เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 422
บทที่ 422 เข้าคุกไปทั้งคู่
เปิดศาล
จี้ยี่หยันสารภาพกับเรื่องที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ หลักฐานที่อยู่ในมือของตำรวจครบถ้วน อีกแป๊บเดียวก็จะตัดสินลงโทษ
เนื่องจากลักพาตัวเรียกค่าไถ่และพยายามฆ่า จึงถูกตัดสินจำคุก 40 ปี
แต่ทุกคนในนั้นต่างรู้ จากสถานการณ์ตอนนี้ของเขาที่ดูโง่ อีกสี่สิบปี ถ้าเขาออกมาจากคุกได้จริงๆ ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ที่ทำให้คนแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งคือ จากการตรวจสอบของตำรวจ จี้ยี่หยันน่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน
แต่ตอนนี้ ยังไม่มีเบาะแสใดๆ
ผู้พิพากษาเคาะค้อนประธานในมือของเขา พูดตัดสิน:“เอาจี้ยี่หยันเข้าคุก ผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคนก็สืบหาต่อไป พอหาเจอแล้ว……”
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”
เขายังไม่ทันพูดจบ จู่ๆเสียงหนึ่งก็เข้ามาตรงหน้าประตูศาล ตัดบทคำพูดผู้พิพากษา
ทุกคนได้ยินเสียง ต่างหันไปมองด้วยความตกใจ
ประตูหน้าศาล ฉวีช่วยฉินยืนตรงนั้น
มองเขา ทันใดนั้นทุกคนต่างซุบซิบขึ้นมา
ตอนที่เมื่อกี๊จี้ยี่หยันถูกพาออกมา ฉวีช่วยฉินไม่ปรากฏตัวเลย พวกเขายังแปลกใจ
คิดไม่ถึง ตอนนี้เธอกลับเดินเข้ามา
คำพูดของศาลถูกเธอตัดบท จึงไม่ค่อยพอใจ
“คุณคือใคร?ทำไมมาขัดคำตัดสินของศาล?”
ฉวีช่วยฉินเดินเข้ามา พูด:“ฉันคือแม่ของจี้ยี่หยัน ฉวีช่วยฉินค่ะ”
เธอค่อยๆเดินไปที่ศาล ยืนต่อหน้าผู้พิพากษา
พูดต่อ:“เมื่อสักครู่พวกคุณไม่ได้บอกเหรอว่าหาคนที่ร่วมมือลักพาตัวเรียกค่าไถ่กับจี้ยี่หยัน?ไม่ต้องหาแล้วค่ะ”
“คนนั้นเป็นฉันเอง”
พูดจบ ทุกคนในนั้นต่างโกลาหลขึ้นมา!
เวินเที๋ยนเที๋ยนตาโตด้วยความตะลึงทันที คิดไม่ถึงว่าฉวีช่วยฉินจะยอมมองตัวเอง
ส่วนจี้จิ่งเชินที่นั่งอีกด้านก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขารู้ดี คนที่ร่วมมือจับตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้ยี่หยัน ไม่ใช่ฉวีช่วยฉิน
ก็แค่ ฉวีช่วยฉินที่เห็นแก่ตัวเสมอมา ทำไมออกหน้าแทนเจียงหยู่เทียนได้?
ทุกคนต่างซุบซิบกันในศาล เสียงยิ่งดังขึ้น
ผู้พิพากษาทุบค้อนประธานสามครั้ง ในที่สุดก็ทำให้ทุกคนเงียบลงได้
เขามองฉวีช่วยฉินที่อยู่ข้างล่างเล็กน้อย จึงถาม:“คือคุณกับจี้ยี่หยันร่วมกันจับตัวเรียกค่าไถ่เวินเที๋ยนเที๋ยน และยังจะฆาตกรรมเธอด้วย?”
ฉวีช่วยฉินพยักหน้า
“ถูกค่ะ ฉันเอง”
เธอหันหน้าไป มองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความแค้น กัดฟันพูด:“ฉันกับยี่หยันมาถึงจุดนี้ได้ เป็นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนทำร้าย!ฉันเลยต้องคิดหาวิธีเพื่อแก้แค้น”
พูดไป ก็หยิบของในมือออกมา ยื่นให้ผู้พิพากษา
“นี่คือสิ่งที่ฉันเคยปรึกษากับจี้ยี่หยัน และของที่เตรียมไว้ อยู่ข้างในหมด คุณดูเถอะค่ะ”
เพราะการกระทำที่กะทันหันของฉวีช่วยฉินคำพิพากษาของศาล ทันใดนั้นก็เปลี่ยนไป
แต่แป๊บเดียว พวกเขาก็อาศัยหลักฐานและคำสารภาพที่เธอเอามา ตัดสินความผิดของฉวีช่วยฉิน
แต่เพราะเธอยอมสารภาพ จึงลงโทษเบากว่าจี้ยี่หยันเล็กน้อย ตัดสินจำคุกสามสิบห้าปีเต็ม
มองผลการตัดสิน ฉวีช่วยฉินก็โล่งใจออกมา
สุดท้าย จี้จิ่งเชินไม่ตอบโต้ใดๆ แต่มองสองคนแม่ลูกเข้าคุกไปด้วยกัน
พอคำตัดสินสิ้นสุดลง เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงยืนขึ้น ลังเลแป๊บหนึ่ง แล้วเดินไปที่ทางจี้จิ่งเชิน
“คนที่คุยกับจี้ยี่หยัน คนที่ลักพาตัวฉัน ใช่ฉวีช่วยฉินจริงๆไหม?”
จี้จิ่งเชินควบคุมรถเข็นออกไปด้านนอก น้ำเสียงดูเย็นชา
“ในเมื่อเธอมายอมรับด้วยตัวเอง ไม่แน่อาจจะอย่างนี้ก็ได้”
เขาไม่มองเวินเที๋ยนเที๋ยนสักนิด เหมือนไม่อยากคุยด้วยเท่าไหร่ แล้วจึงออกไปจากศาล
เวินเที๋ยนเที๋ยนตามไป จนสื่อและผู้สื่อข่าวด้านนอกเห็นเธอออกมา ก็แห่เข้ามาทันที
แต่พวกเขาเพิ่งเข้ามาใกล้ จากนั้นก็มองเห็นคนที่กำลังอยู่ข้างเธอ
“จี้……จี้จิ่งเชิน?”
ทุกคนต่างตะลึงที่เดิม มองไปที่คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยความตกตะลึง
“คนนั้น ไม่ใช่จี้จิ่งเชินเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ไง?เขาเสียชีวิตในกองไฟเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ประกาศว่าเสียชีวิตเรียบร้อย จะอยู่ที่นี่ได้ไง?”
“แต่เหมือนมาก!”
“เหมือนมากเลย!เขาแน่ๆ!ฉันไม่มีทางจำผิด”
ทุกคนต่างมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงคิดขึ้นได้ เมื่อก่อนตัวเองเอาแต่ปิดเรื่องที่จี้จิ่งเชินมีชีวิตมาโดยตลอด ตอนนี้ทั้งโลกไม่มีใครรู้
แต่คิดไม่ถึง จี้จิ่งเชินออกมาจากศาล ก็เปิดเผยกับสื่อโดยตรง
เธอเดินไปอย่างกังวล อยากจะขวางจี้จิ่งเชินไว้ด้านหลัง
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่หลบ กลับควบคุมรถเข็นออก มาตรงหน้าสื่อ
จงใจมองไปที่เลนส์พวกเขา คำแรกที่พูดก็คือ:“ทุกคนครับ ผมคือจี้จิ่งเชิน”
ทันใดนั้นคำนี้ก็ทำให้ทุกคนต่างเดือดดาลขึ้นมา เหมือนว่าหยดน้ำลงไปในกระทะน้ำมัน
แป๊บเดียว ทุกคนต่างหยิบกล้อง
เสียงชัตเตอร์ดังแสบแก้วหู เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความตะลึง คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะจงใจ
หรือที่วันนี้เขามา เดิมทีก็เพื่อถือโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
มองจี้จิ่งเชินที่ยังไม่เสียชีวิต ทุกคนต่างเอาคำตัดสินของจี้ยี่หยันครั้งนี้และเลิกสนใจเวินเที๋ยนเที๋ยน ล้อมรอบเขาอย่างรวดเร็ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนงุนงง ถูกผลักออก และออกจากฝูงชน
เธอจ้องมองจี้จิ่งเชินที่กำลังคุยกับกล้องอย่างเย็นชา ในใจทั้งตะลึงทั้งสับสน
จนนักข่าวและสื่อทุกคนต่างออกไป เธอเลยเดินเข้ามา
“จี้จิ่งเชิน”
จี้จิ่งเชินหันไปมองเธอ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำไมคุณยังอยู่นี่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนต่อหน้าเขา
“ทั้งหมดนี้ คุณวางแผนไว้หมดแล้ว?”
“ใช่”
จี้จิ่งเชินพูดตรงๆ
“ในเมื่อผมต้องการกลับไปที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปใหม่ ก็ต้องมีตัวตนที่ชัดเจน”
“แต่……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยากที่จะพูด:“ตอนนี้คุณยังคิดอะไรไม่ออกนี่”
“แล้วทำไม?ผมคือจี้จิ่งเชินอยู่แล้ว”
พูดจบ เขาก็ควบคุมรถเข็นหันไปขึ้นรถ ผิดประตูเสียงดัง ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่นอกประตู
ผ่านไปสักพัก คนของเวินฉี่ก็เข้ามา ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ออกไป
ส่วนพอเขาออกไป รถของจี้จิ่งเชินกลับไม่ขยับ แต่จอดที่ข้างถนน
ฟิล์มกระจกสีดำปิดบังสายตาของทุกคนไม่ให้สอดมองเข้าไปในรถ ขณะเดียวกันก็ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เห็น พอจี้จิ่งเชินขึ้นรถไป สายตาเขามองผ่านกระจก ไปที่ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนตลอด
ความรักและความรู้สึกผิด ความเจ็บปวดและความกังวลทั้งหมด ถูกขังไว้
เป็นเวลานาน เป็นเวลานาน
จนร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนหายไป ในที่สุดเขาก็ละกลับมา
พริบตาเดียว สายตาเขาแหลมคมขึ้นมาอีกครั้ง แช่แข็งความรู้สึกทั้งหมดไว้
“กลับเถอะ”