เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 919 โถงลมดารา
คนพวกนั้นอยู่ไหนกัน?
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายแสงสีขาวและจากนั้นเขาก็เข้ามาในโถงใหญ่แห่งใหม่ อย่างไรก็ตามแต่ เขาประหลาดใจมากเพราะเขาไม่เห็นหวู่นี่และคนอื่นๆ พวกเขาเข้ามาในประตูหินเดียวกันแต่กลับไม่มีผู้ใดอยู่เบื้องหน้าเขา
เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันที แต่เขาก็ต้องตกตะลึงจนร่างสั่นสะท้านเพราะเขาสัมผัสลมดารานับไม่ถ้วนและมันมีความเข้มข้นมาก มันรุนแรงกว่าภายนอกอย่างน้อยร้อยเท่าหรือพันเท่า หากเขาขยับเพียงเล็กน้อย ลมดาราจะดึงดูดตัวเขาทันที ถึงแม้ว่าเขาจะเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนี แต่เขาก็ยังต้องตาย!
เอ๊ะ? มีใครอยู่ที่นั่น? หรือเป็นหวู่นี่และคนอื่นๆ?
เมื่อเจียงอี้สำรวจที่ด้านหน้า เขาก็พบบุคคลที่อยู่ห่างออกไปหกร้อยเมตร สองคนนั้นยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นหินและไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียว เมื่อเจียงอี้ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ดวงจิตของเขาก็สั่นสะท้าน…เนื่องจากสองคนนั้นเป็นคนที่เขาคุ้นเคยเช่นกัน แต่พวกนั้นไม่ใช่หวู่นี่, เจี้ยนอู๋อิงและคนอื่นๆ มันเป็นหยิ่นรั่วปิงและหนึ่งในผู้คุ้มกันของนาง ส่วนพี่ชิ่ง, อีฉาน, หลิงชีเจี้ยนและคนอื่นๆไม่อยู่ที่นี่
ระลอกคลื่นความหอมโชยมาอย่างแผ่วเบาและเสียงที่สับสนของหยิ่นรั่วปิงก็สะท้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นายน้อยไป๋อี? ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?
เอ่อ..
เจียงอี้ลืมตาขึ้นและมองไปยังเงาสีดำที่คลุมเครือในความมืดซึ่งเขาเต็มไปด้วยความฉงน ที่นี่ไม่สามารถใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้ และหยิ่นรั่วปิงกำลังหันหลังให้เขาอยู่ นางรู้ได้อย่างไรกันว่าเป็นเขา?
น้ำหอม ใช่แล้ว! เมื่อนึกถึงกลิ่นหอมก่อนหน้านี้ เจียงอี้ก็ตระหนักได้ในทันที นี่น่าจะเป็นความสามารถพิเศษของเผ่านารีหอมหวน เขาจึงอธิบายไปว่า แม่นางหยิ่น ที่นี่ที่ไหน? ข้าไม่รู้ว่าข้ามาที่นี่ทำไม ข้าบังเอิญสุ่มเดินมาเรื่อยๆและเข้ามาที่นี่ ที่นี่ดูท่าจะอันตรายมาก? ข้ารู้สึกได้ว่าหากข้าขยับตัว ข้าอาจตายทันที!
เขาบังเอิญเข้ามาในอารามศักดิ์สิทธิ์หรือ?
ดวงตาของหยิ่นรั่วปิงเผยความสงสัยออกมา เพราะอย่างไรเสีย อารามศักดิ์สิทธิ์นี้ก็สามารถเข้ามาได้ในวันนี้เท่านั้น โชคของเจียงอี้นั้นเป็นพวกท้าทายสวรรค์หรือ?
เนื่องจากทุกคนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอให้ย้ายร่างออกไป นางไม่ได้คิดอะไรมากและอธิบายด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า เจ้าคิดถูกต้องแล้วและห้ามเคลื่อนไหว ที่นี่คือโถงลมดารา เราโชคไม่ดีนักเพราะลมดาราที่นี่มีความเข้มข้นมากกว่าด้านนอกหลายร้อยหลายพันเท่าหากเคลื่อนไหวเพียงนิดมันจะดึงดูดลมดาราและเจ้าจะถูกสังหาร ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ที่นี่นิ่งๆระหว่างรอการย้ายร่างออกไปในอีกไม่กี่ชั่วโมง
โถงลมดารา?
เจียงอี้เผยความเจ็บปวดออกมาจากมุมปาก โชคดีที่เขาเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันทีที่เขาเคลื่อนย้ายมาที่นี่ ไม่เช่นนั้น หากเขาเผลอพลั้งเคลื่อนไหวไปก่อนหน้านี้ ในตอนนี้เขาคงตายไปแล้ว เจียงอี้หยุดครู่หนึ่งและถามว่า แม่นางหยิ่น พี่ชิ่งและคนอื่นๆอยู่ที่ไหนกัน? แม่นางอีไม่ได้เดินทางมากับเจ้าหรือ? ใช่แล้ว…ข้าเห็นคนเข้าประตูมาก่อนหน้าข้า แต่ทำไมข้าไม่เห็นพวกเขาเลยล่ะ?
หยิ่นรั่วปิงอธิบายว่า มีห้องโถงขนาดใหญ่หลายสิบห้องที่ล้อมรอบอารามศักดิ์สิทธิ์อยู่ ห้องโถงทุกห้องมีสมบัติและอันตรายประเภทต่างๆ ประตูเหล่านี้จะสุ่มเคลื่อนย้ายผู้คนไปในแต่ละที่ ข้าไม่รู้ว่าพี่ชิ่งและพี่อีฉานถูกย้ายไปที่ใด เอาล่ะ หยุดพูดแล้วอย่าขยับเถอะ ไม่เช่นนั้น หากเจ้าดึงดูดลมดารามา ความตายจะมาเยือนเจ้าแน่ๆ
หยิ่นรั่วปิงกลัวว่าเจียงอี้อาจทำให้ลมดาราเคลื่อนไหวและอาจทำให้นางลำบากด้วย นางจึงหลับตาและนิ่งเงียบก่อนที่จะกลายเป็นเหมือนรูปปั้นหินอีกครั้ง
เจียงอี้ตระหนักบางอย่างได้และรู้สึกเสียดายอยู่เงียบๆ หากเขารู้เรื่องนี้ เขาคงลงมือทันทีเมื่อเห็นหวู่นี่และคนอื่นๆ เขาเพิ่งจะเสียโอกาสไปโดยเปล่าประโยชน์
เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์อีกครั้ง แต่เขาไม่กล้าสอดส่องไปทางหยิ่นรั่วปิงเพราะกลัวว่านางจะตรวจพบได้ เขาสัมผัสได้ถึงลมดารารอบๆร่างกายของเขาเงียบๆและต้องการจะดูว่ามีทางใดที่จะปัดเป่าลมดาราไปได้หรือไม่
เจียงอี้ไม่ได้เผชิญกับหวู่นี่และจีทิงยวี่ เขาอาจจะไม่ต้องการทำอะไรและแค่รอให้เวลาผ่านพ้นไปและถูกย้ายออกไป เพราะก่อนหน้านี้เขามีโอกาสแต่กลับลังเล มันจึงทำให้เขาเสียโอกาสที่ดีไปแล้ว
หยิ่นรั่วปิงบอกว่าอารามศักดิ์สิทธิ์นี้มีโถงมากมายและประตูจะสุ่มย้ายคนอื่นๆ ซึ่งหยิ่นรั่วปิงนำคนมาด้วยเป็นสิบคนแต่นางกลับอยู่กันแค่สองคน แล้วหากว่าเขาออกไปจากโถงลมดารานี้ได้ เขาอาจจะได้เจอหวู่นี่และจีทิงยวี่ก็ได้ แล้วเขาจะพลาดโอกาสเช่นนั้นไปได้อย่างไร?
ขัดสมาธิ!
เจียงอี้สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปและค่อยๆสัมผัสลมดาราอย่างระมัดระวัง เขากำลังหาทางที่จะปัดเป่าลมดาราและหาทางเดินออกไปจากโถงลมดารานี้
ลมดารารุนแรงมาก แล้วมันจะถูกปัดเป่าได้อย่างไร? ลมดารานั้นไม่สามารถมองเห็นได้ แล้วหนอนไหมมณีสวรรค์รู้ได้อย่างไรว่าลมสายไหนเป็นลมดารา? มันต้องทำอะไรเพื่อปัดเป่าลมดาราไป?
เจียงอี้หวนนึกถึงสถานการณ์ในหุบเขาลอยลมและนึกถึงยามที่หนอนไหมมณีสวรรค์กำลังโบยบินอยู่กลางลมดารา จากนั้นเขาก็นึกถึงตอนที่เขาเห็นรูปแบบเต๋าวายุของผู้อาวุโสบนเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถัง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่นและจิตใจก็หมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว เขาเชื่อมโยงความคิดของเขากับลมดาราที่ล้อมรอบร่างกายของเขาและค่อยๆทำความเข้าใจมันอย่างรอบคอบ, คอยพิจารณาและคอยตรวจสอบมัน
ลมนั้นไม่มีรูปร่าง ลมดาราเองก็เช่นกัน ลมสามารถเลื่อนลอยไปและลมดาราก็จะไหลลอยไปตามกระแสลม ลมสามารถทำลายทุกสิ่งได้ ลมดาราเองก็เช่นกัน หรือลมดาราเป็นลมประเภทหนึ่งที่วิวัฒนาการและแข็งแกร่งขึ้น?
คำถามผุดขึ้นในใจเจียงอี้ขณะที่เขาคาดเดา, ปฏิเสธและตั้งข้อสังเกตอย่างต่อเนื่อง เจียงอี้ลืมทุกสิ่งไปในขณะนี้ เขาลืมไปว่าหยิ่นรั่วปิงยืนอยู่ในระยะไกลขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับโลกของลมดารานี้
เวลาค่อยๆผ่านไป โถงลมดารานี้ไม่มีไข่มุกเรืองแสงอยู่บนผนังและไม่มีแสงไฟด้วย ดังนั้นมันจึงมืดสนิทและน่าอึดอัดซึ่งทำให้เกิดความกลัวขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
สิบห้านาที, สามสิบนาที, หนึ่งชั่วโมง…สองชั่วโมง!
หยิ่นรั่วปิงค่อนข้างไม่สบายใจนักขณะที่นางโชคไม่ค่อยดีและถูกย้ายมายังโถงนี้หลังจากผ่านห้องโถงใหญ่มาแห่งหนึ่ง มันผ่านมาสี่ชั่วโมงแล้วและนางก็ไม่รู้ว่าอีฉาน, พี่ชิ่ง, หลิงชีเจี้ยนอยู่ที่ใด พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่านะ?
ดวงตาของนางสั่นไหวและเมื่อนางสังเกตว่าเจียงอี้นิ่งเฉยไปสองชั่วโมงแล้ว นางก็ค่อนข้างโล่งใจ จากนั้นนางก็ถามอย่างสงสัยว่า นายน้อยไป๋อี ในวันนั้นที่ทะเลสาบเพลิงลาวา ทำไมเจ้าถึงไม่รอเรา? เราตามหาเจ้าอยู่นานหลังจากกลับมาจากทะเลสาบเพลิงลาวา และข้าต้องขออภัยด้วยจริงๆ…ข้าไม่สามารถนำบัวดาวดินและกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงที่เจ้าต้องการมาให้ได้ พี่ใหญ่อีฉานได้บัวดาวดินไปแต่ส่วนที่เหลือถูกเสียเฟยเอาไปหมด!
หยิ่นรั่วปิงปกปิดข้อมูลของเจ้าอสูรเอาไว้เนื่องจากเรื่องนี้แปลกประหลาดมากเกินไป พวกนางจะต้องขอคำชี้แนะหลังจากที่กลับไปยังตระกูลและถือเป็นข้อมูลลับสุดยอด มันจึงเป็นธรรมดาที่นางจะไม่เปิดเผยให้เจียงอี้รู้
อย่างไรก็ตามแต่…นางรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเจียงอี้ไม่ได้ตอบอะไรหลังจากที่นางพูดด้วย
หลังจากที่รออยู่ครู่หนึ่ง กลิ่นหอมจากร่างของนางก็ล่องลอยไปทางเจียงอี้ และในไม่ช้า นางก็เผยความประหลาดใจขึ้นบนใบหน้าของนาง เจียงอี้เข้าสู่สันโดษและปิดประสาทสัมผัสทั้งหมด ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเมินเฉยกับคำถามของนาง
คนผู้นี้แปลกจริงๆและมาฝึกฝนในที่ที่อันตรายเช่นนี้จริงๆ หากเขาบังเอิญไปดึงดูดลมดาราเข้า เขาจะตกตายอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์!
หยิ่นรั่วปิงถอนหายใจและดวงตาของนางก็สว่างขึ้นขณะที่นางผุดความคิดขึ้นได้ นางพึมพำเบาๆ คนผู้นี้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง เขาสามารถเข้ามาในอารามศักดิ์สิทธิ์ได้ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าควรให้เขาเข้ามาอยู่ในตระกูลหยิ่น
เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์แต่เขาไม่ได้ใช้สภาวะนี้ตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ ดังนั้นหยิ่นรั่วปิงจึงไม่รู้สึกถึงมัน นางรออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะใช้กลิ่นหอมของนางสำรวจดูและเห็นว่าผู้คุ้มกันของนางเองก็ปิดประสาทสัมผัสทั้งหมดและยืนทื่อเหมือนหินเช่นกัน นางถอนหายใจและค่อนข้างรู้สึกอึดอัดและไม่ได้ดั่งใจ
ฮ่าฮ่าฮ่า!
หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาซึ่งทำให้หยิ่นรั่วปิงตกใจ มันทำให้ร่างกายของนางสั่นสะท้านและเกือบทรุดลงไปกับพื้น เจียงอี้ตะโกนออกมาว่า ข้าคิดผิดไป ข้าคิดผิด! ลมดาราไม่ใช่ลม ข้าเข้าใจมันผิดไปเอง ลมดาราเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะตัวและมันไม่ใช่ลม เราทุกคนโดนหลอกแล้ว คนทุกคนในทวีปจักรพรรดิบูรพาถูกหลอกแล้ว!
ไป๋อี เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?
กลิ่นหอมๆของหยิ่นรั่วปิงแผ่ซ่านไปทั่วและนางมีการแสดงออกที่เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อนางเห็นเจียงอี้แสดงท่าทางอย่างมีความสุข ลมดารารอบๆเริ่มถูกผลกระทบและค่อยๆเคลื่อนมา ไม่สำคัญว่านายน้อยไป๋อีต้องการจะตายหรือไม่ แต่เขากำลังจะลากพวกนางไปตายพร้อมกับเขาด้วยในตอนนี้