เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 336
บทที่ 336ฟินิลอะลานีน
ในยี่สิบปีที่ผ่านมา เวินฉี่ก็ไม่เคยหยุดจัดการเรื่องงานแต่งให้กับเวินหงหยู้
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่เป็นงานแต่งของทุกคนในตระกูลเวิน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพื้นฐานของการแต่งงานโดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง……
แต่ไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างเหยาเย้นและเวินหงไห่จะเป็นแบบเดียวกันหรือเปล่า?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันไปมองเหยาเย้นแล้วกัดฟันกรอดทันที
ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ก็ไม่ยอมให้พวกเขาใช้ตัวเธอไปข่มขู่คุณนายหล่อนได้เด็ดขาด!
เธอรีบผลักเหยาเย้นออก และกำลังจะไปเปิดประตู
มือเพิ่งจะไปจับโดนลูกบิด ประตูที่อยู่ข้างหน้าเธอก็ถูกคนที่อยู่ข้างนอกเปิดออกทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นไปมอง
อาจจะเป็นคุณนายหล่อนกับจี้จิ่งเชินที่มาช่วยเธอหรือเปล่า?
บนใบหน้าของเธอเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ทันไรก็ต้องยืนตัวแข็งทื่อทันที เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกนั้นเป็นใคร
ใบหน้าของเวินฉี่ดูเคร่งเครียดและมีอารมณ์โกรธปนอยู่ด้วย เขายืนจับไม้เท้าอยู่ที่หน้าประตู และมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“เธอยังคิดจะไปที่ไหนอีก?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้ง และกำหมัดแน่นทันที
“คุณนายหล่อนล่ะ? พวกเขาไปไหนแล้ว? ยังอยู่ที่ข้างล่างหรือเปล่า……”
เธอคิดที่จะรีบออกไป แต่กลับถูกเวินฉี่ขวางไว้เสียก่อน
“ถ้าเธอกำลังหาหล่อนหลีอยู่ล่ะก็ ต้องขอโทษด้วย เขากลับไปแล้ว”
ม่านตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเล็กลงทันที
“จะเป็นไปได้ยังไง?”
“นี้คือความจริง”
เมื่อเห็นท่าทีที่ดูอึ้งไปของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็มีรอยยิ้มที่มีความเยาะเย้ยเกิดขึ้นบนใบหน้าของเวินฉี่
“ทั้งชีวิตของหล่อนหลีต้องการอย่างเดียวคือแต่งงานกับเวินหงหยู้ ไม่ใช่เธอ และตอนนี้เขาก็แต่งงานแล้ว แล้วเขาจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอได้ยังไงกัน?”
“พวกเขา……แต่งงานแล้วงั้นเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนทวนคำพูดด้วยความตกใจ
ในขณะที่เวินฉี่คิดว่าเธอต้องรับไม่ได้อย่างแน่นอน แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับถอนหายใจออกมา แล้วก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา
“ดีแล้ว……”
เวินฉี่ขมวดคิ้ว ด้วยความไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาคิดว่าเธอจะถูกกระตุ้นจนทำให้เกิดความสับสนซะอีก
เขาจึงจงใจพูด: “ไม่ใช่แค่หล่อนหลีเท่านั้น แม้แต่เวินหงหยู้แล้วยังมีคนที่เธอคิดถึงอยู่ตลอดอย่างจี้จิ่งเชินก็กลับไปด้วย และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องอยู่ที่ตระกูลเวิน มาเป็นสมาชิกของตระกูลเวิน”
พูดเสร็จ เวินฉี่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองเหยาเย้นที่อยู่ในห้อง แล้วเดินออกไป
ครั้งนี้ เขาไม่ได้ปิดประตูของห้องนอนแขกอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงยืนอยู่ที่เดิม รอยยิ้มตรงมุมปากก็ค่อยๆจางหายไป
เหยาเย้นจึงเดินเข้าไป และพูด: “เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้หลวนจื่อมาอยู่เป็นเพื่อนคุณแล้วกันนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ตอบสนองใดๆ เธอจึงเดินออกไปโดยไม่ได้อยู่ต่อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อสักครู่โดยไม่ยอมขยับเขยื้อน
เมื่อรอจนทั้งสองคนเดินออกไปแล้ว มือของเธอที่วางอยู่บนประตูค่อยๆตกลงมา แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่เหรอ? แต่งงานแล้วก็ดี……”
เพราะคำพูดไม่กี่คำของเวินฉี่ ในหลายวันถัดมา เวินเที๋ยเที๋ยนไม่ได้ถูกบังคับอีก
ถึงแม้จะสามารถเข้าออกห้องได้แล้ว และยังสามารถเดินไปเดินมาในคฤหาสน์ตระกูลเวินได้ แต่เธอกลับไม่สามารถออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ข้างๆหน้าต่าง แล้วมองดูบรรยากาศข้างนอก
ตระกูลเวินอาศัยอยู่ในลานกว้างของเขตทหาร และครอบครองบ้านพักทั้งหลัง
แค่มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็สามารถมองเห็นทหารสิบกว่าคนที่ถืออาวุธครบมือ
ไม่ว่าใครอยากจะแอบเข้ามาจากข้างนอก ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
และแน่นอนก็รวมถึงการหนีออกจากด้านในเช่นกัน
การจัดการทางทหารที่มากเกินไป แม้แต่ชีวิตของคนก็ต้องมีการควบคุม
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนนึกมาถึงตรงนี้ ก็หันหน้ามาหาคนที่นั่งอยู่ข้างหลังของเธออย่างหลวนจื่อ
“เธอรู้หรือเปล่าว่าคุณป้าของเธอกับเวินหงไห่ พวกเขาแต่งงานกันยังไง?”
หลวนจื่อนั่งอยู่บนโซฟา และกำลังเปิดอ่านนิตยสารแฟชั่นที่อยู่ในมือ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็เงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความงง
คิดอยู่สักพัก จึงได้พูดขึ้นมา: “การแต่งงานระหว่างตระกูลหล่อนกับตระกูลเวินมีมานานแล้ว แต่คนที่ถูกเลือกให้แต่งงานในตอนแรกเป็นเวินหงหยู้ แต่เพราะตอนนั้นเขาไม่ยอมแต่ง สุดท้ายก็เลยกลายมาเป็นเวินหงไห่ที่ต้องแต่งแทน”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง ก็ตกใจ: “ที่แท้เป็นคุณลุงเวินเหรอ?”
ในหัวของเธอปรากฏผู้หญิงที่สง่างามคนนั้นอีกครั้ง
“ถึงแม้จะถูกเปลี่ยนคู่แต่งงาน เธอก็ไม่คัดค้านอะไรเลยเหรอ?”
หลวนจื่อเอียงคอ
“ไม่น่ามั้ง?”
เธอขมวดคิ้วแล้วพูดมาหนึ่งประโยค และไม่ได้พูดต่ออีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย
เรื่องแบบนี้ เขาควรจะคัดค้านไม่ใช่เหรอ?
การถูกจับคู่ชีวิตของตัวเองอย่างตามใจชอบ ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้หรอก
แต่สุดท้ายเหยาเย้นก็ยังคงได้แต่งงานกับเวินหงไห่
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองหลวนจื่อ
ตระกูลใหญ่ๆแบบนี้ ส่วนมากเขาใช่การแต่งงานเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อย่างนั้นเหรอ? แล้วถ้าคุณนายหล่อนกับคุณลุงเวินไม่ได้ยืนหยัดตลอดมา ก็คงถูกคนในครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้ชอบแน่นอน
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตู
“เข้ามา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบกลับไป ก็เห็นเหยาเย้นผลักประตูเข้ามา และยืนอยู่หน้าประตู
เธอมองไปหาสองคนที่อยู่ในห้อง ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“หลวนจื่อ ตอนนี้ก็เลยเวลาไม่มากแล้วนะ หนูจะกลับเลยหรือเปล่า? ”
หลวนจื่อพยักหน้า แล้วหันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ไว้พรุ่งนี้ฉันจะมาหาเธอใหม่นะ”
พูดเสร็จ เธอก็เดินเข้าหาเวินเที๋ยนเที๋ยนสองก้าว และมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วพูดเสียงเบา
“เธอมีอะไรให้ฉันเอาไปให้จี้จิ่งเชินไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ และหันไปมองเหยาเย้นที่ตอนนี้ยังยืนมองพวกเธออยู่จากหน้าประตู
“บอกจี้จิ่งเชินว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ฉันไม่เป็นไร”
“แค่นี้เหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ขอบคุณนะ”
หลวนจื่อขมวดคิ้วแล้วพูดพึมพำ: “คิดว่าจะได้ไปส่งข่าวสำคัญๆอะไรซะอีก……แต่สุดท้ายก็แค่นี้ งั้นฉันไปก่อนแล้วนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงยืนอยู่ที่เดิม และมองดูเขาที่เดินออกจากห้องไป
เหยาเย้นหันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วพูด: “จริงๆแล้วการอยู่ที่นี้ ก็ไม่ได้ถือว่าอยู่ลำบากไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนนึกคำพูดของหลวนจื่อขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “คุณนายเหยาดูเหมือนคุณจะออกจากบ้านน้อยมาก”
“ทุกอย่างที่ฉันจะได้รับ อยู่ที่คฤหาสน์นี้หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกหรอก”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังประโยคนี้ ก็ขมวดคิ้วแล้วพูด: “ครั้งล่าสุดที่คุณออกจากบ้าน คือเมื่อไหร่กันคะ?”
“คุณเวิน”
เหยาเย้นหัวเราะออกมาเบาๆ และพูด: “ฉันกับคุณเราไม่เหมือนกัน ที่จะสามารถเข้าออกตระกูลเวินได้อย่างอิสระ”
“ที่ฉันพูดไม่ได้หมายความว่าแบบนี้……”
เธอหันไปมองเหยาเย้นที่อยู่ข้างหน้าเธอ สุดท้ายก็ถอนหายใจ ส่ายหน้า และเลือกที่จะไม่พูดต่อ
และดูเหมือนเหยาเย้นไม่มีความหมายว่าอยากถามเพิ่ม เธอยิ้มให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเล็กน้อย และหมุนตัวเตรียมเดินออกไป
แต่เพิ่งจะได้หมุนตัว อยู่ๆขาทั้งสองข้างก็อ่อนลง และล้มไปทางข้างหน้า
แต่ก็ยังดีที่เธอจับประตูไว้ได้ทัน จึงทำให้ไม่ได้ล้มลงไปนอนตรงพื้น
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองเธอ
เหยาเย้นจับหน้าผากของเธอไว้
“ฉันไม่เป็นไร ก็แค่อาการเดิมๆ เดี๋ยวสักพักก็ดีขึ้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองใบหน้าขาวซีดของเขาด้วยความกังวล
“เดี๋ยวฉันไปส่งคุณกลับห้องดีกว่าค่ะ”
พูดเสร็จ เธอก็ประคองเหยาเย้นเข้าไปในห้องนอนของเขา แล้วพาเขาไปนั่งบนเตียง
“มียาไหมคะ?”
เหยาเย้นขมวดคิ้วแน่น แล้วชี้ไปทางโต๊ะ
“อยู่ในลิ้นชักนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเดินไปเปิดลิ้นชัก แต่กลับเห็นว่าในนั้นเต็มไปด้วยขวดยาชนิดหนึ่ง
เธอจึงหยิบขึ้นมาดูสองสามขวด บนขวดเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือที่ดูยาก
“อะซีตามิโนเฟน” เหยาเย้นพูดชื่อยาขึ้นมาหนึ่งชื่อ
“ได้ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบหา หาอยู่สักพัก แต่ก็ยังหาอะซีตามิโนเฟนไม่เจอ แต่กลับเจออีกอย่างหนึ่งที่เป็นชื่อยาที่เธอคุ้นเคยดี
ฟินิลอะลานีน?