เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 358
บทที่ 358 ความสามารถที่แสดงออกมา
หล่อนหลีและเวินหงหยู้ได้รับข่าวที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกจากตระกูลเวินไปแล้วนั้น จึงรีบตามมาอย่างรวดเร็ว
ตอนที่มาถึงที่ซากปรักหักพังของตระกูลจี้นั้นก็เห็นภาพตรงหน้าเป็นเช่นนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ในกองซากปรักหักพังเหล่านั้น ทั้งร่างกายของเธอนั้นเปื้อนไปด้วยเขม่าและคราบสกปรก
เธอเบิกตากว้าง เพราะกลัวว่าจะพลาดเบาะแสเล็กๆน้อยๆไป แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้โฟกัสตรงจุดใดจุดหนึ่ง เพียงแต่พลิกเศษกระเบื้อง เศษอิฐนั้นด้วยความมึนๆอย่างไม่หยุด
หล่อนหลีเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ ในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ขอบตารู้สึกร้อนผ่าว
เธอรีบวิ่งเข้าไป แล้วดึงมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้จากทางด้านหลัง
“เที๋ยนเที๋ยน อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่แม้แต่จะหันมามอง แต่สะบัดมือของเธอออก ไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาแล้วก็พลิกหาต่อไป
หล่อนหลีเจ็บปวดมาก กอดเธอไว้จากทางด้านหลัง แล้วดึงเธอให้ออกมาจากกองซากปรักหักพังเหล่านั้น
“เที๋ยนเที๋ยน ไม่ต้องหาแล้ว พวกเรากลับกันดีไหม?”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
หล่อนหลีทนเห็นเธอทำร้ายตัวเองเช่นนี้ไม่ได้ จึงกัดฟันเอ่ยพูดขึ้นมา : “จี้จิ่งเชินตายไปแล้ว!”
ประโยคนี้ ราวกับทิ่มแทงความอ่อนแอนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาทันใด
เธอดิ้น
“ไม่! เขาจะไม่เป็นอะไร!”
“พวกคุณโกหกฉัน….”
เธอสะบัดหล่อนหลีออก แล้วหันกลับเข้าไปอีกครั้ง
“จี้จิ่งเชินจะต้องหนีออกไปได้แน่ๆ…..”
เธอก้มลง แล้วพลิกหาต่อเหมือนตัวเองเป็นเครื่องจักร
ผ่านไปสักพักหนึ่ง จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันหน้ามา มองไปทางหล่อนหลีที่อยู่ทางด้านหลัง
ดวงตาของเธอนั้นปรากฏถึงแสงแห่งความคาดหวังออกมา จึงรีบปีนป่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วดึงมือของหล่อนหลีเอาไว้
“แน่ๆเลย! พวกคุณจะต้องช่วยเขาไว้แล้วแน่ๆ ใช่ไหมคะ?”
“ก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินก็อยู่ในบ้าน พวกคุณจะต้องช่วยเขาออกมาแล้วแน่ๆ ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหนคะ?”
เธอเอ่ยขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น : “เพื่อที่จะส่งฉันไปต่างประเทศพวกคุณจะต้องตั้งใจที่จะซ่อนตัวเขาเอาไว้แน่ๆ!”
หล่อนหลีมองท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนเช่นนี้แล้ว รู้สึกอึ้ง ท้ายที่สุดแล้วนั้นเธอจึงส่ายหน้าออกมา
“ตอนที่พวกเรามาถึง ไฟที่ไหม้อยู่ก็ลามไหม้บ้านหลังนี้เอาไว้หมดแล้ว คนที่อยู่ข้างในเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิต…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นเทาไปทั้งร่างกาย ในหัวของเธอนั้นมีเสียงดังก้องขึ้นมาอย่างว่างเปล่า
เธอก้าวถอยหลังไปอย่างโซเซ อีกเพียงนิดเดียวก็แทบจะล้มลงอยู่แล้ว
หล่อนหลียื่นมือออกมาด้วยความตกใจ ต้องการจะประคองเธอ แต่สุดท้ายแล้ว กลับชะงักค้างไว้กลางอากาศเช่นนั้น แล้วกำมือขึ้นมาช้า เพื่อดึงมือกลับมา
เธอเอ่ยต่อ : “หลังจากที่ไฟดับแล้ว พวกเราส่งคนมาหา แต่ไม่เจอตัวจี้จิ่งเชินเลย บริเวณรอบๆบ้านพวกเราก็หาแล้วเหมือนกัน แล้วก็หาตัวเขาไม่เจอ สถานการณ์เช่นนั้น ไม่มีทางที่เขาจะหนีออกมาได้เลย….”
“เป็นไปไม่ได้!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขัดขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้!”
เธอก้าวถอยหลังไปอีก พลางสูดหายใจเข้า แล้วพยายามจะควบคุมมุมปากของตัวเองเอาไว้
“จี้จิ่งเชินไม่มีทางเป็นอะไรแน่ พวกคุณ….ไม่ใช่ว่าพวกคุณเองก็หาศพไม่เจอไม่ใช่หรือคะ?”
“แบบนี้ก็ใช่”
หล่อนหลีเอ่ยพูดออกมาอย่างยากลำบาก : “แต่ดูจากสถานการณ์ที่เกิดเพลิงไหม้ ความเป็นไปได้ที่จี้จิ่งเชินจะรอดนั้นเป็นศูนย์”
“ศูนย์?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง แต่กลับไม่ได้ตอบโต้อีก สีหน้าซีดขาวเสียจนไม่มีสีของเลือดฟาด อาการที่แสดงออกมานั้นแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
หล่อนหลีมองดูท่าทางของเธอ แล้วยื่นมือออกไปด้วยความกังวล อยากที่จะดึงเธอมา
“เที๋ยนเที๋ยน ลูก…..”
เพี๊ยะ!
จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยกมือขึ้นมา แล้วตีมือของเธอที่ยื่นเข้ามาหา
เสียงที่ได้ยินอย่างชัดเจนนี้ทำให้หล่อนหลีและเวินเที๋ยนเที๋ยนต่างก็พากันตกตะลึง
พวกเขาคิดไม่ถึง ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนที่มีความอบอุ่นอ่อนโยนมาโดยตลอดนั้นจะทำเช่นนี้
“เที๋ยนเที๋ยน……”
หล่อนหลีมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมา ขอบตาของเธอแดงก่ำ ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่สั่นคลอนไม่หยุด แล้วไหลหยดลงบนพื้น
“ทำไม?”
“ทำไมต้องทำแบบนี้? ฉันเพียงแค่อยากจะอยู่กับจี้จิ่งเชินเท่านั้น! ฉันเพียงแค่อยากจะมีครอบครัวเท่านั้นเอง….”
ในใจของหล่อนหลีรู้สึกเจ็บปวด เธอเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน : “ตระกูลหล่อนก็เป็นครอบครัวของลูก กลับไปกับฉัน ดีไหม?”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับส่ายหน้า แล้วก้าวถอยหลังออกไป มองหล่อนหลีด้วยสายตาที่ห่างเหิน
“ที่ที่จี้จิ่งเชินอยู่ต่างหาก ถึงจะเป็นครอบครัวของฉัน”
พูดจบแล้วนั้นเธอจึงหันกลับไป แล้วพลิกหาซากปรักหักพังเหล่านั้นต่อ
หล่อนหลียืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม ปวดใจราวกับโดนมีดกรีด
เธอก้าวไปข้างหน้า อยากจะดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ แต่กลับถูกเวินหงหยู้ที่อยู่ทางด้านหลังขวางเอาไว้เสียก่อน
หล่อนหลีหันกลับมา มองเวินหงหยู้อย่างไม่เข้าใจ
เวินหงหยู้ส่ายหน้าให้กับเธอ เพื่อห้ามการกระทำของเธอเอาไว้
หลังจากนั้น ถึงได้หันกลับมาหาเวินเที๋ยนเที๋ยน พลางเอ่ยขึ้น : “ลูกจะหาไปถึงเมื่อไหร่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สนใจเขา เวินหงหยู้จึงเอ่ยพูดต่อ : “ตอนนี้อสังหาริมทรัพย์ที่มีทั้งหมดในชื่อของจี้จิ่งเชินถูกอายัดอยู่ รวมทั้งบ้านที่ลูกเรียกว่าคฤหาสน์หลังนั้น บริษัทเอ็มไอกรุ้ป ล้วนแต่ถูกประกาศขายแล้วทั้งนั้น”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว เดิมทีที่ก้มหน้าอยู่ เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังพลิกซากปรักหักพังเหล่านั้นจึงหยุดการเคลื่อนไหวในทันทีแล้วเงยหน้าขึ้นมา
เวินหงหยู้เห็นว่าได้ผล จึงเอ่ยพูดต่อ : “รอจนถึงตอนนั้นที่จี้จิ่งเชินกลับมา แล้วเขาจะไปหาลูกได้จากที่ไหน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้แล้ว มือปล่อยซากปรักหักพังเหล่านั้นลงพื้นไป
เธอค่อยๆยืนขึ้นมา แล้วหันกลับมา โดยสายตาจ้องมองไปยังเวินหงหยู้อย่างนิ่งๆ
“คุณต้องการจะให้ฉันทำอะไรคะ?”
“ไม่ใช่ว่าพ่อจะให้ลูกทำ แต่ลูกต่างหากที่จะต้องทำอะไร”
พูดจบแล้ว เวินหงหยู้กลับไม่ได้เอ่ยพูดต่อ แต่ดึงหล่อนหลีแล้วพาเธอเดินออกไป
หล่อนหลีมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ทางด้านหลังอย่างลังเล
เธอยืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นผง ท่าทางที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นนี้ทำให้ดูน่าสงสารจับใจ
หล่อนหลีไม่สบายใจอยากจะอยู่ต่อ แต่เวินหงหยู้กลับดึงเธอเอาไว้
พลางเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “นั่นคือลูกสาวของพวกเรานะ เชื่อเธอสิครับ”
ทั้งสองคนขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างช้าๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน
ลมหนาวพัดมา เสยผมของเธอ เธอรู้สึกหนาวเข้ากระดูก
เสื้อผ้าของเธอบาง แต่ราวกับว่าไม่มีความรู้สึกเลยอย่างไรอย่างนั้น มือเปื้อนไปด้วยเขม่าควัน ทั้งด้านบนนั้นยังเต็มไปด้วยรอยแผลอีกด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลงมองอยู่สักพักหนึ่ง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น
จี้จิ่งเชินจะไม่เป็นไร
ในเมื่อเขาจากไปชั่วคราวแบบนี้ บ้านของเขา บริษัทของเขา เธอจะเป็นคนรักษาเอาไว้เอง!
เธอเงยหน้ารับลม แล้วค่อยๆมองขึ้นบนฟ้าที่มีเมฆดำลอยกระจัดกระจายอยู่
“ฉันจะรอพี่อยู่ที่บ้านนะ เพราะฉะนั้น พี่กลับมาเร็วๆด้วยนะคะ”
สายลมกำลังพัดมาเบาๆ ลมอุ่นๆจากฤดูใบไม้ผลิผ่านมาจากทางทิศใต้ พัดพาความหนาวเย็นออกไป แล้วให้ฝุ่นที่อยู่บนพื้นฟุ้งขึ้นมา
เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนหายไปท่ามกลางสายลมนี้ แต่กลับไม่รู้เลยว่าจะส่งตรงถึงอีกฝ่ายหนึ่งได้หรือเปล่า
เธอยืนอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่ง ถึงได้ค่อยๆออกมาจากซากปรักหักพังเหล่านั้น แล้วขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่งไป
คนขับรถคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมองผ่านกระจกมองหลัง
“คุณครับ คุณจะไป…..”
ยังไม่ทันได้เอ่ยพูดจบ กลับมองเห็นดวงตาที่สงบนิ่งคู่นั้นแทน
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนสงบนิ่งมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกๆอารมณ์นั้นถูกฝังลึกอยู่ในดวงตาของเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แววตาปรากฏความเย็นชา มีความเย่อหยิ่งและอวดดี
“พาฉันไปบ้านตระกูลเวิน”