เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 337
บทที่ 337 ผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
เมื่อมองขวดยาที่อยู่ข้างหน้าของเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกว่าชื่อยานี้คุ้นตาเธอมาก
และเธอก็คิดออก ว่าเหมือนจี้จิ่งเชินก็กำลังใช้ยาชนิดนี้อยู่เหมือนกัน
แต่ว่า ยานี้ไม่ใช่ยาที่ใช้รักษาโรคทางจิตไม่ใช่เหรอ?
“หาเจอหรือยัง?”
เหยาเย้นพูดเร่งขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบวางขวดที่อยู่ในมือ และหยิบขวดยาอีกขวดหนึ่งที่เหยาเย้นต้องการ แล้วเดินเข้าไปให้เธอ
ผ่านไปสักพัก อาการของเหยาเย้นก็ค่อยๆดีขึ้น สีหน้ายังคงขาวซีด แต่สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงนั่งอยู่ข้างๆ แต่ในใจกลับคิดถึงแต่เรื่องขวดยาเมื่อสักครู่
“คุณนายเหยา ทำไมคุณถึงมียาเยอะขนาดนี้คะ?”
เหยาเย้นยิ้มเจื่อนๆ
“ร่างกายของฉันไม่ค่อยดี และต้องกินยาบ่อยๆ ดังนั้นจึงได้เตรียมยาที่ใช้ประจำไว้ในบ้านหนะ”
“ใช้ประจำเหรอคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย: “คุณนายเหยา คุณก็มีโรคทางจิตเหรอคะ?”
เหยาเย้นมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงชี้ไปตรงโต๊ะที่เธอใช้หายาเมื่อสักครู่นี้“เมื่อสักครู่ฉันเห็นฟินิลอะลานีนหนึ่งขวดในลิ้นชักของคุณ ยาชนิดนั้นเหมือนจะใช้รักษาโรคทางจิตนิคะ”
“ฟินิลอะลานีน?”
เหยาเย้นขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่สักพัก จึงค่อยเข้าใจขึ้นมา
“สิ่งที่เธอเห็นคงจะเป็นฟินิลอะลานีน? ชื่อนี้เมื่อฟังแล้วมีความคล้ายฟินิลอะลานีนมาก แต่กลับเป็นยาสองชนิดที่ไม่เหมือนกันเลย”
เธอพูดด้วยรอยยิ้ม: “ฟินิลอะลานีนเป็นแค่ยาแก้ปวดหัว ส่วนฟินิลอะลานีน”
เหยาเย้นเงยหน้าขึ้นมองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วพูดต่อ: “ยาชนิดนี้เป็นยาต้องห้าม”
“ยาต้องห้ามอย่างนั้นเหรอคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เธอด้วยความตกใจ“ทำไมล่ะคะ?”
“ฉันเป็นคนที่กินยาบ่อย ก็เลยจะมีความรู้เรื่องยานิดหน่อย ฟินิลอะลานีนเป็นยาที่ผิดกฎหมาย ถึงแม้จะใช้รักษาโรงทางจิตได้ก็จริง แต่มันไม่ใช่การรักษาแบบหายขาด กลับเป็นการรักษาแบบยับยั้ง และด้วยมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก ยานี้จึงไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ”
เธอหันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยรอยยิ้มที่มีความกังวลเล็กน้อย
“คุณเวิน ถ้าเพื่อนของคุณกำลังใช้ยาตัวนี้อยู่ คุณควรให้เขารีบหยุดใช้ยาตัวนี้จะดีกว่านะ เพราะยาชนิดนี้มีผลร้ายแรงต่อสมอง ถ้าใช้ในระยะยาวก็จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้”
“ไม่สามารถ……นำกลับคืนมาได้……”
ม่านตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเล็กลง และสีหน้าก็ซีดลงทันที
“จะสร้างความเสียหายอย่างมาก……”
เหยาเย้นไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ แต่ก็ยังคงพยักหน้าให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
วินาทีต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้นมาอย่างเร่งรีบ จนทำให้เก้าอี้ล้มลงไปอยู่ที่พื้น
“ขอโทษค่ะ คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ พอดีฉันเพิ่งจะคิดเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งออก……สำคัญมากด้วย……”
พูดเสร็จ เธอก็ไม่รอให้เหยาเย้นตอบกลับ ก็รีบหมุนตัวแล้ววิ่งออกไปทันที
เพราะโทรศัพท์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกยึดไปแล้ว และโทรศัพท์ของคฤหาสน์ก็ใช้ไม่ได้
นอกจากคนที่มาหาเธอทุกวันอย่างหลวนจื่อ ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้
เธอหวังว่าในเวลานี้ หลวนจื่อจะยังไม่ได้กลับไป!
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบวิ่งลงไปชั้นล่างของตึก
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวเท้าออกจากประตูคฤหาสน์ ก็ถูกทหารสองสามนายขัดขวางไว้เสียก่อน
“คุณเวิน คุณออกไปไม่ได้นะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ เธอคิดอย่างเดียวว่าจะรีบเดินออกไปข้างนอก
“หลวนจื่อล่ะ? เธอกลับไปหรือยัง?”
ทั้งสองคนขัดขวางอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ยอมปล่อยให้เวินเที๋ยนเที๋ยนก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว
“คุณหลวนเธอกลับไปแล้วครับ และถ้าคุณมีอะไรที่ต้องการ ก็สามารถคุยกับเธอได้ในพรุ่งนี้ครับ”
“ถ้าเป็นพรุ่งนี้มันก็จะไม่ทันนะสิ!”
จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขึ้นเสียงและตะโกนใส่ทั้งสองคน จนทั้งสองคนตกใจ
แต่ไม่นาน สีหน้าของพวกเขาก็จริงจังขึ้นมาอีกครั้ง และยังคงขวางอยู่ข้างหน้าของเธอ
“ขอโทษครับ พวกผมให้คุณออกไปไม่ได้จริงๆ”
ไม่ได้นะ……
จี้จิ่งเชินกลับกินยาต้องห้ามนี้มาตลอด……
ความเสียหายที่ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้……
มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง……
คำพูดของเหยาเย้นดังขึ้นในหัวของเธอไม่ยอมหยุด
ถ้านับเวลาดู จี้จิ่งเชินกินยาตัวนี้มาเป็นเวลามากกว่าครึ่งปีแล้ว……
และถ้ายังกินยาตัวนี้ต่อไปอีกละก็……
“ปล่อยฉันออกไปนะ!”เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดออกไปเสียงดุ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ จี้จิ่งเชินก็คงไม่ต้องใช้ยาเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองแบบนี้
แล้วถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับจี้จิ่งเชิน ฉันจะทำยังไงดี?
“พวกนายให้ฉันออกไปนะ และถ้าไม่สามารถให้ฉันออกไปได้จริงๆ ก็ให้ฉันยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหม? ช่วยฉันติดต่อคนคนหนึ่งที”
“คุณอยากติดต่อใคร?”
และในขณะนั้นเอง จู่ๆเสียงของเวินหงไห่ก็ดังมาจากข้างหลังของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบหันกลับไป แล้วพูด: “ฉันขอล่ะนะ ให้ฉันติดต่อจี้จิ่งเชินได้ไหม? ฉันแค่จะโทรไปหาเขาครั้งเดียวเอง แค่ไม่กี่นาทีก็ดี ฉันใช้เวลาไม่มากหรอก……”
เวินหงไห่ยังคงมองอยู่ที่เธอ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“ถึงตอนนี้แล้วเธอยังไม่วางใจอีกเหรอ? เธออยู่ตระกูลเวินมาตั้งหลายวันแล้ว มีวันไหนบ้างที่เขาจะมาหาเธอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงกำแขนของเขาไว้แน่น อย่างไม่ยอมลดละ
“ขอล่ะนะ ให้ฉันโทรหาเขาหน่อย ฉันขอคุยกับจี้จิ่งเชินแค่ประโยคเดียว ประโยคเดียวก็พอ……”
“ไม่ได้!”
เวินหงไห่สะบัดเธอออกทันที แล้วหันไปพูดกับทหารทั้งสองคน: “พวกแกทำงานกันยังไง? ถึงเกือบจะทำให้เธอหนีออกไปได้! พาเธอกลับเข้าไปในห้อง และอย่าให้วิ่งออกมาข้างนอกอีก!”
ทหารทั้งสองคนจึงรีบยืนตรง
“ครับ”
พูดเสร็จ ก็เดินเข้ามาจับเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเดินเข้าไปทางคฤหาสน์
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยายามขัดขืน แต่แรงของเธอจะไปสู้อะไรได้กับแรงของทหารสองคน
ไม่นาน เธอก็ถูกพาเข้าไปในคฤหาสน์
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงตะโกนไม่หยุด
“ฉันอยากจะติดต่อกับจี้จิ่งเชิน ให้ฉันได้เจอกับเขานะ! เพราะฉันปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีก!”
แต่ก็ไม่มีสักคนที่ได้ยินคำขอร้องของเธอเลย และไม่มีใครตอบกลับเธอมาด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกโยนเข้าไปในห้องทันที
เธอจึงทุบประตูอย่างไม่ยอม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ตอนนี้ภายในปราสาท จี้จิ่งเชินกำลังกำหมัดแล้วทุบลงไปบนโต๊ะ
จนโต๊ะไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
สีหน้าของเขาหม่นหมอง ขอบตาดำ และดวงตาแดงก่ำ
ตั้งแต่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เข้าไปอยู่ในตระกูลเวิน จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยพักผ่อนเลย สภาพจิตใจและกำลังกายก็ถึงขีดสุดแล้ว
จี้จิ่งเชินกำหมัดแน่น แล้วพูดเสียงต่ำ: “ถึงตอนนี้แล้วยังหาข้อมูลอะไรไม่ได้อีกเหรอ?”
พ่อบ้านส่ายหน้า
“ตระกูลเวินมีการติดต่อกับแวดวงการเมืองและการทหาร พวกเขาจึงปกปิดทุกอย่างไว้อย่างมิดชิด พวกผมทำทุกวิถีทางแล้วครับ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อมูลสถานการณ์ภายในของตระกูลเวินได้เลย”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินประโยคนี้ ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก สีหน้าหม่นหมอง ราวกับสามารถมีหยดน้ำหยดลงได้
เขาคิดหาทุกวิถีทาง เพื่อจะพาตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนกับมา
แต่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีข่าวอะไรอีก
ภายในห้องหนังสือเงียบสนิท จนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นลงพื้น เพราะไม่มีใครกล้าแม้แต่จะพูดออกมา
พ่อบ้านกับจงหลีหันมาสบตากัน
และเพราะไม่มีวิธีอื่น จงหลีจึงค่อยๆเดินขึ้นมาข้างหน้า
“ประธานจี้ครับ เรื่องที่ท่านเคยให้ผมไปตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนของหล่อนหลีกับเวินหงหยู้ ตอนนี้เริ่มได้เรื่องแล้วนะครับ ”
พูดเสร็จ เขาก็นำเอกสารที่อยู่ในมือวางไว้บนโต๊ะของเขา
จี้จิ่งเชินรับเอกสารไป แต่สีหน้ากลับไม่ได้ผ่อนคลายขึ้นเลย
เขาไม่ได้เปิดดูในทันที แต่กลับโบกมือให้ทั้งสองคน
“พวกนายออกไปก่อน และไปตรวจสอบต่อ แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ให้รีบมาบอกฉัน”
เมื่อรอจนทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องแล้ว เขาจึงยื่นมือออกไปเปิดลิ้นชัก และนำขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากในนั้น
และเมื่อเปิดดู ก็เห็นว่าข้างในว่างเปล่าแล้ว
จี้จิ่งเชินยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม สีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด จนดูไม่ได้
แล้วอยู่ๆก็รู้สึกปวดขึ้นมาตรงหน้าผาก
เขาจึงยกมือขึ้นมากดที่หน้าผาก แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
และจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา เพื่อโทรไปหาหมอจางทันที