เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 397
บทที่ 397 เปิดโปง
ผ่านไปสักพัก เวินฉี่จึงได้พูดขึ้นมา: “ถึงแม้เธอจะมีลูกกับจี้จิ่งเชิน แต่คนที่เธอควรไปหาน่าจะเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนนะไม่ใช่ฉัน เพราะตระกูลเวินไม่ใช่องค์การการกุศล ”
พูดเสร็จ เขาก็จับไม้เท้าแล้วยืนขึ้น หมุนตัวและกำลังเตรียมตัวเดินออกไป
“มีใครอยู่บ้าง ไปส่งคุณเจียงหน่อย”
เมื่อเขาพูดออกไป ก็มีลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเดินเข้ามาหาเจียงหยู่เทียน
ในใจของเจียงหยู่เทียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที จีงรีบเดินเข้าไปข้างหน้า
“เดี๋ยวก่อนค่ะท่าน ท่านนายพลเวิน พวกคุณหาจี้จิ่งเชินเจอหรือยังคะ?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เท้าที่กำลังจะก้าวเดิน ก็หยุดลงทันทีแล้วรีบหันกลับมา
“เขา? เขาตายไปแล้วนิ……”
ยังไม่ทันพูดเสร็จ แต่เมื่อเห็นเจียงหยู่เทียน อยู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเบิกตากว้างทันที
“เธอกำลังจะบอกว่าเขายังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ?”
แม้แต่ผู้หญิงที่ท้องโตอย่างเจียงหยู่เทียนก็ยังหนีออกมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นได้เลย จี้จิ่งเชินก็ต้องออกมาได้แน่นอน!
แต่ว่า……
ตอนนั้นคนที่เขาได้ส่งไป เห็นกับตาว่าคานที่อยู่บนเพดานนั้นได้ถล่มลงมา แล้วไฟก็ลุกลามไปทั่ว
แล้วจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?
แม้แต่เวินหงไห่ยังพูดเลยว่าไฟที่ลุกในตอนนั้นมันแรงมาก แม้แต่ศพก็หาไม่เจอ……
แต่เดี๋ยวก่อน!
เวินฉี่หันมามองเธอด้วยความตกใจ
เจียงหยู่เทียนมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเขา แล้วพูดขึ้นมา: “ไม่ผิดค่ะ ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ที่ฉันหนีออกมาจากตระกูลเวินได้ ฉันก็อยู่กับจี้จิ่งเชินมาตลอด”
มือทั้งสองข้างของเวินฉี่จับไม้เท้าไว้แน่น และขาทั้งสองข้างของเขาก็ยืนอยู่ในลักษณะของรูปสามเหลี่ยม
เขามองไปทางเจียงหยู่เทียน ราวกับกำลังพิจารณาว่าเขาจะเชื่อคำพูดของเธอได้ขนาดไหน
ผ่านไปสักพัก เขาจึงยกมือขึ้น แล้วโบกให้กับสองคนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อสักครู่
“พวกนายออกไปก่อน”
“ครับ ท่านนายพล”
เมื่อรอจนคนออกไปหมดแล้ว เวินฉี่จึงเดินไปข้างหน้า แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง
“พูดมาสิ”
เจียงหยู่เทียนจึงเดินเข้ามา แล้วพูด: “จี้จิ่งเชินยังไม่ได้ตายจริงๆค่ะ แต่เหมือนจะได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น”
เธอยกมือขึ้น แล้วชี้นิ้วไปตรงที่หัวสองที
“เขาไม่เพียงแต่สูญเสียความทรงจำในอดีตไป ขนาดเวินเที๋ยนเที๋ยนเขาก็จำไม่ได้ แม้แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขายังเชื่อเลยว่าฉันเป็นภรรยาของเขาจริงๆ ”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเวินฉี่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอจึงพูดขึ้นมาอีก: “ถ้าหากพวกคุณอยากจะลงมือ ก็ถือโอกาสนี้ลงมือสิ จี้จิ่งเชินในตอนนี้เป็นเพียงแค่คนพิการที่แม้แต่เดินก็ยังเดินไม่ได้”
“พิการเหรอ?” เวินฉี่จึงถามกลับไป
“น่าจะได้รับบาดเจ็บจากการไฟไหม้ครั้งนั้นนะคะ แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ได้กลายเป็นคนที่เดินไม่ได้แล้ว”
เวินฉี่จึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย สายตาเปลี่ยนเป็นเฉียบคมขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไมคุณถึงมาบอกเรื่องพวกนี้กับผม? ถ้าตามที่ผมรู้ เมื่อก่อนคุณเป็นคนที่อยากอยู่ข้างกายของจี้จิ่งเชินไม่ใช่เหรอ?”
เจียงหยู่เทียนก้มหน้าแล้วมองไปที่ท้องของตัวเอง อยู่ๆสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน”เธอกัดฟันกรอดแล้วพูด: “ตอนนี้ ฉันแค่ต้องการให้พวกเขาสองคนตาย!”
ตอนแรกที่เธอพาจี้จิ่งเชินกลับมา ก็เพื่อที่จะแก้แค้นเขาและเวินเที๋ยนเที๋ยน
แต่ไม่คิดว่า เรื่องยังไม่ทันได้ดำเนินการ ก็ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนเจอเข้าซะก่อน
เธอมองไปที่เวินฉี่ที่อยู่ข้างหน้าของเธอ กังวลว่าเขาจะไว้ชีวิตของจี้จิ่งเชินเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยน
เธอจึงได้พูดสุมไฟเข้าไปอีก: “ท่านนายพล คนภายนอกเขาพูดกันว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ของตระกูลจี้ในครั้งนั้น มันมีความแปลก และฉันคิดว่า จี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีวันยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่ แล้วถ้ารอจนความทรงจำของจี้จิ่งเชินกลับมา เมื่อถึงตอนนั้น…… ”
พูดไปได้ครึ่งประโยค เจียงหยู่เทียนก็หยุดพูด แล้วหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก
แต่เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ก็หมุนตัวกลับมาอีก แล้วพูดเสริมขึ้นมา: “จริงสิ เกือบลืมบอกท่านไปเลยค่ะ จี้จิ่งเชินถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนพาไปซ่อนตัวไว้ในปราสาท ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนหน้านี้แล้วนะคะ”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเวินฉี่ยิ่งเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ขึ้นมา เธอจึงค่อยเดินออกไป
เมื่อเวินหงไห่และเหยาเย้นกลับมาจากข้างนอก ก็เจอเข้ากับเวินฉี่ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้พอดี
เพิ่งจะเดินเข้าไป ก็เห็นสีหน้าของเขาที่ดูไม่ค่อยดี
“พ่อครับ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเสียง เวินฉี่ก็รีบลุกขึ้นทันที แล้วยกมือขึ้นตบไปที่หน้าของเวินหงไห่!
เสียงดังฟังชัดจนได้ยินไปทั่วห้องรับแขก แม้แต่เหยาเย้นที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจจนต้องหันหน้ามา แล้วเบิกตากว้าง
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเวินหงไห่ไม่ทันได้ตั้งตัว และเพราะแรงตบจึงทำให้เขาถอยหลังไปสองก้าว หลังจากเขากะพริบตาด้วยความสับสน ไฟแห่งความโกรธก็ลุกขึ้นมาทันที
แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ จึงได้ยืนก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
เวินฉี่รู้สึกโกรธมาก
“ฉันขอถามแกหน่อย จี้จิ่งเชินล่ะ?”
เวินหงไห่ที่ยังไม่รู้ว่าเจียงหยู่เทียนได้มาที่นี่ จึงได้พูดตามคำพูดเมื่อก่อน
“เขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ก็ตายในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นไง”
“ยังจะกล้าโกหกอีก!”
เวินฉี่พูดขัดขึ้นมาด้วยความโกรธ
“แกหาไม่เจอแม้แต่ศพของจี้จิ่งเชิน แต่แกยังกล้ามาพูดว่าเขาตายแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อเวินหงไห่ได้ยิน เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
เขาจึงลองถามขึ้นมา: “หรือว่าพ่อได้ข่าวอะไรมางั้นเหรอครับ? แต่พวกเราหาหลักฐานอะไรไม่เจอที่จะสามารถยืนยันว่าจี้จิ่งเชินยังมีชีวิตอยู่นะครับ”
“ไอ้โง่!”
เวินฉี่ด่าเสียงดุ: “ถ้าไม่มีคนมาบอกฉัน แกคิดจะปิดบังฉันไปจนถึงเมื่อไหร่? จี้จิ่งเชินยังไม่ตาย แถมยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ตรงปลายจมูกของเรา แกก็ยังไม่รู้!”
เวินหงไห่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“จะ……เป็นไปได้ยังไง……”
“แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ?”
เวินฉี่หายใจเข้าลึกๆ และระงับความโกรธที่อยู่ในใจไว้ก่อน แล้วพูด: “ส่งคนไปที่ปราสาทของจี้จิ่งเชิน ไปดูให้แน่ใจ! ถ้าเจอคน ก็ให้มาบอกฉันทันที”
พูดเสร็จ เขาก็จับไม้เท้าและหมุนตัวอย่างแรง แล้วเขาก็หายใจแรงไม่หยุด เป็นท่าทีที่ดูแล้วน่าจะโกรธมาก
เดิมทีคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดความผิดพลาดที่ใหญ่ขนาดนี้!
จี้จิ่งเชินนะจี้จิ่งเชิน
ฉันจะไม่ยอมให้เขาได้มีโอกาสในการลุกขึ้นมาสู้แน่นอน
เวินหงไห่ยืนอยู่ในห้องรับแขก ในหัวกำลังคิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของเวินฉี่
“ไปที่ปราสาทเหรอ? หรือว่า ตอนนี้จี้จิ่งเชินอยู่ที่ปราสาทอย่างนั้นเหรอ?”
เขาตกใจกับการเดาของตัวเองจนสีหน้าเปลี่ยนไป
ถึงว่าท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนในช่วงนี้ดูแปลกๆไป
ที่แท้ก็เจอจี้จิ่งเชินแล้วนี่เอง แล้วจงใจจะหลบพวกเขา
เขาเลิกคิ้วขึ้นมา แล้วรีบเรียกคนเข้ามาสองคน
“พวกนายไปดูที่ปราสาทซิ และอย่าให้ใครเห็นล่ะ แล้วถ้าหากเจอจี้จิ่งเชิน หรือมีอะไรที่ดูแปลกๆ ก็ให้รีบมารายงานฉันทันที”
เขากำลังมองดูลูกน้องของเขาที่รีบออกไป แล้วกำมือทุบลงไปบนโซฟา จนเกิดเสียงดัง
จี้จิ่งเชิน แกนี่มันเป็นแมลงสาบที่ไม่รู้จักตายจริงๆ!
เหยาเย้นที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตั้งแต่แรกก็รู้สึกตกใจอีกครั้ง เธอจึงได้รีบพาลูกของตัวเองเดินขึ้นไปข้างบน
ในขณะที่ลูกน้องของเวินหงไห่ที่ได้ส่งไป กำลังขับรถไปที่ปราสาทอยู่นั้น หล่อนหลีและเวินหงหยู้ก็ได้มาถึงที่บริเวณของปราสาทแล้ว
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ย้ายมาอยู่ที่นี้แล้ว ทั้งสองคนจะมาหาเธอน้อยมาก
เมื่อพ่อบ้านได้เห็นพวกเขา ก็รู้สึกตกใจอยู่สักพัก จึงค่อยพาพวกเขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง
หลังจากเข้ามาถึงในปราสาท หล่อนหลีก็มองไปรอบๆบ้าน เมื่อสายตาของเข้ามองไปยังบางมุมที่ดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ สีตาของเธอก็ค่อยๆเข้มขึ้น
สีหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเวินหงหยู้ก็ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
พ่อบ้านจึงพูด: “รบกวนคุณทั้งสองคนนั่งรอสักครู่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเรียนคุณเวินให้ครับ”
หล่อนหลียกมือขึ้น แล้วชี้นิ้วไปที่เนกไทที่วางอยู่บนโซฟา
“นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
พ่อบ้านจึงหันไปดู ทันใดนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“นั่น……นั่นน่าจะเป็นของของผมนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ คุณนาย”
เขาจึงรีบเดินขึ้นไป แล้วเก็บเนกไทเส้นนั้นของจี้จิ่งเชินไว้