เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 385
บทที่ 385 ของที่เด็กๆชอบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบถอยกลับออกไป
เธอยืนอยู่ตรงด้านนอกรถ มองจี้จิ่งเชิน แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ และดูมีชีวิตชีวาขึ้น
เขาขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น : “ผมรับปากคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วมองเขาด้วยความสงสัย
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น ราวกับว่ารู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมของตัวเองซักเท่าไหร่นัก
“ผมจะร่วมมือกับแผนของคุณ ถ้าหากนึกขึ้นมาได้ก็คงจะดีสินะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ แม้กระทั่งรูม่านตาของเธอนั้นก็ขยายขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“อืม ขอบคุณนะคะ”
แต่จี้จิ่งเชินกลับเอ่ยขึ้นอย่างโกรธๆ : “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก”
ว่าเช่นนั้นแล้ว ก็เห็นอาการแปลกๆไปของเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงเข้าใจขึ้นมาในทันที
ตัวเขาเองนั้นจะต้องพูดในสิ่งที่จี้จิ่งเชินคนก่อนเคยพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนออกมาอย่างไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน
ในใจของเขานั้นรู้สึกวุ่นวายใจยิ่งขึ้น แล้วกดกระจกให้เลื่อนปิดขึ้นไป แล้วไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เอ่ยพูด ก็สั่งให้คนขับรถออกรถ
ตอนที่กำลังสตาร์ทรถนั้น กลับอดที่จะหันมามองทางด้านนอกไม่ได้
แล้วเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าพอดี
จี้จิ่งเชินรู้สึกอึ้ง แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา
ไม่ใช่เพียงแค่รับปากว่าจะให้ความร่วมมือกับเธอเท่านั้นเองหรือ ทำเหมือนราวกับว่าได้โลกนี้ทั้งใบอย่างไรอย่างนั้น
วันรุ่งขึ้น
จี้จิ่งเชินมาที่คฤหาสน์อย่างตรงเวลา
ทั้งสองคนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเขาออกมาแล้วแต่ยังไม่ได้พากลับไปยังคฤหาสน์ แต่มาที่ทะเลสาบที่แสนคุ้นเคยผืนนั้นแทน
ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ตรงข้ามทะเลสาบก็ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนจะเสร็จสมบูรณ์แล้วสามารถที่จะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ในทุกเวลา
พื้นดินที่ถูกเผาไหม้จนเป็นที่รกร้างผืนนั้น ได้ปลูกต้นไม้และดอกไม้ขึ้นมา
พื้นที่ขนาดใหญ่ มีเพียงแค่ชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ตรงตำแหน่งนั้น
สถานที่ที่เป็นเงินเป็นทองขนาดนี้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา จี้จิ่งเชินกลับไม่สามารถเข้าใจได้เลย
จากที่เขามองดูแล้ว จะต้องเป็นเรื่องที่ขาดทุนอย่างแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับเขาเดินมาตรงกลางลานกว้าง แล้วยื่นกล่องใบหนึ่งส่งให้กับจี้จิ่งเชิน
“พี่ดูนี่สิคะ”
กล่องนั้นห่อด้วยผ้าไหมสีดำ และด้านบนมีปักด้วยลวดลายสีเข้ม
จี้จิ่งเชินรับมาดู แล้วดึงสายที่รัดเอาไว้ออก ฝาค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ
แสงจากความมืดนั้นสว่างออกมา
ภายในกล่องมีเพียงสิงโตเทียนหวาง ที่อยู่นั้นใน
“นี่คือที่ทับกระดาษชิงเถียนแกะสลักค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น
ในแววตาของเธอนั้นปรากฏรอยยิ้มที่อบอุ่นขึ้นมา
“นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่พี่ให้ฉัน”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว แล้วมองดูที่ทับกระดาษชิงเถียนแกะสลักที่อยู่ในมือ คิดไม่ออกเลยเสียจริงๆว่าตัวเขาเองจะให้ของขวัญแบบนี้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
จากจิตใต้สำนึกของเขา ของขวัญที่ให้ผู้หญิง ไม่ใช่ว่าควรจะเป็นสร้อยคอ กระเป๋า แหวนอะไรพวกนั้นหรอกหรือ?
ไม่คิดว่าจะเป็นของแปลกแบบนี้…..
เขาเงยหน้าขึ้น กำลังจะเอ่ยถาม แต่กับเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นค่อยๆขยายกว้างขึ้น แม้กระทั่งเธอกำลังกางแขนทั้งสองข้างของเธอออกมา
“เมื่อก่อนที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ค่ะ เป็นของขวัญชิ้นที่สองที่พี่ให้กับฉัน”
เซลล์ทั่วร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนเต็มไปด้วยความสุข และแม้กระทั่งอากาศรอบๆนั้นก็เป็นเช่นนั้นไปด้วย
แต่จี้จิ่งเชินกลับยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
จี้จิ่งเชินที่ว่านี้ คือตัวเขาเองจริงๆอย่างนั้นใช่ไหม?
ไม่ให้รถหรือบ้านกับผู้หญิง ทำไมถึงให้พิพิธภัณฑ์กัน?
ในโลกนี้ยังมีคนมอบพิพิธภัณฑ์ให้คนรักด้วยอย่างนั้นหรือ?
เขาขมวดคิ้วขึ้น ในแววตาปรากฏความไม่ชอบใจออกมาอยู่เล็กน้อย
แต่วินาทีต่อมานั้น จู่ๆเขากลับนึกถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้
ก่อนที่เธอจะได้มาเป็นรองประธานบริษัทเอ็มไอกรุ้ปนั้น เธอเคยเป็นนักบูรพาวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งมาก่อน….
ดังนั้นที่ทับกระดาษชิงเถียนแกะสลักและพิพิธภัณฑ์นี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะอย่างนั้นใช่ไหม?
จี้จิ่งเชินมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“คุณชอบวัตถุโบราณ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“พี่นึกออกแล้วใช่ไหมคะ?”
“นึกถึงข่าวที่เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตก่อนหน้านี้ได้เท่านั้นเองครับ”
ว่าแล้วนั้น เขาก็หยิบเอาที่ทับกระดาษชิงเถียนแกะสลักที่อยู่ในมือขึ้นมาดู แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนัก
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็รู้สึกแปลกประหลาดมากอยู่ดี
“ให้วัตถุโบราณกับผู้หญิง….เมื่อก่อนผมเป็นคนแบบนี้อย่างนั้นหรือ?”
“ฉันชอบมากเลยต่างหากค่ะ”
จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยขึ้น
เธอยื่นมือออกมาจับมือของจี้จิ่งเชิน แล้วมองตาเขา
“ฉันชอบของขวัญที่พี่ให้ฉันมากๆเลยนะคะ”
แต่ราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงดึงมือตัวเองกลับไป
จี้จิ่งเชินสังเกตเห็นได้ถึงการกระทำของเธอ จึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ความหงุดหงิดภายในใจเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ไม่สามารถมองข้ามไปได้เลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมา แล้วก็กลับมามีท่าทางเช่นเดิมอย่างรวดเร็ว เธอยื่นมือมาดึงเอาสร้อยคอที่อยู่บนคอของตัวเองออกมา
นิ้วของเธอนั้นลูบคลำไปมาอยู่ตรงด้านบน
“ส่วนอันนี้ เป็นของขวัญชิ้นที่สามที่พี่ให้ฉันค่ะ และก็เป็นชิ้นที่ฉันชอบมากที่สุดด้วย”
สายตาของจี้จิ่งเชินมองตามการกระทำของเธอ เห็นจี้สีเงินเส้นนั้น
ดูแล้วไม่ใช่ของที่มีราคาแพง กลับเป็นแบบที่เห็นได้ทั่วๆไปเสียด้วยซ้ำ
ด้านล่างแขวนด้วยจี้รูปหัวใจหนึ่งดวง
ราคาของสร้อยคอเส้นนี้ ไม่ว่าจะเทียบกับพิพิธภัณฑ์หรือที่ทับกระดาษชิงเถียนแกะสลักในมือนี้ มีราคาน้อยกว่าเป็นไหนๆ
แต่กลับเป็นสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนชอบมากที่สุดอย่างนั้นหรือ?
สายตาของเขานั้นจ้องมองไปที่จี้นั้น
หรือว่าข้างในนั้นจะมีสิ่งของที่มีค่าอะไรซ่อนอยู่อย่างนั้นหรือ?
เขายื่นมือออกไป เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เข้ามาใกล้มากขึ้น เพื่อต้องการให้เขามองได้ชัดเจน
จี้จิ่งเชินรับมาดู แล้วกดตรงตะขอตัวล็อคที่อยู่ทางด้านบน จี้รูปหัวใจนั้นก็เปิดออกขึ้นมาทันที
รูปถ่ายที่อยู่ด้านในนั้นสะท้อนเข้าสู่ดวงตาของเขา
เขาเบิกตาขึ้นมาเล็กน้อย รูม่านตาหดลง
“นี่คือ…..”
จี้ของสร้อยคอเส้นนี้มีรูปถ่ายใบเล็กอยู่ด้านใน สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าสองคนที่อยู่ในรูปถ่ายนั้นคือเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน
รูปถ่ายใบเล็กนั้น ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงตำแหน่งด้านหน้าและด้านหลัง ใกล้ชิดกันเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังมองกล้องด้วยรอยยิ้มกว้างๆนั่น ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หรือแม้กระทั่งเป็นรอยยิ้มที่ดูโง่เขลาเสียด้วยซ้ำ
ส่วนจี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างๆเธอนั้นมีสีหน้าจริงจัง แสดงถึงอาการที่ดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
มีเพียงแค่สายตาของเขาที่มองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนเท่านั้นที่ปรากฏความอ่อนโยนออกมา
เป็นภาพที่ดูแปลก แต่กลับดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี
มองเพียงแวบเดียวก็มองออกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของทั้งสองคนนี้แล้ว
แล้วก็สามารถมองออกถึงความชอบที่จี้จิ่งเชินมีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกด้วยเช่นกัน
จี้จิ่งเชินเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่บนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากับในรูปนี้นั้นเปลี่ยนไปแล้ว ไม่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อน ท่าทางที่ดูอ่อนต่อโลก และความเศร้าที่ปรากฏออกมาตรงหว่างคิ้วของเธอ
ราวกับว่าสังเกตได้ถึงสายตาของเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
“เดิมทีสร้อยเส้นนี้เป็นสิ่งที่แม่พี่ทิ้งเอาไว้ให้ แล้วต่อมาพี่ถึงได้เอามาให้ฉันค่ะ”
เธอมองจี้จิ่งเชินอย่างเต็มไปด้วยความหวัง ราวกับว่ากำลังรอให้เขาจำเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมาให้ได้เสียอย่างนั้น
ในใจของจี้จิ่งเชินมีความรู้สึกโมโหที่ไม่รู้ว่าคืออะไรนี้เกิดขึ้นมา
“กระเป๋าแบรนด์เนมกับสร้อยเพชรล่ะ? คงจะไม่ใช่แค่สร้อยที่ขาดๆเส้นนี้หรอกใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ออกมา แววตานั้นปรากฏถึงความตกใจ และแม้กระทั่งมีแววตาแห่งความโมโหปรากฏขึ้นมาอีกด้วย
“เมื่อก่อนนี้คือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับพี่นะ!”
จี้จิ่งเชินหันกลับไปอย่างไม่ได้สนใจ แล้วมองไปรอบๆลานกว้างแห่งนี้
“ผมจำได้ว่าสถานที่ที่เป็นเงินเป็นทองแห่งนี้ ใช้มาสร้างของที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะสมองคุณมีปัญหา เมื่อก่อนผมก็คงจะบ้าไปแล้วจริงๆ”
เขาเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปยังชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่นั่น
“ชิงช้าสวรรค์? นี่มันคือสิ่งที่เด็กๆชอบเท่านั้นแหละ”