เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 933 มาสิ
เหตุผลหลักที่เจียงอี้เข้าสู่สันโดษคือการขัดเกลาเตาหลอม แต่เขาก็ยังไม่ต้องการพบหยิ่นรั่วปิงและอีฉานด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เน้นย้ำกับสาวใช้ว่าจะไม่พบใคร
หลังจากเข้าสู่สันโดษมาได้ครึ่งเดือน อาการบาดเจ็บของเจียงอี้ก็หายดีแล้ว กระดูกของเขาเองก็หายดีแล้วและอวัยวะภายในของเขาก็ดีขึ้นมาก อย่างน้อยมันก็ไม่มีปัญหาใดๆที่เขาจะใช้วิชาหลีกสวรรค์
เลือดอสูรของเสียเฟยนั้นมีพิษ แต่เจียงอี้ไม่ได้กินยาแก้พิษใดๆ หลังจากที่เขาใช้หญ้ามังกรยาจกไปจนปฏิรูปร่างกายไปแล้ว ความสามารถในการพักฟื้นของเขาก็สูงมากและเขามีภูมิคุ้มกันพิษเกือบทั้งหมดและจะสามารถแก้พิษได้เอง
เจียงอี้ออกสู่สันโดษและกำลังเตรียมจะจากไป เขาขัดเกลาเตาหลอมไปได้ครึ่งเดียวและอีกครึ่งหนึ่งต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน และตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์จะมีรูปแบบเต๋าแบบใด
เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนจะถึงวันครบรอบของจักรพรรดิอรหังและเขาไม่มีเวลามากพอที่จะขัดเกลามันได้ทัน เจียงอี้ไม่ต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยง เขาอาจจะได้เห็นหน้าจักรพรรดิอรหังในงานเลี้ยงเพื่อพบยอดฝีมือสูงสุดของทวีปนี้ แต่เมื่อเขานึกถึงตัวตนของตัวเอง เขาก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้
เนื่องจากเขาต้องไปจากที่นี่ เขาก็ควรจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
เจียงอี้เก็บเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์และปิดอาคมยับยั้ง เขาเดินออกไปมองท้องฟ้าสีครามก่อนจะถามสาวใช้ทั้งสองว่า ในช่วงที่ผ่านมามีใครตามหาข้าบ้างหรือไม่? มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือเปล่า?
สาวใช้คนหนึ่งจึงตอบอย่างเคารพว่า นายน้อย แม่นางหยิ่นมาเยี่ยมท่านเมื่อสิบวันก่อน นางบอกให้ท่านไปพบนางทันทีที่ออกจากสันโดษ หากไม่เช่นนั้น…นางจะไม่พบท่านอีกในชีวิตนี้ แม่นางฉานก็มาเยี่ยมท่านเมื่อห้าวันก่อน แต่นางไม่พูดสิ่งใดเลย โอ้ใช่แล้ว เมื่อวานนี้ คุณชายรองส่งบัตรเชิญร่วมงานเลี้ยงวันครบรอบของจักรพรรดิอรหังมาด้วยเจ้าค่ะ
ไม่เจอข้าอีกในชีวิตนี้?
จิตใจของเจียงอี้ปรากฏใบหน้ายิ้มแย้มของหยิ่นรั่วปิง นางดูเป็นหญิงสาวที่น่ารักแต่หยิ่งยะโสเข้ากระดูก
เจียงอี้หยุดครู่หนึ่งและตัดสินใจจะไปอำลาหยิ่นรั่วปิง อย่างไรเสีย นางก็เสี่ยงชีวิตปกป้องเขาไว้นอกซากปรักหักพังสลายบาปซึ่งนี่เป็นบุญคุณที่เขาจะต้องไม่ลืม
เจียงอี้กลับเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุดเป็นชุดคลุมสีขาวชุดใหม่ จากนั้นเขาก็เดินออกมาและแจ้งสาวใช้ พาข้าไปตำหนักแม่นางหยิ่น
เจ้าค่ะ นายน้อย โปรดตามข้าน้อยมา!
สาวใช้คนหนึ่งคำนับเจียงอี้และนำทางไปเมื่อเจียงอี้เดินออกจากลานบ้าน เขาก็เห็นว่าปราสาทอรหังอยู่ที่ยอดเขาขนาดใหญ่ ภูเขานี้มีความสูงอย่างน้อยสามกิโลเมตรและปราสาทก็ถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังที่มองไม่เห็น คนธรรมดาอาจไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาที่นี่
ขณะที่เขาตามสาวใช้ไป เจียงอี้ก็พบว่าลานข้างๆนั้นเป็นเหมือนลานของเขา มันคงต้องมีแขกผู้มีเกียรติพักอยู่ในนั้นเป็นแน่ ศาลาหอมหวนอีนั้นเป็นที่ที่ตระกูลอีเอาไว้รับแขกจริงๆ
บึฟ!
หลังจากผ่านมากว่าสิบลาน มีลานด้านหน้าซึ่งเปิดอาคมยับยั้งอยู่และกลุ่มทหารก็เดินออกมาหลังจากนั้น เจียงอี้สอดส่องด้วยดวงตาของเขาและร่างกายของเขาก็เผยกลิ่นอายสังหารที่ไม่สามารถปกปิดได้ในทันที ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังบุคคลสองคนที่อยู่ตรงกลางกลุ่มทันที
หืม?
ผู้ที่เดินออกมาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารของเจียงอี้ ดวงตาของคนกลุ่มนั้นหันมาขณะที่ดวงตาของหญิงสาวในชุดเหลืองก็เย็นชาลง นายน้อยเองก็มีกลิ่นอายสังหารอยู่ในสายตาของเขาซึ่งไม่ได้ปกปิดมันเช่นกัน
หวู่นี่ จีทิงยวี่!
เจียงอี้ยืนอยู่ที่เดิมและแลกเปลี่ยนสายตากับหวู่นี่ เขาบังคับไม่ให้ตัวเองมองไปที่จีทิงยวี่ ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกเปิดเผยได้ง่ายๆ เขายืนอยู่ที่เดิมเงียบๆขณะที่หวู่นี่ไม่ได้เคลื่อนไหวและมองกลับมาที่เขา พวกเขาเหมือนราชสีห์สองตัวที่พบเจอกันในป่าและแผงคอของพวกเขาก็ลุกตั้งขึ้น
หวู่นี่จ้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มุมปากของเขาจะโค้งขึ้นมาและพูดอย่างเย็นชา เจ้าหนู ข้าแนะนำเจ้าหน่อยนะว่าอย่าได้ย่างเท้าออกจากปราสาทอรหัง ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำให้กระดูกของเจ้าต้องกลายเป็นผุยผง!
หวู่นี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในซากปรักหักพังสลายบาป แต่บันทึกของเขาบันทึกไว้ว่าเจียงอี้ทำลายสมบัติเชื่อมดวงจิตของเขาและได้สิ่งประดิษฐ์โบราณไป หากเจียงอี้เป็นทายาทเก้าตระกูลจักพรรดิ มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ปัญหาคือนามแฝงของเจียงอี้ นามไป๋อีนั้นเป็นชื่อที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก เขาจึงทนเรื่องนี้ไม่ได้
จิตวิทยาย้อนกลับ?
ปากของเจียงอี้เองก็โค้งขึ้นขณะที่เขาตอบสนองอย่างรุนแรง นายน้อยนี่ เราออกไปฝึกกันดูไหม? เจ้ากล้าสู้ข้าด้วยตัวคนเดียวหรือไม่? หากไม่ เช่นนั้นก็หุบปากของเจ้าซะ
เนื่องจากหวู่นี่ยั่วยุเขา เขาก็จะใช้ประโยชน์จากมันและยุหวู่นี่กลับ หากหวู่นี่กล้ายอมรับการต่อสู้จริงๆ เจียงอี้จะสามารถจับเขาได้อย่างง่ายดาย และในตอนนั้น เขาจะพาหวู่นี่หนีไปด้วยวิชาหลีกสวรรค์และใช้เขาแลกตัวซูรั่วเสวี่ยกับตระกูลหวู่
หืม?
สีหน้าของหวู่นี่เปลี่ยนไปและเขาโกรธมาก กลิ่นอายของเขาแผ่ออกมาจากร่างทันทีและเขาก็เหมือนเสือโคร่งที่ดุร้าย เขาชี้ไปที่เจียงอี้และเกือบจะยอมรับการท้าทายแล้ว แต่จีทิงยวี่ที่อยู่ข้างๆก็รีบพูดอย่างนุ่มนวล นายน้อยนี่ ใจเย็นเจ้าค่ะ มันไม่คุ้มที่จะประมือกับคนเช่นนี้!
เจียงอี้ไม่ใช่ใครที่ไหนและหวู่นี่จะไม่ได้ชื่อเสียงใดๆจากการเอาชนะเขา แต่หากเขาแพ้ มันจะทำให้ชื่อเสียงเขาป่นปี้ หวู่นี่ตั้งใจอย่างขันแข็งมาหลายปีและในที่สุดก็ได้การยอมรับจากตระกูล หากเขาต้องพ่ายแพ้ในที่สาธารณะ การพยายามของเขาที่ทำมาทั้งหมดจะสูญสิ้นไป
แน่นอนว่า ที่สำคัญที่สุดคือ…หวู่นี่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าสมบัติเชื่อมดวงจิตของเขาถูกทำลายโดยเจียงอี้ เจียงอี้อาจดูเหมือนขอบเขตเทียนจุนขั้นที่สาม แต่เมื่อเจียงอี้ทำลายสมบัติเชื่อมดวงจิตได้ เขาจะต้องมีความสามารถที่ป่าเถื่อนเป็นแน่ และหากหวู่นี่สู้เพียงลำพัง เขาอาจพบเจออันตรายก็ได้
ฮู ฮู!
หวู่นี่คิดเรื่องนี้อย่างรวดเร็วและเก็บมือกลับมา จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า เจ้าเป็นใคร? เจ้ามีคุณสมบัติจะสู้กับข้าหรือ? มันคงไม่เกินไปที่จะเอาชนะคนของข้าได้สักสิบคนก่อนที่จะมาท้าทายข้า ว่ายังไงล่ะ? เจ้าเลือกคนสิบคนจากกลุ่มคนเหล่านี้ได้เลย
ปราสาทอรหังปลอดภัยมาก หวู่นี่และคนอื่นๆไม่ได้พาคนมามากเกินไป พวกเขานำขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดมาด้วยเพียงสิบคนและทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือสี่ดาวเป็นอย่างต่ำ หากเจียงอี้สู้กับพวกเขาสิบคนด้วยความแข็งแกร่งนี้ เขาคงถูกบดขยี้ไปได้อย่างง่ายดาย!
คนทั้งสิบนี้สวมชุดเกราะสีขาวและมีอายุอย่างน้อยสี่ถึงห้าสิบปี เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหวู่นี่ พวกเขาก็ตั้งท่าและมองเจียงอี้อย่างยั่วยวน
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เจียงอี้ปล่อยเสียงหัวเราะของเขาออกมาและเสียงของเขาก็ถูกปรับด้วยแก่นแท้พลัง มันจึงทำให้คนจากลานอื่นรับรู้ได้และพวกเขาก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป ดาบเหล็กทมิฬปรากฏขึ้นในมือของเจียงอี้ขณะที่เขาชี้ไปที่หวู่นี่ก่อนจะพูดว่า นี่เป็นพฤติกรรมของนายน้อยรุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลจักรพรรดิหรือ? หวู่นี่ ปีนี้เจ้าอายุยี่สิบแปดใช่หรือไม่ ข้ายี่สิบสามปี และข้าอ่อนกว่าเจ้าไปห้าปี เจ้าเกิดในตระกูลหวู่ของจักรพรรดิอุดร ส่วนข้าเกิดมาในตระกูลที่ไร้ชื่อแซ่ เจ้ายังต้องการความช่วยเหลือจากคนของเจ้าเพื่อสังหารข้าจริงหรือ? นี่คือนิสัยของทายาทเก้าตระกูลจักรพรรดิสินะ? ฮ่าฮ่า นี่มันน่าผิดหวังเสียจริง ตระกูลหวู่ของจักรพรรดิอุดรเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้!
ฮือฮา!
คำพูดของเจียงอี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในศาลาหอมหวนอี เสียงของเขาถูกเสริมด้วยแก่นแท้พลังซึ่งมันทำให้นายน้อยและคุณหนูคนอื่นๆได้ยินกันหมด เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเข้าสู่สันโดษ แม้แต่องครักษ์, คนรับใช้และผู้อาวุโสของตระกูลอีมากมายก็ยังได้ยินมัน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ! อาคมยับยั้งของสนามหญ้าถูกเปิดใช้งาน ถูหลงและคนอื่นๆพากันบินขึ้นมาบนลานบ้านเพื่อชมการแสดง ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที ผู้คนหลายร้อยก็บินออกมาด้วยสายตาที่ตื่นเต้น ใครจะไม่อยากชมความบันเทิงกันล่ะ?
…
สีหน้าของหวู่นี่เย็นชาขึ้นขณะที่เจียงอี้บังคับให้เขามาอยู่ที่ทางตัน ด้วยคนจำนวนมากที่เฝ้ามองและเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลหวู่ของจักรพรรดิอุดร หากเขาไม่ยอมรับคำท้าทาย หน้าตาของจักรพรรดิอุดรคงถูกเหยียบย่ำจมพื้นดิน!
ฮึ่ม!
ไข่มุกสามเม็ดพุ่งออกมาจากมือของหวู่นี่ขณะที่ร่างของเขาเอ่อล้นด้วยกลิ่นอายสังหารที่ไร้ขอบเขต เขารีบบินขึ้นไปบนฟ้าและตะโกนว่า เช่นนั้นก็มาสิ สมาชิกตระกูลหวู่จงฟังให้ดี ห้ามเข้ามาขัดขวางข้ากับไป๋อี เจ้าหนู เมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าผู้นี้จะสนองความปรารถนาของเจ้าเอง!
ของเจ้าเอง!