เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 434
บทที่ 434 ไม่มีวันพลิกผัน
“ สำหรับเรื่องนี้ ผมอยากฟังคำอธิบายที่สมเหตุสมผลของเจียงหยู่เทียน ถ้าเธอไม่สามารถอธิบายได้ พรุ่งนี้ ผมจะฟ้องร้องเรื่องวางเพลิงกับเรื่องฆาตกรรม
จี้จิ่งเชินหยิบเอกสาร และพูดกับสื่อมวลชนเรื่องที่เจียงหยู่เทียนเคยทำไว้อย่างไม่รีบร้อน
พูดเสร็จ ผ่านไปสักพัก ทุกคนก็ยังไม่ตอบสนองกลับมา
ถ้าสิ่งที่จี้จิ่งเชินพูดมาเป็นความจริง งั้นเจียงหยู่เทียนก็อาจจะไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกแล้ว
อีกทั้งเวินหงไห่ที่มีจุดยืนไม่แน่ชัด สามารถพูดได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลยทีเดียว
แต่สำหรับนักข่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าผลสุดท้ายเจียงหยู่เทียนจะเป็นยังไง ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอยู่ดี
พวกเขาแค่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ แบบนั้น พรุ่งนี้ นิตยสารของพวกเขาก็จะไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีลู่ทางการจำหน่ายสินค้าอีกแล้ว
หลังจากที่จัดการกับเนื้อหาของงานแถลงวันนี้ ก็ได้ตีพิมพ์และเผยแพร่ไปทั่วประเทศ
ในขณะที่งานประชุมนักข่าวกำลังดำเนินการนั้น เวินหงไห่ก็ได้เดินออกมาจากที่ประชุมด้วยความโมโห และตรงมาที่จอดรถห้องใต้ดินที่อยู่ด้านล่างห้องประชุม
เวลานี้นักข่าวกับสื่อมวลชนยังไม่ออกมา ทำให้ที่จอดรถเงียบสงบ
ในนี้ไฟค่อนข้างสลัว ไฟบนหัวออกจะติดเหลืองเล็กน้อย ทำให้ส่องไปไม่ถึงมุมที่จอดรถ
เขาเพิ่งจะลงมาจากลิฟท์ ก็มีคนสองคนรออยู่ด้านนอกแล้ว
“ คนล่ะ? ” เขาพูดถามเสียงหนักแน่น
“ จับได้แล้วครับ ”
คนทั้งสองคนให้เวินหงไห่หันไปเดินไปข้างหน้า
ไม่นาน ก็มาถึงในมุมมืดสลัวของที่จอดรถ
บอดี้การ์ดคนอื่นๆได้ล้อมเจียงหยู่เทียนที่นั่งขดตัวอยู่ในมุมไว้แล้ว
ท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนคนบ้า กอดหัวตัวเอง เบิกตาโต ขดตัว และกำลังพูดพึมพำอะไรอยู่ตลอดเวลา
เวินหงไห่เดินเข้าไปใกล้ จนได้ยินว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ “ ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน ไม่ต้องมาหาฉัน ฉันไม่ได้ฆ่าแก ”
ได้ยินคำพวกนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกโมโหขึ้นอีกครั้ง เขาขมวดคิ้ว อารมณ์โกรธที่กว่าจะสะกดลงไปได้ ก็ได้คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ โง่! ”
เขาพุ่งเข้าไป และจับเจียงหยู่เทียนที่นั่งอยู่ตรงมุมขึ้นมา
“ เธอทำยังไง? ไหนบอกว่าจัดการเด็กเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมเด็กถึงไปโผล่ในมือของจี้จิ่งเชินได้ล่ะ? ”
เจียงหยู่เทียนยังคงตัวสั่นเทา สายตาเลื่อนลอยอยู่สักพัก ถึงค่อยมารวมศูนย์บนใบหน้าของเวินหงไห่
แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เธอหวีดร้องอีกครั้ง
“ เป็นนาย เป็นนายที่ฆ่าเธอ! ทำไมต้องมาหาฉันด้วย? ทำไม? ”
เธอหวีดร้องอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าเสียสติไปแล้ว เธออ้าปากกำลังจะกัดลงไปบนแขนของเวินหงไห่
แต่ไม่รอให้เธอสัมผัส เวินหงไห่ก็สลัดเธอออกไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เธอลงไปนั่งอยู่ที่พื้น
เจียงหยู่เทียนล้มลงไปที่พื้น เธอส่งเสียงหวีดร้องอย่างแสบหู และตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อน
ตรงหน้าเธอถึงขั้นปรากฏภาพเจี่ยงเนี่ยนเหยา เฟิงจิ้น และผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีที่ได้ตายไปแล้ว……
เงาของคนพวกนั้นล้อมเธอเอาไว้ และกำลังยื่นมือออกไปหวังจะจับตัวเธอ
เธอตกใจจนก้าวถอยหลัง อารมณ์บนใบหน้าก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นไปอีก และกำลังหวีดร้องอย่างไม่หยุดหย่อน
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นแล้วก็พากันขมวดคิ้ว
เมื่อสักครู่ที่พวกเขาจะจับเธอไว้ ยังมีอีกหลายคนที่ถูกเธอกัดจนได้แผล
สภาพของเจียงหยู่เทียนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้า
“ คุณชายรองของตระกูลเวินครับ ตอนนี้ควรจะทำยังไงดีล่ะครับ? ”
เวินหงไห่ชำเลืองมองคนที่อยู่บนพื้น สีหน้าของเขาก็ค่อยๆสงบลง ในตาก็ปรากฏแสงทึบขึ้น
“ ตอนนี้จี้จิ่งเชินได้เริ่มตรวจสอบเรื่องเมื่อครั้งก่อนๆแล้ว สภาพของเจียงหยู่เทียนตอนนี้ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าเธอจะไม่พูดแผนการของเราเมื่อครั้งก่อนออกมา ”
“ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน…… ”
เขาพูดได้ครึ่งนึงก็ไม่ได้พูดต่อ แต่หันกลับไปส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดก็เข้าใจทันที พวกเขาจึงพยักหน้า
“ ได้ครับ พวกเราจะจัดการให้เรียบร้อยครับ ”
เวินหงไห่พูดกำชับอย่างไม่วางใจ: “ จำไว้ ครั้งนี้อย่าให้เหลือหลักฐานอะไรไว้อีก ฉันไม่อยากได้ยินชื่อของเจียงหยู่เทียนหลุดออกมาจากปากของจี้จิ่งเชินอีก ”
“ คุณวางใจได้ครับ ”
ได้รับการรับรอง เวินหงไห่ก็หันไปมองเจียงหยู่เทียนที่นั่งอยู่ที่พื้นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป
บอดี้การ์ดด้านหลังเดินขึ้นมาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ล้อมเจียงหยู่เทียนไว้อีกครั้ง จับตัวเธอและพาออกไปด้านนอก
เจียงหยู่เทียนตะเกียกตะกายอย่างไม่หยุดหย่อน แต่พละกำลังของเธอกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่าบรรดาบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงหน้า
“ ปล่อยฉันนะ! แกจะหาก็ไปหาเวินหงไห่ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาเป็นทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน! ”
เธอดิ้นรนอย่างสุดชีวิต หวีดร้องจนแสบหูไปหมด
บอดี้การ์ดคนนึงยกมือขึ้น และออกแรงโบกลงไปบนหลังคอของเธอ
เจียงหยู่เทียนร่างกระตุก การกระทำหยุดลง ต่อมา แขนขาอ่อนแรง และล้มลงไปที่พื้น
พวกบอดี้การ์ดจึงรีบจับเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ส่งเธอขึ้นรถไปที่ชานเมือง
รถเคลื่อนมาสามชั่วโมงเต็ม ถึงค่อยหยุดลงที่สถานที่เปลี่ยวไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง
เจียงหยู่เทียนถูกพวกเขาลากลงรถ และเธอก็ค่อยๆฟื้นขึ้นจากการหมดสติ
พอเธอลืมตาขึ้น ความคิดที่ยุ่งเหยิงก็คล้ายกับฟื้นฟูเป็นปกติแล้วนิดหน่อย
พอเห็นพวกบอดี้การ์ดท่าทางดุร้ายที่อยู่ข้างกาย และพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในสถานที่ที่เปลี่ยวไร้ผู้คน เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“ พวกแกจะทำอะไร? เวินหงไห่ล่ะ? เขาไปไหนแล้ว? ”
บรรดาบอดี้การ์ดล้อมเธอไว้เป็นวงกลม ไม่ให้เธอได้มีโอกาสหนีไปไหนได้อีก
บอดี้การ์ดคนนึงพูดขึ้น: “ คุณชายรองของตระกูลเวินมีเรื่องให้ทำ ”
เจียงหยู่เทียนมองเขาอย่างสงสัย การกระทำของเธอค่อยๆหยุดลงช้าๆ
บอดี้การ์ดคนนั้นค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ และวางเสื้อคลุมในมือลง
เจียงหยู่เทียนเห็นการกระทำของเขา เธอก็ตกใจจนก้าวถอยหลัง
“ แกคิดจะทำอะไร? ”
“ เธอทำให้คุณชายรองของตระกูลเวินผิดหวัง ” บอดี้การ์ดคนนั้นพูดด้วยสีหน้านิ่ง เขาหยิบปืนออกมาจากในเสื้อคลุม และต่อไปบนหัวของเจียงหยู่เทียน
เจียงหยู่เทียนตกใจจนตาโต เม็ดเหงื่อไหลลงมาจากบนหน้าผากทันที
“ เป็นไปไม่ได้! ฉันจะพูดกับเวินหงไห่เอง เขาเคยรับปากฉันไว้แล้ว! ”
เธอกำลังจะตะเกียกตะกาย บอดี้การ์ดอีกสองคนก็เดินขึ้นมากดเธอไว้
เจียงหยู่เทียนดิ้นรนอยู่สักพัก พบว่าตัวเองไม่มีแรงขัดขืนแล้ว เธอเบิกตากว้างและตะโกนออกมา
บอดี้การ์ดคนนั้นหันไปมองรอบๆ กลัวว่าจะมีคนได้ยินการเคลื่อนไหวตรงนี้ แล้วเรื่องจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
“ ขอโทษ นี่เป็นคำสั่งของคุณชายรองของตระกูลเวิน ”
พูดจบ ก็ลั่นไกปืน
ปัง!
เสียงปืนที่ผ่านการกรองเสียงค่อนข้างเบา เห็นเพียงร่างของเจียงหยู่เทียนกระตุกอย่างรุนแรง ระหว่างคิ้วของเธอเกิดเป็นรูโบ๋ที่มีเลือดติดอยู่
เธอเบิกตากว้าง ในตายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพียงเท่านี้ เธอก็ไม่หายใจแล้ว
ผ่านไปสักครู่ บอดี้การ์ดคนนั้นก็นั่งยองๆ หลังจากที่ยื่นนิ้วสำรวจจมูกของเธอแล้ว ก็ได้เก็บปืนลง
“ จัดการศพให้เรียบร้อย อย่าให้ใครมาเจอ ”
“ ครับ ”
พวกเขาจูงมือของเจียงหยู่เทียน และลากเธอเข้าไปในป่า
บนตัวของเจียงหยู่เทียนถูกถูจนเกิดเป็นรอยเลือดจำนวนไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครสนใจ และจับเธอโยนลงไปในหลุมที่ถูกขุดเตรียมไว้แล้ว
เธอตาค้าง และถูกฝังจนมิด
หลุมถูกกลบจนมิด ด้านบนปกคลุมไปด้วยหญ้า ต่อให้มีคนผ่านมาที่นี่ ก็จะไม่รู้ว่าคนถูกซ่อนไว้อยู่ด้านล่าง
ผ่านไปสิบปี ก็คงจะสลายเหลือแต่กระดูกไปแล้ว
และจะหายไปกับแม่น้ำสายยาวในประวัติศาสตร์