เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 918 ลงมือหรือไม่ลงมือ
ห้องโถงใหญ่เองก็เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมองไม่เห็นปลายทาง เจียงอี้ได้ตรวจสอบพื้นที่และไม่พบระลอกคลื่นใดๆ เขาเลยไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ตายได้อย่างไร
กะโหลกมีรอยร้าวหรือ? แต่ร่างกายนั้นไม่มีบาดแผลเลย หรือว่าการโจมตีจะมาจากด้านบน?
เมื่อเจียงอี้พบว่าโครงกระดูกเหล่านี้มีรอยร้าวบนกะโหลกศีรษะ เขาก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วและเห็นว่าเพดานนั้นมีหินที่มีระลอกคลื่นอยู่
มันถูกสร้างด้วยแผ่นหินทรงสี่เหลี่ยมสีดำ ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะตระหนักถึงบางอย่างได้ขณะที่เขาเพ่งไปยังหินยักษ์ที่มีระลอกคลื่นที่เพดานและขว้างอาวุธไปที่หินนั้น
จี๊! จี๊!
เป็นเช่นนั้นจริงๆ! แผ่นหินสว่างวาบขึ้นและสายฟ้าสีขาวก็ผ่าลงมาก่อนที่จะหายไปในพื้นหินเบื้องล่าง มันเร็วมากจนเจียงอี้มองเห็นเพียงแค่แสงสีขาวเท่านั้น
เจียงอี้หยิบอาวุธออกมาและขว้างมันไปยังหินที่อยู่รอบๆ เขาพิสูจน์บางอย่างได้ทันที แผ่นหินที่มีระลอกคลื่นอาคมที่ด้านบนจะผ่าลงมายังแผ่นหินด้านล่างทันที พลังสายฟ้าน่าจะเทียบได้กับอัสนีเก้าสวรรค์
ไปเถอะ!
หลังจากที่ทดสอบไปอีกไม่กี่ครั้ง เจียงอี้ก็เริ่มมีความมั่นใจ เขาเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีและเกราะเหล็กทมิฬปรากฏขึ้นบนร่างของเขาขณะที่เขาค่อยๆก้าวไปในแต่ละก้าวอย่างระมัดระวัง
ปลอดภัย!
เจียงอี้พยักหน้าและกระโดดเหมือนกำลังเล่นหมากรุกอยู่ เขาหลับตาและกระโดดไปรอบๆแผ่หินเบื้องหน้าและจะกระโดดไปยังแผ่นหินที่ไม่มีระลอกคลื่นใดๆ หลังจากที่ก้าวไปได้ราวสามร้อยเมตร เจียงอี้ก็ถอนหายใจและแอบคิดเงียบๆว่าอาคมยับยั้งในอารามศักดิ์สิทธิ์นั้นช่างน่ากลัวจริงๆ หากเขาไม่เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองตายได้อย่างไร
และหากคนอื่นไม่มีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง พวกเขาก็จะตรวจไม่พบมันและเมื่อพวกเขาตรวจไม่พบค่ายกลและเดินไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเขาก็จะกลายเป็นโครงกระดูกเหมือนที่อยู่บนพื้นไป
ขณะที่เจียงอี้ก้าวไปเรื่อยๆ เขาก็เห็นสมบัติมากมายบนกำแพงของทั้งสองฝั่ง มีสร้อยข้อมือที่ร้อยเรียงด้วยฟันอสูร, เขาอสูรที่มีอักขระ, กระดูกอสูรที่มีอักขระไหลเวียนและสมบัติประหลาดที่ทำจากไม้
สิ่งที่เหมือนกันเพียงอย่างเดียวคือระลอกคลื่นอาคมบนสมบัติ เจียงอี้ถูกสมบัติล่อตาล่อใจมากหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าแตะต้องพวกมัน อาคมยับยั้งในอารามศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวเกินไป มันอาจจะเป็นของดีแต่มันก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงชีวิตไปเพื่อหาสมบัติ
ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาสมบัติ ข้ามาที่นี่เพื่อจับหวู่นี่และจีทิงยวี่!
เจียงอี้เตือนสติตัวเองอีกครั้งขณะที่เขายับยั้งความปรารถนาในใจและก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงท้ายห้องโถงใหญ่และประตูหินสีดำก็ปรากฏขึ้นด้านหน้า
เข้าไป!
เจียงอี้เข้าไปที่ประตูอีกครั้งอย่างไม่ลังเล หลังจากที่มีแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมา เขาก็เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันทีเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
หืม? มีใครอยู่ที่นี่ด้วย?
เจียงอี้ตรวจพบพื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่ด้านหน้า แต่ห้องโถงนี้มืดกว่าห้องแรกนัก และคนที่อยู่เบื้องหน้าก็ไปไกลขึ้นเรื่อยๆและเขาไม่สามารถสัมผัสถึงคนเหล่านั้นได้อีกต่อไป เจียงอี้ไม่ได้รีบสำรวจพวกเขาขณะที่เขาตรวจสอบว่าพื้นที่นี่เป็นอันตรายหรือไม่
ห้องโถงนี้ก็อันตรายเช่นกันแต่อันตรายนั้นอยู่บนแผ่นหินยักษ์ด้านล่าง เจียงอี้พบความผันผวนบนแผ่นหินเล็กน้อย เขาจึงโยนอาวุธไปที่แผ่นหินตามปกติที่เคยทำ
ฮู ฮู!
แผ่นหินยักษ์สว่างขึ้นทันทีและเปลวเพลิงสีดำก็พุ่งออกมาจากแผ่นหินทำให้ความร้อนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและเปลวเพลิงก็พุ่งสูงไปกว่าสิบสองเมตรและยังคงสภาพอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อยๆหายไป
เปลวเพลิง?
เจียงอี้ยิ้มขณะที่เขากลัวเปลวเพลิงน้อยที่สุด แต่เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเปลวเพลิงเหล่านี้อยู่ในระดับไหน เขาจึงไม่กล้าแตะต้องมันอย่างประมาทและไม่กล้าดูดซึมมัน จากนั้นเขาก็หลับตาลงและก้าวกระโดดไปเหมือนคราวก่อน ขณะที่เจียงอี้ก้าวไปข้างหน้า เขาพบสถานการณ์ที่ด้านหน้า เขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นดินด้านหน้าเล็กน้อยและคงจะมีใครบางคนกำลังเคลื่อนไปข้างหน้า เจียงอี้ต้องคอยดูเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง หากว่ามีคนเป็นกลุ่มอยู่ข้างหน้าล่ะ? หากมันเป็นเสียเฟย, เจี้ยนอู๋อิงและคนอื่นๆล่ะ?
หลังจากที่ก้าวไปข้างหน้าได้ครู่หนึ่ง เขาก็สังเกตว่าไม่มีการสั่นสะเทือนจากเบื้องหน้าอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเคลื่อนไหวเร็วกว่าเขา เจียงอี้กัดฟันเพิ่มความเร็วให้ตัวเอง สิบห้านาทีต่อมา เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ด้านหน้าอีกครั้ง
มีคนอยู่ด้านหน้าตามที่คาดไว้จริงๆ แปดคนหรือ? มันเป็นเจี้ยนอู๋อิง!
หลังจากไล่ตามไปได้ครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็ใช้สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ของเขาจนในที่สุดก็สัมผัสถึงคนที่อยู่เบื้องหน้าได้ เจียงอี้สงสัยเล็กน้อย เจี้ยนอู๋อิงไม่ได้มาพร้อมกับหวู่นี่หรอกหรือ? พวกเขามีคนหลายสิบคนไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมเหลือเพียงแปดคน?
เจี้ยนอู๋อิงและกลุ่มไม่รู้ว่ามีคนกำลังไล่ตามมาอยู่จากด้านหลัง และมีคนห้าคนโยนอาวุธของพวกเขาอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจดูว่าแผ่นหินยักษ์แผ่นใดปลอดภัยแผ่นใดอันตราย มันจึงทำให้พวกเขาเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว พวกเขายังทดสอบสมบัติบนผนังและใช้วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะดูว่ามันมีอันตรายหรือไม่
เจียงอี้ไม่กล้าเข้าไปใกล้มากเกินไปและเขาไม่ได้มีความแค้นต่อเจี้ยนอู๋อิงอย่างลึกซึ้ง แต่หากเป็นเสียเฟยที่อยู่ด้านหน้า เขาคงหาทางสังหารพวกเขาอย่างแน่นอน เจี้ยนอู๋อิงยังมียอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดแปดคนที่จะคอยคุ้มกันอยู่
ฮ่าฮ่า! นายน้อย อาคมของสร้อยกระดูกหายไปแล้วขอรับ เราเอามันมาได้แล้วขอรับ
จู่ๆ หนึ่งในนั้นก็ตะโกนออกมาและเจียงอี้ก็รีบสอดส่องไปตรงนั้นและเห็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดบินไปที่กำแพงและหยิบสร้อยกระดูกออกมา เจี้ยนอู๋อิงโบกมืออย่างพึงพอใจและพูดว่า ไปกันต่อ เหลือเวลาอีกไม่มากนัก มาดูกันเถอะว่าเราจะเข้าไปในราชวังราชันเวหาได้หรือไม่ มีข่าวลือว่าราชวังราชันเวหามีสิ่งประดิษฐ์โบราณที่สร้างขึ้นโดยนายพลเก่าแก่อยู่ สร้อยคอเหล่านี้นั้นไม่มีรูปแบบเต๋าควบแน่นอยู่ในนั้น อย่างมากก็เทียบได้เท่ากับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง มันไม่มีค่านักหรอก
ไปกันเถอะ
กลุ่มคนข้างหน้ารีบเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วขณะที่เจียงอี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่ปลายแถวและค่อยๆก้าวไป สิบห้านาทีต่อมา เจี้ยนอู๋อิงและคนอื่นๆก็หยุดลงและมีเสียงสะท้อนดังก้องขึ้นมา นายน้อยหวู่นี่อยู่ด้านหน้าหรือเปล่า?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
เสียงสะท้อนนั้นทำให้ขนของเจียงอี้ลุกโชน นายน้อยอู๋อิง เราเจอกันอีกครั้งแล้ว เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ได้อะไรบ้างไหม?
หวู่นี่! เจียงอี้พยายามยับยั้งกลิ่นอายสังหารของเขา แต่ร่างของเขาก็ยังสั่นเทาโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและบอกให้ตัวเองสงบลง จากที่ฟังเสียงฝีเท้าของฝั่งหวู่นี่ ด้านนั้นน่าจะมีคนอย่างน้อยยี่สิบคน
ไม่ได้อะไรหรอก ข้าได้ของโบราณคุณภาพต่ำไร้ประโยชน์มาไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เสียงของเจี้ยนอู๋อิงก้องกังวานขึ้น ไปด้วยกันเถอะ เราจะปลอดภัยกว่า มาดูกันว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายจะแยกเราอีกหรือไม่ ช่างเป็นที่ที่น่าบัดซบนัก…
เจี้ยนอู๋อิง, หวู่นี่และคนอื่นๆเดินทางด้วยกันและพวกเขาก็ค่อยๆไปพร้อมกัน เจียงอี้กัดฟันของเขาและตามไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเดิม เขาต้องการจะดูว่าจะมีโอกาสให้เขาลอบโจมตีและสังหารทุกคนก่อนที่จะจับหวู่นี่หรือไม่
จีทิงยวี่ก็อยู่แถวนี้ด้วย!
เจียงอี้รีบไล่ตามไปและพบว่ามีร่างสีเหลืองข้างๆหวู่นี่ พวกเขามีคนสามสิบกว่าคนและนอกจากจีทิงยวี่, หวู่นี่และเจี้ยนอู๋อิงแล้ว คนอื่นที่เหลือก็เป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดกันหมด
ฝีเท้าของเขาเบามากและไม่กล้าตรวจสอบทุกคนอย่างประมาทเพราะกลัวว่ามันจะทำให้พวกเขารู้ตัว
ลงมือหรือไม่ลงมือ?
ใจของเจียงอี้กระอักกระอ่วน หากเขาใช้ทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าพวกเขาสักครึ่งหนึ่งน่าจะได้รับผลกระทบและเขาจะใช้ดาบวิญญาณสังหารคนอีกครึ่ง นั่นจะทำให้เขาจับหวู่นี่และจีทิงยวี่ได้สำเร็จ แต่หากฝ่ายศัตรูมีสมบัติป้องกันดวงจิตที่สามารถป้องกันดาบวิญญาณเขาได้ เขาอาจถูกทุกคนโจมตีและตายในท้ายที่สุด!
เสี่ยงดูแล้วกัน!
เจียงอี้รีบตัดสินใจเรื่องนี้ ที่นี่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อเขา และหากเขาไม่เคลื่อนไหวในตอนนี้ เขาก็อาจไม่มีโอกาสลงมืออีกในภายหน้า! เอ๊ะ?
เจียงอี้รู้สึกกดดันจนกระอักเลือด…คนที่อยู่ข้างหน้าเริ่มหายไปทีละคน เขาจึงสอดส่องไปและเห็นทางออกแล้ว หวู่นี่, เจี้ยนอู๋อิงและคนอื่นๆรีบวิ่งไปทางประตูใหญ่และหายลับไปจากห้องโถงใหญ่แห่งนี้
ไล่ตามไป!
หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในประตูหินแล้ว เจียงอี้ก็พุ่งไปราวกับมังกรดุร้าย เนื่องจากเขาตัดสินใจที่จะลงมือแล้ว เขาจึงจะไม่คิดอะไรมากอีก