากาศก็เริ่มปรากฏขึ้นใจกลางทะเลสาบ ก่อนที่เปลวไฟจะปะทุขึ้นมา อีฉานก็เพ่งไปยังใจกลางทะเลสาบเพลิงลาวา เจดีย์สีแดงขนาดเล็กปรากฏขึ้นในมือของนางและค่อยๆใหญ่ขึ้น จากนั้นพวกนางก็พากันเข้าไปในเจดีย์
เจดีย์ปฐมกาลนั้นดูดซับพลังฟ้าดินเพื่อสร้างโล่เองเหมือนราชวังจักรพรรดิ ยิ่งใช้พลังงานไปมากเท่าใด พลังป้องกันก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น ดังนั้นอีฉานจึงจะนำมันออกมาเมื่อนางไม่มีทางอื่นแล้ว เพลิงลาวานี้ก็ร้อนเกินไปจนโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกนางไม่สามารถต้านได้ หากไม่ถอยไปก็ต้องพึ่งพาเจดีย์เท่านั้น
เปลวเพลิงกำลังปะทุ! คนของเสียเฟยอยู่นี่แล้ว!
หลังจากที่พวกนางเข้าไปในเจดีย์ ทุกคนก็ปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกนาง ในช่วงเวลาที่เพลิงปะทุ แสงสีแดงสองสายก็พุ่งมา ทั้งสองคนนี้มีกระโหลกขนาดยักษ์อยู่เหนือศีรษะและกันเพลิงไหม้ได้ แต่แสงบนกระโหลกทั้งสองก็หรี่ลงอย่างรวดเร็ว และพวกมันอาจถูกเปลวเพลิงมอดไหม้ได้
เจ้าอสูรออกมาแล้ว!
หยิ่นรั่วปิงร้องออกมาและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของทุกคนก็กวาดไปยังใจกลางทะเลสาบ เจ้าอสูรที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ถูกเปลวเพลิงปะทุขึ้นมา ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความปิติยินดีและมีรากหญ้ารูปลักษณ์อสรพิษขนาดเล็กอยู่ในมือ อีฉานชำเลืองมองและอุทานขึ้นมา กล้วยไม้เขี้ยวเพลิง มันเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสูง!
หืม?
เจียงอี้ได้กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมาแล้วและรู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็ถูกขัดจังหวะโดยกระแสแสงสองสายที่พุ่งมาแต่ไกล เขาจึงรู้สึกขุ่นเคืองมาก คนของเสียเฟยกล้ากลับมาอีกครั้งงั้นรึ!
ข้าควรทำอย่างไรดี?
ชั่ววูบหนึ่ง สมองของเจียงอี้ก็แล่นอย่างรวดเร็ว คนของเสียเฟยกลับมานั่นแปลว่าพวกเขาสงสัย เขาไม่สามารถขู่พวกนั้นให้เตลิดไปได้ในครั้งนี้และอาจถูกพวกนี้ไล่ล่าด้วย
ดาบวิญญาณ!
ดวงตาของเจียงอี้ส่อความคิดขึ้นทันที เขาโลดแล่นไปทั่วด้วยกลิ่นอายอสูรที่แผ่ออกมาบนฟ้า จากนั้นเขาก็ตวาดออกมาและพุ่งไปยังคนสองคนนั้นด้วยความแค้นเคือง
ในเวลาเดียวกัน ดาบวิญญาณสีทองเข้มสองเล่มก็พุ่งออกมาจากทะเลแห่งดวงจิตอย่างรวดเร็ว แต่แทนที่เขาจะโจมตีจากหว่างคิ้วของเขาในทันที เขากลับควบคุมพวกมันให้พ้นสายตาซึ่งจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขากำลังปล่อยวิชาอสูรอยู่!
ตายซะ!
เจียงอี้ตะโกนออกมา จากนั้นดาบวิญญาณทั้งสองเล่มก็ส่องสว่างก่อนที่จะหายลับไปราวกับสายฟ้าสองลูก พวกมันรวดเร็วอย่างน่าสยดสยอง ยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดทั้งสองนี้ไม่มีเวลาแม้แต่จะโต้ตอบก่อนที่ดาบวิญญาณจะเจาะเข้าไปในหัวของพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเห็นได้มีเพียงแสงสีทองเข้มสองสายเท่านั้น
ดาบวิญญาณนั้นเร็วมากด้วยตัวพวกมันเองอยู่แล้วและเร็วขึ้นอีกเป็นสองเท่าจากการพัฒนาของผีเสื้อในฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้น ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักจะป้องกันตัวได้อย่างไร? วิชาอสูร!
ดวงจิตของพวกเขาเกือบจะแตกสลายไปด้วยความตกใจ พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกๆที่ไหลเข้าสู่ดวงจิตของพวกเขาและรีบควบคุมหินในดวงจิตอย่างบ้าคลั่งเพื่อป้องกันดวงจิตของพวกเขา
หินเหล่านี้ถูกเรียกว่าหินดวงจิตทองคำซึ่งเป็นสมบัติเฉพาะของตระกูลเสีย มีเพียงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดของตระกูลเสียเท่านั้นที่มีสิทธิ์ครอบครองมัน มันจะเอาไว้ใช้ป้องกันดวงจิตของพวกเขาและเป็นสมบัติที่ค่อนข้างมีประโยชน์
ปัง!
อย่างไรก็ตาม!
หินดวงจิตทองคำนั้นด้อยกว่าดาบวิญญาณที่ถูกวิวัฒนาการถึงสองรอบมากนักและพวกมันก็แตกสลายไปอย่างง่ายดาย จากนั้นดาบวิญญาณก็เข้าไปยังดวงจิตวิญญาณของพวกเขาทำให้ดวงจิตของพวกเขาแตกสลายไปในทันที ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านก่อนที่จะตกลงไปอย่างไร้พลัง พวกเขาตกตายไปในทันที
ตายทันที?
เสียเฟยและกลุ่มของเขากำลังจะเริ่มโจมตี แต่เมื่อพวกเขากำลังบินออกไป ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดสองคนก็ตกตายไปแล้ว คราวนี้มันทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัว มันสังหารยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดไปในทันที ซึ่งเป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็นเจ้าอสูรจริงๆ
หนี!
เสียเฟยนำกลุ่มคนรีบวิ่งหนีไปไกล ส่วนอีกฝั่ง อีฉานเก็บเจดีย์กลับมาและรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับหยิ่นรั่วปิงและคนอื่นๆทันที พวกนางไม่กล้าเข้าใกล้ทะเลสาบเพลิงลาวาอีกต่อไป