เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 440
บทที่ 440 นี่เป็นครั้งสุดท้าย
ลังเลอยู่สักพักใหญ่ จี้จิ่งเชินถึงค่อยพูดขึ้นอย่างประนีประนอม
“ ถ้าเป็นเพื่อนน่ะได้ ”
ได้ยินคำคำนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็โล่งใจขึ้นทันที ใบหนาของเธอจึงมีรอยยิ้มขึ้น
“ จริงหรอ? ดีจัง ฉันคิดว่าคุณจะปฏิเสธฉันสะอีก ”
เธอมีสีหน้าดีอกดีใจ กลับทำให้จี้จิ่งเชินใจเต้น
ก็แค่ตอบรับการเป็นเพื่อนเอง ทำไมถึงทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนดีใจได้ถึงขนาดนั้นล่ะ……
เพราะเรื่องแค่นี้ ก็ทำให้พึงพอใจแล้ว
ในใจเหมือนถูกก้อนหินทับไว้ คล้ายกับทำให้เขาหายใจไม่ออก
เรื่องแค่นี้ก็ทำให้ดีใจได้แล้ว
แค่นี้เองหรอ?
หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ขอร้องอะไรมากกว่านี้……
แต่ต่อให้พูดแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ
เขาเองก็ไม่สามารถให้อะไรเธอได้……
พอคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“ เป็นแบบนั้น ตอนนี้คุณก็กลับไปได้แล้ว ”
น้ำเสียงที่เย็นชาอย่างกะทันหันทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามองเขาเล็กน้อย
เมื่อสักครู่กว่าจะผ่อนคลายบรรยากาศลงได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนนี้กลับกลับไปในจุดเย็นอีกครั้ง
“ ฉันอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย ได้ไหม? ”
“ ไม่ได้ แบบนั้นจะรบกวนงานของผม ”
จี้จิ่งเชินพูดตอบโต้อย่างไม่รักษาน้ำใจ
“ คุณเองก็คงยุ่งสินะ? ต่อให้ไม่ได้ไปทำงานที่บริษัทตระกูลหล่อนกับบริษัทตระกูลเวิน แต่เรื่องการเรียนของคุณยังทำไมเสร็จหนิ ตอนนี้มีเรื่องตั้งมากมายขนาดนี้ ยังจะมีเวลาอยู่ที่นี่ต่ออีกหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาถามจนไม่มีเวลาพูดตอบ เธอจึงเงียบลง
“ คุณอยากไล่ฉันไปขนาดนั้นเลยหรือไง! ไม่อยากเห็นฉันสักนาทีเลยใช่ไหม? ”
จี้จิ่งเชินสูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว กำลังจะพูดตอบ กลับเห็นสายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังมองตัวเอง เสียงของเขาก็ได้หยุดลงทันที
สองวินาทีต่อมา เขากลับพูดขึ้นอย่างแน่วแน่: “ ใช่ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัวแข็งทื่อไปนิดหน่อย เธอกำหมัดแน่นทันที
“ แบบนั้นหรอ? ”
“ ฉันรู้แล้ว ”
พูดจบ เธอก็จัดเก็บของที่อยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว และหมุนตัวเดินไปทางด้านนอก
ตอนที่กำลังจะออกจากห้องทำงาน เธอก็ได้ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่มุมตาเล็กน้อย
เห็นการกระทำของเธอ หัวใจของจี้จิ่งเชินก็รัดกันแน่นทันที ทั้งเจ็บ ทั้งแสบ เหมือนถูกเข็มแทงเข้าไปข้างในนั้น
มือของเขาจับมุมโต๊ะทำงานไว้แน่น ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เหมือนกลัวว่าวินาทีต่อมา ตัวเองจะพูดให้เธออยู่ต่อ
แต่สุดท้าย เขากลับมองเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินจากไปอย่างหน้าตาเฉย
ประตูห้องทำงานได้ปิดลงอีกครั้ง ด้านในก็เริ่มกลับมาเงียบเหมือนเดิม
ผู้จัดการหยางที่รออยู่ด้านนอก เห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมาแล้ว เขาจึงรีบถือเอกสารสัญญาที่เพิ่งแก้ใหม่ เคาะประตูและเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ถือโอกาสตอนที่จี้จิ่งเชินยังอารมณ์ดี ถามคำถามที่ตัวเองยังคิดไม่ออก
ไม่คิดว่าเพิ่งได้ส่งเอกสารไปให้ กลับถูกด่าอีกเป็นครั้งที่สอง
“ ผมบอกให้คุณเขียนใหม่อีกหนึ่งฉบับภายในหนึ่งวันไม่ใช่หรอ? นี่คือคำตอบที่คุณให้กับผม? ”
ผู้จัดการหยางไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินเพิ่งได้ส่งเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไป อารมณ์ของเขาจะแย่ลงกว่าเมื่อสักครู่ จึงทำให้ผู้จัดการหยางตกใจจนหน้าขาวซีด
เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเสียอาการ
“ ไม่……ไม่ใช่ครับ……ผมแค่เจอปัญหานิดหน่อย จึงอยากมาถามความคิดเห็นของประธานจี้ครับ? ”
“ ปัญหาอะไร? ” จี้จิ่งเชินหน้าขรึม
“ ก็คือ…… ”
ผู้จัดการหยางกำลังจะพูด อยู่ๆก็เห็นสายตาโหดเหี้ยมของจี้จิ่งเชิน ทำให้เขาตกใจจนตัวสั่น เขาจึงส่ายหน้า และกลืนคำพูดที่อยู่ตรงมุมปากลงไป
“ ไม่ ไม่ไม่ ผมไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นครับ ไม่มี…… ”
จี้จิ่งเชินพูดขึ้น: “ เสร็จภายในวันเดียวไหม? ”
ผู้จัดการหยางรีบพยักหน้า
“ ได้ครับ! เสร็จแน่นอนครับ! ”
พูดจบ เขาก็ไม่กล้าอยู่ต่อ รีบหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา และรีบเดินจากไปอย่างระมัดระวัง
ออกจากประตูห้อง เขาถึงค่อยโล่งใจขึ้น และส่ายหน้าไปมา
“ น่าแปลก น่าแปลกจริงๆ ”
อิงตามหลัก หลังจากที่คุณเวินกลับไปแล้ว อารมณ์ของจี้จิ่งเชินต้องดีขึ้นสิถึงจะถูก วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หรือว่าทะเลาะกัน?
เขาคาดเดาอย่างสงสัย ไม่นาน เรื่องที่จี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนทะเลาะกันก็ลือกันไปทั่วทั้งบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
ทุกคนปวดประสาท ไม่นานก็เข้าใจได้ทันที
หรือว่าช่วงนี้ที่จี้จิ่งเชินมีท่าทางโมโหอยู่ตลอดเวลา ที่แท้ก็เป็นเพราะแบบนี้
ถ้าพวกเขาอยากอยู่อย่างสบาย ก่อนอื่น ต้องดูว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะดีกับเขาตอนไหน
วันต่อมา จี้จิ่งเชินคุยเรื่องงานเสร็จแล้วก็กลับมาที่บริษัท
เพิ่งเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของตัวเอง ก็เห็นเลขามองมาที่เขาบ่อยๆ กำลังจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
จี้จิ่งเชินหยุดฝีเท้าลง
“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ”
เลขาพยักหน้า และพูดขึ้นอย่างลังเล: “ เมื่อสักครู่ คุณเวินมาหาค่ะ…… ”
จี้จิ่งเชินได้ฟังดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้วทันที
เมื่อวานเขาพูดอย่างชัดเจนแล้ว และไม่คิดว่าเธอจะมาที่นี่อีก
เลขาเห็นสีหน้าของเขา เธอกำลังจะพูด จี้จิ่งเชินก็ยกมือห้ามเสียก่อน
“ ผมเข้าไปคุยกับเธอเอง ”
ต่อมา สีหน้าของเขาก็ขรึมขึ้น เขายกมือผลักประตู
“ เวินเที๋ยนเที๋ยน เมื่อวานผมบอกคุณว่า…… ”
เขาเพิ่งพูดออกไป กลับพบว่าในห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในนี้เลยสักคนเดียว
จี้จิ่งเชินชะงักไป เมื่อสักครู่ เลขาไม่ได้บอกว่าเธอมาที่นี่หรอกหรอ?
กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เลขาก็เดินเข้ามาจากอีกฝั่ง และพูดอธิบาย: “ หลังจากที่คุณเวินมาได้สักครู่ เธอก็ได้กลับไปแล้วค่ะ ”
“ กลับแล้ว? ”
เห็นจี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ในใจของเขาเกิดความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างมองข้ามไปไม่ได้ แต่ไม่นานก็ถูกเขาเก็บซ่อนกลับเข้าไปในก้นบึ้งหัวใจ
เขาจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง และพูดขึ้น: “ ตอนบ่ายมีกิจกรรมอะไรไหม? อีกสักครู่เอาเอกสารเข้ามาให้ผมด้วย ”
“ ค่ะ ประธานจี้ ”
พอเลขาออกไป จี้จิ่งเชินก็ปิดประตู และเดินเข้าไปในห้องทำงาน
แต่พอเดินไปได้ครึ่งทาง กลับเห็นว่าบนโต๊ะทำงานที่โล่งกว้างมีกล่องข้าววางไว้อยู่
การกระทำของเขาหยุดลง เขามองอย่างละเอียด ก็พบว่ากล่องข้าวใบนั้นเป็นใบเดียวกับที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพกมาเมื่อวาน
แต่ตอนนี้ได้มาวางอยู่บนโต๊ะ
จี้จิ่งเชินชะงักไปสักครู่ถึงค่อยเดินเข้าไป และยื่นมือออกไปเปิดกล่องข้าว
วินาทีต่อมา กลิ่นหอมของอาหารก็ส่งกลิ่นมาที่ปลายจมูก
ในกล่องข้าวมีอาหารเลิศรสวางไว้อย่างสวยงาม กลิ่นหอมน่าทานมาก
ตอนเปิดกล่องข้าวออก ยังมีไอร้อนลอยออกมาอยู่ ดูเหมือนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งเอามาวางไว้ได้ไม่นานนี่เอง
แต่สีหน้าของจี้จิ่งเชินกลับดูไม่ได้
ตอนนี้ เขามองอาหารเลิศรสที่ปรุงอย่างประณีตที่บนโต๊ะ อารมณ์ของเขากลับหนักอึ้งมากกว่าเดิม
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักการเลิกราหรือไง?
เธอจะยืนหยัดไปจนถึงเมื่อไหร่ ถึงจะยอมจากไป?
ถ้า……
ถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เป็นเขา ก็กลัวว่าความยึดมั่นจะสั่นคลอนไปเหมือนกัน…..
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะมีสักวันที่เขาจะทิ้งทุกอย่าง และอยู่กับเธอจริงๆ
แต่แบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้
จี้จิ่งเชินกัดฟัน หยิบโทรศัพท์ออกมา และรีบโทรหาเวินเที๋ยนเที๋ยนทันที
หลังจากที่เสียงดังขึ้น เธอก็กดรับสายทันที
“ เวินเที๋ยนเที๋ยน ผมเคยบอกว่า…… ”
“ คุณกินอาหารแล้วหรือยัง? ”
ยังพูดไม่จบ เสียงสูงของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ดังลอดผ่านมา ฟังดูเหมือนกำลังอารมณ์ดีไม่น้อย
จี้จิ่งเชินเม้มริมฝีปาก เขาลังเลไปสักครู่ ถึงค่อยพูดขึ้น: “ ยัง ”
“ ต่อไป คุณไม่ต้องมาส่งอาหารแล้ว ”
เห็นเธอไม่พูดอะไร จี้จิ่งเชินจึงพูดถามอีกครั้ง: “ เวินเที๋ยนเที๋ยน ตกลงว่าคุณคิดจะทำอะไรกันแน่? ”
ในสายโทรศัพท์ เวินเที๋ยนเที๋ยนเงียบไปสักพัก ถึงค่อยพูดขึ้น
“ ฉันกำลังอยากให้คุณไปสถานที่แห่งหนึ่งด้วยกันกับฉัน ได้ไหม? ”
“ จี้จิ่งเชินลังเลไปสักพัก เขาสูดลมหายใจเข้า ในที่สุดก็พูดขึ้นอย่างประนีประนอม
“ นี่เป็นครั้งสุดท้าย ”
“ อือ ”
น้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนดังลอดมาจากโทรศัพท์เบาๆ
“ คุณอยากให้ผมไปที่ไหน? ”
“ ชิงช้าสวรรค์…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเสียงเบา: “ อย่างน้อยก็ขอให้คุณได้นั่งชิงช้าสวรรค์สักครั้ง ได้ไหม? ”