เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 377
บทที่ 377 คนที่นอกเหนือจากจี้จิ่งเชิน
กลับไปประชุมที่บริษัท จนสีท้องฟ้าเปลี่ยน เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เดินออกมาจากในบริษัท
พอออกมาด้านนอก กลับเห็นรถที่จอดอยู่ข้างนอกไม่ใช่เป็นรถของปราสาท
เธอลังเลใจนิดหน่อย มีผู้ชายรูปร่างใหญ่สองคนเดินลงมาจากรถ
“ คุณหนูครับ คุณชายรองของตระกูลเวินให้คุณกลับไปที่บ้านครับ เห็นว่ามีเรื่องจะต้องปรึกษากับคุณครับ ”
ตั้งแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนย้ายไปอยู่ที่ปราสาท ก็ได้กลับไปตระกูลเวินครั้งสองครั้ง แต่น้อยครั้งมากที่จะนอนค้างที่นั่น
ที่ไม่ตัดขาดกับคนของตระกูลเวิน ก็เพราะเธอยังอยากหาเบาะแสที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ของตระกูลจี้อยู่อีก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตอนนี้ตัวเองจะยอมรับการบังคับบัญชาของพวกเขาสักหน่อย
“ ฝากบอกคุณชายรองเวินด้วยว่า ฉันยังไม่อยากกลับไปวันนี้ ”
พูดเสร็จ เธอก็หันไปมองรอบๆ
ปกติเวลานี้ พ่อบ้านกับคนขับรถจะต้องถึงแล้วนี่นา ทำไมตอนนี้กลับยังไม่มีข่าวคราวล่ะ
สองคนนั้นรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ตอนนี้พวกเขารู้หมดแล้ว ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนคือลูกสาวของเวินหงหยู้ ท่าทีที่ปฏิบัติต่อเธอจึงเปลี่ยนไป
เมื่อก่อน ถ้าเธอขัดขืน ก็ยังสามารถให้คนไปจับตัวมาได้เลย แต่ตอนนี้กลับทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
“ คุณหนูครับ ขอร้องล่ะครับ อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมามองพวกเขา และพูดขึ้น: “ พวกนายกลับไปบอกเขาว่า ถ้าเขามีอะไรก็ให้เขามาหาฉันที่ปราสาท ”
พูดเสร็จ รถของปราสาทก็มาโผล่ที่ถนนที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เธอก้าวเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ตอนที่เพิ่งถึงริมถนน รถเก๋งสีดำก็มาจอดข้างๆพอดี
พ่อบ้านเดินลงมาจากรถ และก้มหน้าให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเล็กน้อย
“ คุณหนูครับ ”
พูดเสร็จ ก็หันไปมองทางผู้ชายสองคนนั้น และพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง: “ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ ฉันไม่เป็นไร กลับกันเถอะ ”
พูดเสร็จ เธอกับพ่อบ้านก็หมุนตัวขึ้นรถ
ชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ล่างตึกบริษัทเอ็มไอกรุ้ปเห็นรถของพวกเขาเคลื่อนออกไป และหายไปจากสายตา พวกเขาถึงค่อยกลับ
พ่อบ้านนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ เขามองคนที่ยังไม่ไปไหนผ่านทางกระจกมองหลัง
“ ดูเหมือนว่าคนของตระกูลเวินยังไม่ยอมเลิกรานะครับ ”
ตอนพูดถึงตระกูลเวิน เขาแอบมองเวินเที๋ยนเที๋ยนเงียบๆ และมองสถานะที่เธอมีต่อตระกูลเวินไม่ออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นลูกสาวแท้ของเวินหงหยู้กับหล่อนหลี ตอนที่รู้ข่าวนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงมาก
ครอบครัวสูงส่งดั่งพีระมิดสองครอบครัวที่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะยังมีทายาทสืบสกุลร่วมกันอยู่คนนึง
ถึงแม้ว่าจะมีการคาดการณ์มากมายบอกว่าเรื่องของจี้จิ่งเชินได้เกี่ยวข้องกับตระกูลเวิน แต่ท่าทีของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ชัดเจน ถึงขนาดว่าบนระดับบางประเภท เธอยังรักษาการติดต่อกับคนของตระกูลเวินอยู่อีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังมองวิวนอกหน้าต่าง ก็ได้ส่งเสียงอือออกมาเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ
พ่อบ้านพูดขึ้นอีกครั้ง: “ คุณเวินครับ คุณต้องระวังตัวนะครับ ไม่อย่างนั้นผมหาคนคุ้มกันให้สักสองคนดีไหม? ”
“ ไม่ต้องหรอกค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดปฏิเสธ: “ ถ้าพวกเขาอยากใช้กำลัง ก็คงทำไปตั้งนานแล้วล่ะ ”
เธอเก็บสายตาลง และหรี่ตาเล็กน้อย เผยให้เห็นประกายแสงขึ้น
“ ฉันคงจะยังมีค่าพอให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์ ”
พ่อบ้านได้ฟังคำนั้นก็พูดไม่ออก เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความรู้สึกสงสาร
กลับมาถึงปราสาท
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะเดินเข้าไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
พอเห็นชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ ฝีเท้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หยุดลงทันที เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ ผ่านไปสักครู่ก็มาเลยหรอ ” พอกดรับสาย เธอก็พูดขึ้นทันที
ในโทรศัพท์มีเสียงของ เวินหงไห่ดังขึ้น และในน้ำเสียงมีความไม่พอใจผสมอยู่
“ เธอบอกว่าให้ฉันเชิญเธอเอง ฉันก็ต้องมาไง ”
เขาพูดอย่างแปลกประหลาด หลังจากนั้นก็พูดต่อ: “ พรุ่งนี้เธอมาที่รีสอร์ทหวินช่วยหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ”
น้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนราบเรียบมาก
“ ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ฉันยังต้องทำงาน มีเรื่องอะไรก็พูดมาตอนนี้ ”
คนในโทรศัพท์เงียบไปสักพัก เวินหงไห่ถึงค่อยพูดขึ้นมาด้วยเสียงหนักแน่น: “ แม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ของตระกูลจี้ เธอก็ไม่อยากรู้หรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนใจกระตุกทันที
“ หมายความว่ายังไง? ”
เวินหงไห่หัวเราะนิดหน่อย คล้ายกับพึงพอใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ วันนั้น ตอนที่ตระกูลจี้เกิดไฟไหม้ นอกจากเธอกับจี้จิ่งเชินแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ในบ้านอีกด้วย ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกตะลึง รูม่านตารัดกันแน่นทันที
ผ่านไปชั่วขณะ เธอถึงพูดขึ้น: “ เป็นไปไม่ได้…… ”
ครั้งก่อน จงหลีเคยบอกว่า เหตุการณ์ไฟไหม้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกมาได้ไม่นาน และตอนนั้นในบ้านมีแค่จี้จิ่งเชินคนเดียว
“ คนที่จี้จิ่งเชินพาเข้าไป รอเธอมาก็รู้แล้ว ”
พูดเสร็จ ไม่รอให้เธอได้พูดถาม เขาก็กดตัดสายไปทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำโทรศัพท์ในมือแน่น ก้มมองมัน ในใจกลับตีกันให้ยุ่งเหยิง
ตอนที่ตระกูลจี้ไฟไหม้ ด้านในยังมีคนที่จี้จิ่งเชินพาเข้าไปอีกด้วยหรอ?
ใคร?
ทำไมจงหลีถึงไม่บอกกับเธอ
เธอกำลังไตร่ตรอง และค่อยๆเดินขึ้นไปข้างบน
ไม่ว่าจะยังไง ถ้ามันเกี่ยวกับจี้จิ่งเชินจริงๆ เธอก็จำเป็นต้องไป
ตอนพลบค่ำของวันต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนออกมาจากบริษัท ก็ไม่ได้กลับไปที่ปราสาท แต่มุ่งตรงไปที่รีสอร์ทหวินช่วยถึงขนาดที่จงหลีก็ไม่ได้มากับเธอด้วย
พ่อบ้านยืนอยู่ล่างตึก มองสิ่งปลูกสร้างตระการตาที่อยู่ตรงหน้า
“ คุณเวินครับ ให้ผมเข้าไปกับคุณด้วยไหมครับ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ เขาให้ฉันเข้าไปคนเดียว ถ้ามีเรื่องอะไร ฉันจะแจ้งพวกคุณ พวกคุณรอฉันอยู่ที่ข้างนอกนี่แหละ ”
พูดเสร็จ เธอถึงค่อยหมุนตัวและเดินเข้าไป
ไม่เหมือนกับที่ร้านอาหารTHALIA รีสอร์ทหวินช่วยคือร้านอาหารแบบงานเลี้ยง ห้องพักผ่อนกับโรงแรมรวมกัน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบริการและประสบการณ์ขั้นสูงสุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เคยมาที่นี่ แต่เคยได้ยินจี้จิ่งเชินพูดถึง เหมือนกับค่อนข้างกีดกันรีสอร์ทหวินช่วยอยู่พอสมควร
เดินผ่านห้องโถงที่หรูหราเข้ามา พอแผนกต้อนรับเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับทันที
“ คุณเวินคะ ทางเราได้เตรียมที่นั่งไว้ให้แล้วค่ะ ”
เธอพาเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปด้านใน กลับผ่านเขตห้องอาหาร เดินเข้าไปข้างใน และหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่หน้าประตู เดิมที คิดว่า เวินหงไห่ไม่อยากให้คนได้ยินการพูดคุยของพวกเขา ถึงได้เลือกสถานที่ลับตาคนแบบนี้
แต่รอเธอผลักประตู ประตูถูกเปิดออก เดินเข้าไป กลับเห็นผู้ชายสองคนนั่งอยู่ข้างใน
พวกเขาดูอายุไม่น้อยแล้ว ภายในห้องมืดสลัว เห็นเพียงแค่หน้าผากที่สะท้อนแสงกับความมันวาวบนใบหน้า
ถอดเสื้อสูทวางไว้ด้านข้าง เผยให้เห็นท้องกลมโต
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นพวกเขา การกระทำที่กำลังเดินเข้ามาก็หยุดลงทันที
ยังไม่รอให้เธอพูด ฝ่ายตรงข้ามก็เดินเข้ามาหาทันที พวกเขาจับแขนของเวินเที๋ยนเที๋ยน ออกแรงลาก และลากเธอเข้าไปข้างใน
เกิดเป็นเสียงขึ้น ประตูใหญ่ถูกปิดลง
ที่ประตูหลังของรีสอร์ทหวินช่วยรถเก๋งสีเงินธรรมดาคันหนึ่งค่อยๆหยุดลง
ประตูรถเปิดออก แผ่นไม้ใต้เท้าถูกวางด้วยที่เอียงลาด รถเข็นบนรถค่อยๆไถลลงมาช้าๆ
นอกรถมีคนกำลังรออยู่แล้ว
“ เมื่อสักครู่เห็นคุณเวินถูกพาขึ้นไปบนตึกแล้วครับ ”
คนคนนั้นพูดไปด้วย เงยหน้าอยากจะมองรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นไปด้วย
แต่ฝ่ายตรงข้ามใส่หมวก ขอบหมวกกดลงต่ำ อีกทั้งแสงไฟยังมืดสลัว จึงทำให้มองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้ไม่ชัด
คล้ายกับชายหนุ่มสังเกตได้ถึงการกระทำของเขา จึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จนทำให้เขาตกใจและรีบเก็บสายตาลงทันที
รถเข็นไถลไปด้านหน้าสักระยะ อยู่ๆก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
จี้จิ่งเชินเงยหน้าเล็กน้อย และมองไปทางรถเก๋งสีเทาที่จอดอยู่อีกฝั่ง
“ นั่นรถใคร? ”
พนักงานมองไปที่รถนิดหน่อย ลังเลอยู่สักครู่ ถึงค่อยพูดขึ้น: “ น่าจะเป็นรถของนักข่าวครับ? ”