เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 439
บทที่ 439 จะให้เขาปฏิเสธได้ยังไง
“ ผมให้เวลาคุณหนึ่งวัน เขียนใหม่อีกฉบับ อิงตามจุดสำคัญกับเงื่อนไขที่ผมเคยบอก และพรุ่งนี้อย่าให้ผมเห็นจุดผิดพลาดใดๆบนนี้อีก ”
ผู้จัดการหยางรีบมาหาอย่างรีบร้อน ต่อมาก็ถูกด่าอย่างจัง ถึงตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกมึนงงอยู่
จนกระทั่งจี้จิ่งเชินเดินจากไป เขาถึงค่อยหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด หลังจากนั้นก็พูดตำหนิเลขาที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไหนเธอบอกวันนี้ประธานจี้อารมณ์ดีไง? คงไม่ด่าคนไปทั่วแบบนี้หรอกใช่ไหม? ”
เลขาก็เพิ่งถูกเขาตำหนิมาเมื่อสักครู่ เธอจึงส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน
“ ใช่ค่ะ ตามหลักก็คงต้องเป็นแบบนี้ ”
เขาหันกลับไปมองห้องทำงานของจี้จิ่งเชิน นึกถึงคนคนนั้นที่เพิ่งเข้าไปเมื่อสักครู่ ก็ทำให้ยิ่งรู้สึกสงสัยขึ้นไปอีก
ไม่ถูกสิ ถ้าวันนี้คนคนนั้นมา อารมณ์ของประธานจี้ก็คงจะดีสิ อีกอย่างถ้าอิงตามความเคยชินของเมื่อก่อน ก็คงไม่ด่าใครง่ายๆแบบนี้
วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อีกฝั่ง จี้จิ่งเชินผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เพิ่งเดินเข้ามา เขาก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่บนโซฟาด้านใน
เขาชะงักไปเล็กน้อย พอเห็นสถานะของฝ่ายนั้น เขาก็หยุดอยู่ที่ประตูทันที ไม่ได้เดินเข้าไป
“ คุณมาได้ยังไง? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงก็หันกลับมา
บนใบหน้าเธอมีรอยยิ้ม คล้ายกับเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้เกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
“ ได้ยินว่าตอนเช้าคุณไม่ได้กินอาหารเช้า ฉันจึงเอาของกินมาส่งให้คุณ คุณยังไม่ได้กินอาหารกลางวันใช่ไหม? ”
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ที่เดิม และมองเธออย่างห่างเหิน
“ ผมเคยบอกว่าไม่ให้คุณมาหาผมอีก ไม่ว่าจะที่ปราสาทหรือที่บริษัท ”
น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งมาก ถ้าเป็นคนอื่น ตอนนี้ก็คงจะตกใจจนก้าวถอยหลังไปแล้ว
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่สนใจ ถึงขนาดเดินไปเอากล่องอาหารที่พกมาวางไว้บนโต๊ะ และเปิดออกทีละอัน
เธอพูดขึ้น: “ แต่ฉันเคยบอกไว้ว่าฉันจะไม่ยอมแพ้ ”
พูดจบ เธอหันไปมองจี้จิ่งเชินเล็กน้อย และส่งยิ้มให้เขา
“ กินข้าวก่อนเถอะ ”
จี้จิ่งเชินมองเธอนิ่งๆ และกำลังลังเลใจ
ในใจของเขาตีกันให้ยุ่งเหยิง รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่สามารถให้ความหวังเวินเที๋ยนเที๋ยนได้อีกแล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขากลับพูดคำปฏิเสธไม่ออก
เห็นจี้จิ่งเชินไม่พูดอะไรอยู่สักพัก เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้เพียงพูดขึ้น: “ ถ้าคุณไม่อยากเห็นฉัน ฉันก็ขอตัวกลับก่อน…… ”
พูดจบ เธอหมุนตัวกลับไป
เพิ่งเดินไปได้สองก้าว
“ คุณกินแล้วหรือยัง? ”
ด้านหลังก็มีเสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้นมา
เสียงเพิ่งดังขึ้น ฝีเท้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หยุดลงทันที
เธอหันกลับไป บนใบหน้าเผยรอยยิ้มลำพองใจขึ้นมา
“ ยังไม่กิน อีกอย่างฉันก็ยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย ”
ได้ยินคำตอบนี้ จี้จิ่งเชินก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ เหมือนเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้อยู่แล้วว่าจี้จิ่งเชินจะต้องพูดขึ้นมาอย่างนั้น
แต่ต่อให้รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งใจจริงๆ พอได้ยินว่าเธอไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน เขากลับไม่สามารถทนมองเธอจากไปได้
ในใจของเขาตีกันให้วุ่น หัวคิ้วก็ขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ มานี่สิ ”
ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นอย่างประนีประนอม: “ ถือว่าเป็นมื้อกลางวันระหว่างเพื่อนด้วยกัน ”
เขาจนปัญญาจริงๆ ที่จะให้เวินเที๋ยนเที๋ยนจากไปแบบนี้
ต่อให้รู้ว่านี่เป็นกับดักเล็กๆที่ไม่ได้อันตรายอะไร ก็ยอมกระโดดลงไปอย่างเต็มใจ
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผอมมากพออยู่แล้ว ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าวันไหนที่เธอเดินอยู่บนถนน อาจจะถูกลมพัดลอยไปสักวัน
จี้จิ่งเชินหาเหตุผลให้ตัวเองในใจ ถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
ไม่นาน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินเข้ามา และนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามจี้จิ่งเชิน
เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างคุ้นเคย เตรียมจะลงมือกินข้าว ใบหน้าของเธอยังมีรอยยิ้มดีใจอยู่
จี้จิ่งเชินเห็น เขาก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างจนปัญญา และต่อสายเข้าสายใน
เสียงดังขึ้น เลขาก็รีบรับสายอย่างรวดเร็ว
จี้จิ่งเชินพูดขึ้น: “ ยกเลิกงานตอนกลางวันของผมให้ด้วย ”
เลขาเพิ่งถูกเขาด่าเมื่อสักครู่ กำลังจะติดต่อผู้รับผิดชอบของฝ่ายสถานที่ก่อสร้าง
ยังไม่ได้โทรออก ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะออกคำสั่งใหม่ให้ยกเลิกงานของเขา
เดี๋ยวยกเลิก เดี๋ยวไม่ยกเลิก แม้แต่ตัวเลขาเองก็ยังไม่เข้าใจ
แต่ได้ยินจี้จิ่งเชินพูดแบบนี้ เธอจึงรีบตอบกลับไปทันที: “ ได้ค่ะ ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ ”
จี้จิ่งเชินเห็นเธอไม่ถามเรื่องที่ไม่ควรถาม เขาจึงพยักหน้าอย่างพอใจ เห็นทีว่าไม่ต้องเปลี่ยนเลขาคนใหม่แล้วสิ
และนอกประตู เพิ่งวางสายโทรศัพท์ เธอก็มองโทรศัพท์ในมืออย่างสงสัย
“ ทำยังไงล่ะ? ”
ผู้จัดการหยางที่ยังยืนอยู่ข้างๆได้ยินคำพูดบ่นของเธอ เขาจึงเดินเข้ามาหา
“ เป็นอะไรไป? ”
เลขาพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ: “ เมื่อสักครู่เห็นคุณเวินมาส่งอาหารกลางวัน ฉันก็คิดว่าประธานจี้จะอยู่ทานที่บริษัทด้วยกัน แต่ไม่คิดว่าหลังจากที่เขากลับมา เขาจะด่าฉันยกใหญ่ และให้ฉันเตรียมงานให้ใหม่ ”
“ แต่ตอนนี้ กลับโทรมาบอกให้ฉันยกเลิก คุณว่ามันแปลกไหมล่ะ? ”
ผู้จัดการหยางได้ฟังก็หันไปมองห้องทำงานเล็กน้อย และพูดขึ้นยิ้มๆ: “ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง……คุณเวินมาแล้วหรอ? ”
เลขาพยักหน้า
“ ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้น ฉันจึงบอกว่าวันนี้อารมณ์ของประธานจี้คงจะดีไม่น้อย จึงเรียกให้คุณเอาเอกสารมาส่งยังไงล่ะคะ ”
ผู้จัดการหยางหัวเราะ
“ มิน่าล่ะ ผมเคยบอกแล้วไงว่าเพียงแค่คุณเวินมา อารมณ์ของประธานจี้ก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน ”
พูดจบ เขาก็โบกเอกสารในมือไปมา เดินไปทางด้านนอกไปด้วย และพูดไปด้วย: “ อีกสักครู่ รอให้พวกเขาทานอาหารเสร็จ แล้วผมจะมาใหม่ ”
ในห้องทำงาน จี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังทานอาหารด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครพูดอะไร
ต่อให้มีหลายครั้งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนชวนเขาคุย แต่จี้จิ่งเชินเหมือนคิดอะไรออก และทำเป็นไม่สนใจเธอ ภายในระยะเวลาสิบนาทีเขาก็ทานเสร็จ
ต่อมา เขาก็ได้ใช้สายตาเร่งเวินเที๋ยนเที๋ยน เหมือนกับอยากให้เธอรีบกินให้เสร็จ หลังจากนั้นจะได้กลับไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้วัตถุประสงค์ของเขา เธอจึงลดความเร็วในการทานอาหารลง เธอใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเต็ม เพื่อทานอาหารบนโต๊ะให้หมด และถึงค่อยเลิกราไปในที่สุด
แต่รอให้เธอวางตะเกียบลง จี้จิ่งเชินถึงค่อยพูดขึ้น: “ ต่อไป คุณไม่ต้องมาที่นี่อีก ”
การกระทำที่กำลังเก็บตะเกียบของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดลงทันที
จี้จิ่งเชินทำเป็นมองไม่เห็น และพูดต่อ: “ ต่อไป ผมไม่อยากเห็นคุณที่นี่อีก ที่ปราสาทก็ด้วย คุณไม่ต้องมาเสียเวลากับผมหรอก ”
เขาพูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงก้มหน้า และเก็บตะเกียบลง
ผ่านไปสักครู่ เธอถึงจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบามาก
“ ไม่ ”
จี้จิ่งเชินเงยหน้ามองเธออย่างตกตะลึง
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าเก็บกล่องข้าวบนโต๊ะ
“ ฉันบอกว่าไม่ พรุ่งนี้ฉันจะมาอีก ”
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้น เขากำลังจะพูดตอบโต้ แต่อยู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เงยหน้าขึ้นมาฝืนยิ้มให้เขา
“ เมื่อสักครู่ คุณบอกว่าถือว่าทานอาหารระหว่างเพื่อนด้วยกันไม่ใช่หรอ? ตอนนี้เรายังถือว่าเป็นเพื่อนกันสินะ? ”
มือของเธอกำเข้าหากันแน่น
“ หรือจะบอกว่า แม้แต่เพื่อนก็เป็นไปไม่ได้หรอ? ”
เห็นรอยยิ้มที่ยากลำบากบนใบหน้าของเธอ จี้จิ่งเชินก็รู้สึกปวดใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนในสภาพนี้ จะให้เขาปฏิเสธได้ยังไง?
จะให้เขาพูดยังไง?