เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 353
บทที่ 353 ไฟไหม้แล้ว
แม้ว่าในใจของเธอจะไม่เต็มใจขนาดไหน เจียงหยู่เทียนเองก็ไม่มีความสามารถพอที่จะขัดขืนได้เลย
เธอยืนขึ้นมาอย่างยอมรับชะตากรรม แล้วเดินไปยังประตูด้านหลังแล้วนั่งลง เพื่อมองดูตรงหน้าต่างช่องนั้นที่จะมีอาหารคอยส่งมาให้ แต่กลับพบว่าทางด้านนอกนั้นไม่มีอะไรวางอยู่เลย
แปลก?
ปกติแล้วเวลานี้ จะมีอาหารที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วสิ
ถึงแม้ว่าอาหารเหล่านั้นดูแล้วแม้แต่หมูก็ยังจะกินไม่ได้เช่นนั้น แต่ก็สามารถประทังชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
แต่วันนี้ ไม่มีแล้วอย่างนั้นหรือ?
เจียงหยู่เทียนเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย มองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนัง
ตอนนี้เลยเวลาปกติที่ส่งอาหารมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ทางด้านนอกกลับยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เจียงหยู่เทียนมองด้วยความสงสัย การเคลื่อนไหวของเธอช้าลง จึงทำให้จี้ยี่หยันและฉวีช่วยฉินที่อยู่ทางด้านหลังรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
แล้วด่าว่าออกมา : “ชักช้าอืดอาดอะไรอยู่? เรียกให้เธอไปหยิบของแค่นี้ไม่ได้แล้วหรือ?”
“ไม่ใช่…..”
เจียงหยู่เทียนหันกลับมา แล้วเอ่ยออกมาอย่างระวัง : “ข้างนอกไม่มีอาหารส่งมาเลย”
จี้ยี่หยันได้ยินแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“พวกนั้นจะให้พวกเราหิวตายรึยังไง?”
เขาลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยความโมโห แล้วผลักเจียงหยู่เทียนออก เข้าไปใกล้ช่องหน้าต่างบนเล็กบานนั้น แล้วมองลอดออกไปทางด้านนอก
เดิมทีที่อยากจะมองดูคนที่อยู่ทางด้านนอก แต่กลับเป็นเพราะมุมที่จำกัดนี้ จึงเห็นเพียงแค่มุมตรงทางเดินด้านนอกเพียงเท่านั้น
และตรงที่ที่วางอาหารโดยปกตินั้น ไม่มีอะไรวางอยู่เลยจริงๆ ว่างเปล่าไปหมด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
จี้ยี่หยันทุบไปที่ประตูอย่างไม่พอใจ ทำให้ประตูเหล็กเกิดเสียงดังขึ้นมาในทันที
“มีใครอยู่ไหม? ไปตายที่ไหนกันหมดแล้ว?”
“ทำไมยังไม่ส่งอาหารมาอีก? อยากจะให้พวกฉันตายรึไง?”
“คนหายไปไหนหมด? พวกแกไปไหนกันหมด?”
เขาด่าว่าออกมาไม่หยุด พลางเขย่าประตูเหล็กไปด้วย แต่ทางด้านนอกก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“แย่จริง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จี้ยี่หยันสบถออกมา
เจียงหยู่เทียนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ : “พวกเขาไปแล้วหรือเปล่า?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”
จี้ยี่หยันตอบโต้กลับไปโดยไม่ต้องคิด
ตั้งแต่พวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่ เป็นเวลานานขนาดนี้ ทางด้านนอกจะมีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยห่างออกไปเลยแม้แต่ก้าวเดียว
แล้วจู่ๆจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรกัน?
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะตะโกน หรือเคาะประตูอย่างไร ทางด้านนอกก็ไม่มีเสียงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
จี้ยี่หยันเขย่าอยู่พักหนึ่ง แล้วหยุดการเคลื่อนไหวนี้ลง พลางขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
เอ่ยพูดกับตัวเองขึ้นมา
“ไปกันหมดแล้วจริงๆหรือ?”
ถ้าหากไม่มีใครคอยเฝ้า นี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะหนีออกไปจากที่นี่ได้สินะ!
ถ้ามีกุญแจก็คงจะดี…..
ความคิดนี้เพิ่งจะแวบเข้ามาในหัว จี้ยี่หยันมองจากช่องหน้าต่างทางประตูเห็นว่าในมุมที่อยู่ไม่ไกลนั้น มีแสงหนึ่งแวบเข้ามา!
สิ่งนั้น!
หรือว่าจะเป็น…..
กุญแจ?
จี้ยี่หยันรู้สึกตกใจ ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งสองข้างนั้นจู่ๆก็สว่างเป็นประกายขึ้นมา
หลังจากที่สั่งให้จงหลีจัดการเรื่องที่ค้างอยู่ให้เสร็จแล้วนั้น จี้จิ่งเชินจึงให้เขากลับไปพักผ่อน
เขาจึงนำของที่เอามาจากคฤหาสน์ขึ้นไปไว้ยังด้านบน ผ่านห้องนอนใหญ่และห้องนอนที่อยู่ทางด้านข้าง
จี้จิ่งเชินจึงขมวดคิ้วขึ้น
ถึงแม้จะถูกบังคับให้กลับมาที่บ้านตระกูลจี้ แต่จะให้เขาไปพักอยู่ในห้องของที่จี้คางเคยอยู่นั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด
เขาเดินไปยังห้องพักรับรองห้องสุดท้ายห้องนั้น เปิดประตู แล้วเอากล่องที่อยู่ในมือวางลงบนโต๊ะ
จี้จิ่งเชินไม่ได้นั่งลง แต่ก้มมองดูกล่องใบที่ไม่ใหญ่มากใบนั้น
เขาเปิดฝาออก ด้านในเป็นสิ่งของที่เวินเที๋ยนเที๋ยนใช้อยู่บ่อยๆไม่กี่อย่าง
จี้จิ่งเชินก้มลงมอง แล้วจ้องไปยังของที่อยู่ด้านในกล่อง อาการที่แสดงออกทางใบหน้านั้นค่อยๆอ่อนโยนลง
เขายื่นมือออกมา แล้วหยิบเอากล่องเครื่องมือกล่องเล็กๆกล่องหนึ่งขึ้นมา นี่คือสิ่งที่เขาซื้อให้เธอในตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนช่วยซ่อมสร้อยคอให้เขา
หลังจากตอนนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ใช้มันเพื่อซ่อมแซมของโบราณต่างๆอีกมากมาย
จี้จิ่งเชินยังคงเอาของที่อยู่ในกล่องใบนั้นออกมาทีละชิ้นๆ
ด้านในมีสมุดบันทึกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนใช้ กรอบรูปของเธอ…..
สิ่งของทุกอย่าง ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งสิ้น
ของเหล่านี้ก็ล้วนแต่มาจากของที่เขานำออกมาจากคฤหาสน์
แต่สิ่งของเหล่านี้ ตอนนี้กลับไม่สามารถวางได้เต็มโต๊ะเพียงแค่ตัวเดียวได้เลยเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่มีอะไรเหลือแล้ว
วันนั้นจี้จิ่งเชินอยู่ที่ตระกูลเวิน ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สถานการณ์ตอนนี้ของเขา จะทำอย่างไร?
และเพิ่งจะคิดถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็มีอาการปวดแปลบขึ้นตรงบริเวณหน้าผาก
อาการปวดที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ ทำให้จี้จิ่งเชินแทบจะไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้
เขาจึงรีบยื่นมือออกไปพยุงโต๊ะเอาไว้ แล้วหยิบขวดยาในกระเป๋ากางเกงออกมา หลังจากที่ทานยาไปสองเม็ด อาการปวดนั้นก็ค่อยๆทุเลาลง
เขากำขวดยาในมือเอาไว้แน่น เนื่องจากใช้แรงมากเกินไปจนทำให้ข้อนิ้วของเขานั้นส่งเสียงกระทบกันออกมา
ถึงแม้ว่าหมอจางจะเคยบอกเขาเอาไว้ว่าเขาไม่สามารถที่จะใช้ยาตัวนี้ต่อได้ แต่ต่อให้มีผลลัพธ์อะไรขึ้นจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้มีทางเลือกอื่นเช่นกัน
เขาเอาขวดยานั้นเก็บลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง แล้วจู่ๆก็ได้กลิ่นไหม้อะไรบางอย่างขึ้นมา
จี้จิ่งเชินมองออกไปทางด้านนอกด้วยความสงสัย รู้สึกถึงว่าด้านนอกมีควันบางๆลอยขึ้นมา บวกกับกลิ่นไหม้นี้
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
จี้จิ่งเชินเดินออกมาจากห้องนอน แล้ววิ่งลงไปยังชั้นล่างด้วยความสงสัย
ยิ่งลงไปยังด้านล่าง กลิ่นไหม้นั้นก็ยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับว่าควันนี้ได้ห่อหุ้มคฤหาสน์หลังนี้ไปทั้งหมดแล้ว
เปลวไฟทางด้านนอกกำลังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
มีคนวางเพลิง!
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วจะวิ่งออกไปทางด้านนอก
แต่เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าวนั้น จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมของเอาไว้ที่ห้องนอน
เขากัดฟัน แล้วจึงรีบหันกลับขึ้นไปด้านบน
รถแท็กซี่จอดอยู่ตรงด้านนอกของบ้านตระกูลจี้
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นไฟลุกอยู่นั้น ตกใจเสียจนสีหน้าเปลี่ยน สีเลือดฟาดบนใบหน้าของเธอนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว
“ไฟไหม้!”
เธอรีบลงมาจากรถ
“จี้จิ่งเชิน!”
เธอตะโกนออกมาเสียงดัง แล้วจะรีบวิ่งเข้าไปด้านใน
คนขับรถเห็นเธอจะวิ่งเข้าไปแล้วมีสีหน้าตกใจขึ้นมา
“คุณครับ! ไฟไหม้แล้ว!คุณเข้าไปไม่ได้!มันอันตราย!”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้สนใจเลย
เพียงแค่คิดว่าจี้จิ่งเชินอยู่ข้างในนั้น เธอก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
เธอผลักประตูเข้าไป คลื่นความร้อนที่พุ่งเข้ามา ทำให้เธอแทบจะหงายหลังไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นมาบังตรงหน้าผากของตัวเอง แล้วยังคงมุ่งมั่นที่จะพุ่งเข้าไป
ไม่นานร่างของเธอก็ได้หายเข้าไปท่ามกลางเพลิงไฟนั้น
คนขับรถจ้องมองไปยังเบื้องหลังที่หายไปของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับเพลิงไฟที่กำลังขยายพื้นที่ไปในวงกว้างตรงหน้า
“ดับเพลิง…..ดับเพลิง….”
เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์119
“ฮัลโหล ที่นี่ไฟไหม้ครับ! รีบส่งคนมาด่วนเลย!”
“ขอสอบถามที่อยู่ด้วยครับ? ทางเราจะติดต่อทีมรถดับเพลิงให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”
คนขับรถรีบบอกไป : “ที่นี่คือ….”
ยังไม่ทันได้รอเขาพูดจบนั้น ทันใดนั้นเองก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาจากนอกหน้าต่างรถ แย่งโทรศัพท์มือถือของเขาไป
คนขับรถตกใจจึงรีบหันมามอง
“คุณทำอะไรน่ะ!ไฟไหม้แล้ว ต้องรีบหาคนมาช่วย!”
คนที่ยืนอยู่ทางด้านนอกมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา ใบหน้าของเขานั้นปราศจากอารมณ์ใดๆ
โทรศัพท์มือถือของคนขับรถยังคงมีเสียงของเจ้าหน้าที่จากทางปลายสายดังออกมา
“คุณครับ? คุณ? กรุณาแจ้งที่อยู่กับผมด้วยครับ…..”