เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 368
บทที่ 368 ขาย
ท่านเปิงไอเบาๆ แล้วพูดขึ้นมา: “ที่พวกเรามาในครั้งนี้ ก็เพราะอยากจะมาดู เผื่อมีอะไรที่พวกเราพอจะสามารถช่วยหนูได้บ้าง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าพวกเขาทำเพื่อเธอ แต่เธอก็ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ท่านจางกลับพูดขึ้นมา: “สาวตัวน้อย หนูเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองพวกเขาด้วยความสงสัย
“สาวตัวน้อย สิ่งที่ฉันพูดไปนะ ไม่ใช่ว่าพวกฉันจะมาช่วยหนูด้วยตัวเองนะ”
ในขณะที่พูด ท่านจางก็นำนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน และพูดขึ้น: “หนูยังจำลูกชายของฉันได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปสักพัก และอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา: “ค่ะ ประธานจาง”
“เขาบอกว่าช่วงนี้เขามีอยู่หลายโครงการ ที่อยากจะร่วมทำกับหนู และที่ฉันมาในครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยลูกชายมาถามหนูนี่แหละ”
“ท่านจาง……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอะไรไม่ออก
ตอนนี้การจะรักษาบริษัทเอ็มไอกรุ้ปไว้เป็นอะไรที่ยากมาก ถึงแม้ว่าการร่วมลงทุนกับพวกเขา อาจจะสามารถช่วยให้สถานการณ์ของบริษัทดีขึ้น
แต่การร่วมลงทุนกันแบบนี้มันก็มีความเสี่ยง เพราะถ้าประสบผลสำเร็จ มันก็ดีต่อทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากล้มเหลวขึ้นมา ถึงตอนนั้นบริษัทของท่านจางก็อาจจะลำบากไปด้วย
แค่ท่านจางเห็นท่าทีของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เขาโบกมือไปมา และพูดออกมาตรงๆ: “ลูกชายของฉันพูดว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับโครงการนี้ เท่ากับหนูแล้ว”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจ
คนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างท่านเปิงก็พยักหน้า และลูบเคราของตัวเอง
“ใช่ หนูดูก่อนแล้วหนูจะเข้าใจ”
พูดเสร็จ ก็นำแผนธุรกิจฉบับหนึ่งยื่นให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
แล้วพูดอธิบายไปด้วย: “นี้เป็นโครงการความร่วมมือของวงการวัตถุโบราณและบริษัทต่างๆ หนูว่าหาทั้งเมืองหลวง ยังมีใครที่เหมาะสมกับโครงการนี้มากกว่าหนูอีกไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมาดูด้วยความตกใจ
นี้เป็นเส้นทางบริการหนึ่งเกี่ยวกับวัตถุโบราณทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ ใหญ่ตั้งแต่ขายทอดตลาดและจัดนิทรรศการ และเล็กไปจนถึงการประชาสัมพันธ์ให้คนภายนอกรู้จักโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมหลายๆประเภท ซึ่งได้เผยแพร่ไปทั่วประเทศแล้ว และต่อมายังมีการพูดถึงการผลักดันไปในต่างประเทศอีก
“เมื่อถึงเวลานั้นพิพิธภัณฑ์ในประเทศมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นก็จะมาร่วมงานนี้ด้วย เพราะมันไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของวงการวัตถุโบราณเลยทีเดียว”
“เป็นโครงการที่ใหญ่มากจริงๆ”
กิจกรรมแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรยังไม่เคยได้ยินมาก่อน แค่ลองคิดดู ก็เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจแล้ว
เธอเปิดเอกสารไปถึงหน้าสุดท้าย และเห็นว่าตรงตำแหน่งผู้ดำเนินการหลักในหน้าสุดท้าย ได้เขียนชื่อของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปไว้เรียบร้อยแล้ว
ลักษณะลายมือดูแข็งแรงและดูมีพลัง แค่พริบตาเดียวเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้แล้วว่านี้เป็นลายมือของท่านเปิง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองท่านเปิงด้วยความตกใจ
“แผนธุรกิจที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ ทำไมถึงตกมาอยู่ในมือของฉันได้ละคะ?”
ท่านเปิงพูดออกมาอย่างเมินเฉย: “นี้คือการตัดสินใจของทุกคนหลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้ว บริษัทไหนมีความสามารถมากที่สุด ทุกคนก็เห็นๆกันอยู่”
ในขณะที่พูด เขาก็มีท่าทีที่ไม่สบายใจเล็กน้อย แล้วดันเอกสารที่อยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าหาตัวของเธอ
แล้วพูดขึ้นมา: “แค่คำเดียว หนูจะรับหรือไม่รับโครงการนี้?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกดันจนแทบยืนได้ไม่มั่นคง แล้วหันไปมองท่านเปิงกับท่านจางที่อยู่ข้างหน้าของเธอ แล้วพยักหน้า
“รับค่ะ!”
“ดีมาก!”ท่านเปิงพูดขึ้นมา แล้วพูดต่อ: “โครงการนี้จะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า หนูไปเตรียมตัวมาดีๆนะ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโค้งตัวเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ: “ค่ะท่านเปิง คุณวางใจได้เลยค่ะ”
ท่านเปิงพยักหน้าด้วยความพอใจ
คนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างท่านจางยังอยากจะพูดอะไรเพิ่มอีก แต่กลับถูกท่านเปิงดึงไว้เสียก่อน
“ไปกลับกัน อย่าไปรบกวนการทำงานของสาวตัวน้อยเลย”
ท่านจางขมวดคิ้วขึ้นมา ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีที่เหนื่อยล้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน สุดท้ายจึงเลือกที่จะไม่โต้กลับ และเดินออกไปกับเขา
“สาวตัวน้อง ถึงแม้งานจะสำคัญมาก แต่หนูก็ต้องพักผ่อนบ้างนะ อย่าทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพล่ะ”
ทั้งสองคนเดินออกไปจากบริษัท และยืนอยู่หน้าประตู
ท่านจางยังรู้สึกไม่วางใจอยู่เล็กน้อย เขาหันกลับไปมองข้างหลัง แล้วถอนหายใจออกมา
“ตอนนี้เหลือแค่สาวตัวน้อยคนเดียว ไม่รู้ว่าเธอจะยืนหยัดได้นานเท่าไหร่”
“ความหมายของสาวตัวน้อยคือ เธอจะยืนหยัดจนถึงวันที่จี้จิ่งเชินกลับมา”ท่านเปิงตอบกลับไป
ท่านจางเม้มปากแน่น แล้วขมวดคิ้ว
“คุณคิดว่าจี้จิ่งเชินยังมีชีวิตอยู่จริงๆเหรอ?”
ท่านเปิงไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเดินไปข้างหน้า
และเดินไปด้วย พูดไปด้วย: “สิ่งที่พวกเราทำได้ ก็มีแค่สนับสนุนสาวตัวน้อยเท่านั้น”
ท่านจางเดินตามอยู่ข้างหลัง เมื่อนึกถึงเอกสารที่ท่านเปิงนำออกมาเมื่อสักครู่ ก็ทำปากยื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ในเมื่อคุณได้ติดต่อกับทางพิพิธภัณฑ์แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมบอกผมสักคำ? สองวันก่อนที่คุณยุ่งอยู่กับการเจอภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพราะกำลังเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้รับสาวตัวน้อยมาดูแลงานนี้ใช่ไหม?”
เมื่อท่านเปิงได้ฟังคำพูดของเขา กลับไม่เปิดปากพูดอะไร แต่เลือกเดินตรงไปข้างหน้า
ท่านจางรีบเดินตามไปอย่างไม่ยอมลดละ
“ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องดีๆแบบนี้ คุณห้ามทิ้งผมไว้คนเดียวนะ เพราะถ้าเป็นเรื่องของสาวตัวน้อยแล้วละก็ ผมก็ต้องมีส่วนร่วมครึ่งหนึ่งด้วย”
ท่านเปิงขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเขา
“ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณเพิ่งจะได้รับขวดยานัตถุ์ที่มุมมันขาดไปนี่ คุณยังอยากจะไปซ่อมไหม?”
เมื่อท่านจางได้ฟัง ก็รีบปิดปากทันที แล้วลากท่านเปิงเดินไปข้างหน้า
“ไป ไป ไปกลับกัน ทำไมคุณไม่พูดตั้งแต่แรกล่ะ ผมนะเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ตั้งนานแล้ว ก็รอแค่คุณนี่แหละ”
ในขณะที่พูด ทั้งสองคนก็ขึ้นไปบนรถด้วยความเสียงดังแล้วออกไปทันที
ตอนบ่าย หลังจากรอจนผู้จัดการหยางและจงหลีกลับมาแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็นำเอกสารที่เพิ่งได้รับมาเมื่อสักครู่ไปให้พวกเขาดู
เมื่อผู้จัดการได้ยินว่ามีโครงการนี้ สีหน้าก็แสดงออกถึงความดีใจทันที
“ดีจังเลยครับ! ถ้ามีโครงการนี้ ต่อไปเราก็ไม่กังวลเรื่องบริษัทอีกแล้ว!”
เขาส่ายเอกสารในมือไปมา แล้วพูดด้วยความตื่นเต้น: “โครงการแบบนี้ โดยปกติแล้วจะมีรัฐบาลคอยสนับสนุน เพราะเป็นโครงการที่มีผลกำไรที่มั่นคงโดยไม่มีการขาดทุน มีผู้คนมากมายที่อยากแย่งโครงการแบบนี้ แต่คุณเวิน คุณได้โครงการนี้มาได้ยังไงครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของท่านเปิงและท่านจาง มุมปากของเธอก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มขึ้นมา
“เป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักเป็นคนส่งมาให้นะ”
พูดเสร็จ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วพูด: “แต่ว่าพวกเรามีเวลาเพียงแค่สามเดือนนะ คิดว่าจะทำเสร็จกันไหม?”
จงหลีเงียบไปสักพัก และรีบใช้ความคิด แล้วพูดขึ้นมาอย่างพิจารณา: “ถ้าหากพวกเรารีบทำ มันก็น่าจะเสร็จทันนะครับ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที
“ดี งั้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป งานหลักของพวกเราคือโครงการการร่วมมือในครั้งนี้”
เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้คนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานอยู่ในตอนนี้
“ตอนนี้พนักงานของเราไม่เพียงพอ พรุ่งนี้รับพนักงานใหม่เข้ามาบางส่วนด้วยนะ” ในขณะที่พูด คำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงก็ฟังดูจริงจังมากขึ้น
“แต่ว่า ถ้าหากมีพนักงานเก่ากลับมาสมัครงานใหม่อีกครั้ง……”
“พวกเขายังอยากจะมาอีกเหรอ? ผมจะไม่ให้พวกเขาได้รับโอกาสนี้เป็นอันขาด!”
ผู้จัดการหยางตบมือลงไปบนโต๊ะ และพูดด้วยความโกรธ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“เอาล่ะ พวกคุณก็ลงไปทำงานของพวกคุณเถอะ”
เมื่อรอจนผู้คนออกไปหมด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ก้มหน้า แล้วดูเอกสารอยู่สักพัก และเมื่อเงยหน้าขึ้นมา กลับเห็นว่าจงหลีมายืนอยู่ข้างๆเธอแล้ว
“มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?”
จงหลีลังเลอยู่สักพัก จนในสุดท้ายก็พยักหน้า
“ก่อนหน้านี้ประธานจี้มีที่ดินผืนหนึ่งอยู่ใจกลางเมืองครับ แต่ที่ดินผืนนั้นก็ได้ถูกทิ้งร้างเอาไว้”
ในขณะที่พูด เขาก็นำเอกสารฉบับหนึ่งมาวางข้างหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน “ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทนั้นย่ำแย่มาก ถ้าหากพวกเราสามารถขายที่ดินผืนนี้ได้ล่ะก็ สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทต้องดีขึ้นแน่นอนครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับเอกสารมา และเมื่อเห็นรูปภาพบนเอกสารนั้น ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที แล้วเธอก็เม้มปากแน่น