เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 448
บทที่ 448 งดออกอากาศ
น้ำเสียงที่หลีเจียเวยพูดประโยคนี้ออกมาก็ไม่ได้เบาอะไรเลย คนที่อยู่ในสถานที่ถ่ายรายการแทบจะได้ยินกันทุกคน และพวกผู้ชมด้านล่างที่สนับสนุนหลีเจียเวยก็ได้พากันส่งเสียงหัวเราะออกมา
ผู้ชมด้านล่างเวทีกำลังหัวเราะกันอย่างสนุก แต่บรรยากาศของพวกอาจารย์ใหญ่ที่อยู่บนเวทีกลับแข็งทื่อขึ้นมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองหลีเจียเวยที่เป็นตัวต้นคิด กลับเห็นหล่อนมองเธอและยิ้มอย่างมีเลศนัย แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าอยากจะทำให้เธอขายหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เป็นที่รู้กันว่าสิ่งที่เธอได้เล่าเรียนมาจากท่านเปิงนั้นคือความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องกระเบื้องเคลือบ ตอนนี้ ถ้าของที่นำขึ้นมาเป็นเครื่องกระเบื้องเคลือบ เธอก็คงจะไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว และความรู้ที่เธอมีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับความสามารถของพวกอาจารย์ใหญ่เลย
และวันนี้ของที่เก็บซ่อนไว้ก่อนหน้าสองสามชิ้นล้วนเป็นเครื่องกระเบื้องเคลือบ แต่ชิ้นสุดท้ายกลับเป็นเครื่องสำริด
เพราะแบบนี้หลีเจียเวยถึงได้ตั้งใจพูดกลั่นแกล้งให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบ หล่อนยังคาดการณ์ไว้อีกว่าเธอจะต้องตอบผิด
แต่ที่หล่อนไม่รู้นั้นก็คือ เมื่อก่อนตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนช่วยคนอื่นบูรณะสร้อยคอโลหะ เธอยังเคยเรียนรู้เป็นพิเศษจากการที่เป็นผู้ช่วยของช่างบูรณะพระราชวังแห่งชาติอยู่ระยะเวลาหนึ่ง และความถนัดเฉพาะทางของช่างบูรณะพระราชวังแห่งชาติก็คือด้านโลหะ!
ต่อมา หลังจากที่เธอทำงานเสร็จ เธอก็ไม่เคยหยุดฝีเท้าด้านการเรียนของตัวเองลง และยังฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการชี้แนะกับการสอนของอาจารย์มืออาชีพ แต่ของที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตรงหน้านี้ ก็คงถือได้ว่าเป็นของที่มีมูลค่าอยู่มาก
ในด้านนี้หลีเจียเวยคิดผิดไปโดยสิ้นเชิง
เผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้งของหลีเจียเวยเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้พูดอะไร แต่หลังจากที่เธอสังเกตของที่อยู่ในมืออย่างละเอียดดีแล้ว ถึงได้พยักหน้านิดหน่อย
เธอถือไมโครโฟน และพูดกับกล้องอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
เธออธิบายที่มาที่ไปของเครื่องสำริดชิ้นนี้ได้อย่างมีหลักการ ไม่ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาด้านเครื่องสำริดโดยเฉพาะเลย
หลีเจียเวยฟังได้ครึ่งเดียว สีหน้าของเธอก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงขั้นมีสีหน้าหมองคล้ำ
แต่พวกอาจารย์ใหญ่ที่เมื่อสักครู่กำลังเป็นห่วงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะตอบได้หรือเปล่า ในที่สุดตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจสักที พวกเขายืดอก เหมือนเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ช่วยพวกเขาไว้
สีหน้าของพวกอาจารย์ใหญ่เป็นประกาย และมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างให้กำลังใจอยู่ตลอด พวกเขาอยากให้เธอพูดแข่งกับหลีเจียเวยไปให้รู้แล้วรู้รอดเสียอย่างนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดวิเคราะห์ตามที่ตัวเอาได้คาดคะเนไว้ในใจเสร็จ หลังจากนั้น เธอก็หันไปมองหลีเจียเวย
“ คุณหลี คุณคิดว่าฉันพูดถูกไหม? ”
สีหน้าของหลีเจียเวยยิ่งดูไม่ได้มากกว่าเดิม เธอหันกลับไป
“ สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เปิง ไม่เพียงแต่จะมีความรู้ด้านเครื่องกระเบื้องเคลือบที่หลากหลาย แม้แต่เครื่องสำริดก็ยังรู้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคุณเรียนอะไรมาบ้างนะคะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดตอบนิ่งๆ: “ ท่านเปิงสอนฉันด้านเครื่องกระเบื้องเคลือบก็จริง แต่ด้านเครื่องสำริดเป็นฉันเองที่ชื่นชอบ และยังเคยขอให้อาจารย์ใหญ่หลายท่านสอนฉันอยู่เหมือนกัน ”
“ อาจารย์ใหญ่? ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าอาจารย์ฟ่านก็เคยสอนคุณเหมือนกันล่ะ ”
อาจารย์ของหลีเจียเวยหรืออาจารย์ฟ่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำริด ถ้าพูดถึงด้านนี้ ก็คงเป็นเธอแน่นอน
“ คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดยิ้มๆ: “ ไม่ใช่ อาจารย์ฟ่าน แต่เป็นโจวไห่ อาจารย์โจวค่ะ ”
พอได้ยินชื่อนี้ อาจารย์ใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นก็รู้ทันที
“โจวไห่? ไม่ใช่ว่าเป็นอาจารย์ที่ทำงานอยู่ที่พระราชวังแห่งชาติหรอกหรอ? เขาสอนคนอื่นเป็นด้วย? ” มีคนพูดขึ้นอย่างอดไม่อยู่
สีหน้าของหลีเจียเวย ยิ่งแย่ขึ้นไปใหญ่
อาจารย์เปิงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถึงนั้นเป็นอาจารย์ที่พระราชวังแห่งชาติจริงๆ อีกทั้งชื่อเสียงเรียงนามของเขาก็พอๆกับอาจารย์ฟ่านของเธอ ทั้งสองล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำริด
เพียงแต่อาจารย์ท่านนั้นอธิบายได้อย่างเข้าใจง่ายจริงๆ และไม่เคยรับสมัครลูกศิษย์ อีกทั้งนิสัยยังแปลกประหลาดอีกต่างหาก
เมื่อก่อนหลีเจียเวยเคยตั้งใจไปเยี่ยมเยือนเขาเป็นพิเศษ แต่กลับถูกตะเพิดออกมา
ไม่คิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้รับการชี้แนะจากเขา
เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที สีหน้าบนใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
ผ่านไปห้าวินาทีเต็ม เธอถึงได้พูดขึ้น: “ แต่ที่คุณผู้มานั้นถูกหรือไม่? ยังต้องให้ฉันตรวจดูด้วยตัวของฉันเอง คุณเวิน รบกวนคุณช่วยนำของชิ้นนั้นมาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น เธอกลับไม่เคลื่อนไหว
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่พนักงานควรทำ ไม่คิดว่าหล่อนจะตั้งใจพูดกลั่นแกล้ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหล่อนอยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนขายหน้า
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เคลื่อนไหว เธอก็ได้พูดขึ้น: “ เครื่องสำริดชิ้นนี้มีคุณค่าสูงมาก ถ้าทำตกก็แย่เลย คุณเวินเก่งออกขนาดนั้น ให้คุณเป็นคนถือมาให้ ฉันถึงจะวางใจ หรือว่าคุณดูถูกฉันหรอคะ? ”
คำพูดนี้หลุดออกไป พิธีกรที่อยู่ด้านข้างก็เห็นว่าบรรยากาศไม่เหมือนกับช่วงก่อนแล้ว เขาจึงมองหลีเจียเวยอย่างลำบากใจ กลับเห็นเธอมีท่าทีไม่สนใจ เขาจึงทำได้เพียงเคลื่อนสายตาที่แสดงถึงการขอให้ช่วยไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนแทน
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงยืนขึ้น และเดินประคองเครื่องสำริดที่อยู่ในมือเข้าไปหาหล่อน
และเธอก็ได้พูดขึ้น: “ คุณหลี ดูให้ละเอียดนะคะ อย่าดูผิดล่ะ ”
พูดจบ เธอก็เดินไปที่ข้างตัวของหลีเจียเวยเธอกำลังวางของลง แต่อยู่ๆกลับสะดุดของอะไรสักอย่าง!
ในระยะสายตา ไม่รู้ว่าขาของหลีเจียเวยยื่นออกมาตอนไหน และได้มาชนกับข้อเท้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าพอดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกชน ตัวของเธอเซ และล้มลงไปด้านหน้า
เครื่องสำริดที่อยู่ในมือเธอราคาไม่เบา ถ้าเทียบกับราคา สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือเนื้อหาของวัฒนธรรมที่แฝงอยู่ในนั้น ห้ามทำแตกอย่างเด็ดขาด
พอคิดได้ดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบปฏิบัติการทันที ตัวของเธอหมุนเป็นรัศมีอยู่ในอากาศ กอดเครื่องสำริดไว้ในอ้อมอก และล้มลงไป
“ ไอยา! ”
วินาทีต่อมา กลับมีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาของหลีเจียเวยดังขึ้น
ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ล้มลงไปด้านหลัง ได้ลงไปทับบนขาของหล่อนพอดี
เดิมที หล่อนยังอยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนล้มลงไป ไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นเบาะรองนั่งเสียเอง และก้นของเธอก็ได้นั่งลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
หลีเจียเวยร้องโอดโอยขึ้นมาทันที
หล่อนจับขาของตัวเอง และหันไปด่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยกใหญ่
“ เวินเที๋ยนเที๋ยน! เธอตั้งใจนั่งลงมาบนขาของฉันใช่ไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนขึ้น เธอตรวจดูเครื่องสำริดในมืออย่างละเอียด หลังจากที่แน่ใจแล้ว เธอถึงค่อยหันไปมองหล่อน
“ ขอโทษค่ะ ฉันเห็นว่าเครื่องสำริดในมือฉันสำคัญกว่า อีกอย่าง ถ้าไม่มีขาของใครบางคนมาวางตรงทางเดิน เพื่อสกัดขาฉัน ฉันก็คงไม่ล้มลงไปหรอกค่ะ ”
การกระทำของตัวเองถูกเปิดโปงอย่างไม่ไยดีเลยสักนิด สีหน้าของหลีเจียเวยยิ่งแย่ขึ้นไปอีก หล่อนจึงแสร้งทำเป็นกอดขา และส่งเสียงร้องออกมา
เห็นอยู่ว่าแค่ถูกทับขานิดหน่อย แต่ร้องสะเหมือนขาหักอย่างนั้นแหละ
เพราะเสียงร้องที่เหมือนหมูโดนเชือดของหล่อน คนที่อยู่ในสถานที่ถ่ายรายการจึงพากันรู้สึกกระวนกระวายใจ
พวกผู้ชมเริ่มวุ่นวาย มีคนพยายามพุ่งเข้ามาดู และยังมีคนตั้งใจถ่ายภาพไว้
พนักงานรีบเดินมาด้านหน้า พยุงหล่อนขึ้นมา และรีบพาไปส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
เพราะเหตุสุดวิสัยครั้งนี้ จึงทำให้รายการของวันนี้หยุดถ่ายลงชั่วคราว
แม้ว่ารายการของวันนี้จะต้องออกอากาศในวันนั้นเลยก็ตาม
เพราะฉะนั้น ตอนกลางคืนของวันนั้น จี้จิ่งเชินทำงานของบริษัทเสร็จแล้ว เขาก็ได้กลับไปที่ปราสาทในตอนดึก
หลังจากที่เขาทานอาหารค่ำอย่างไม่เร่งรีบเสร็จแล้ว เขาก็กลับไปที่ห้องหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์ และกำลังจะดูรายการที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไปเข้าร่วมย้อนหลังเหมือนอย่างทุกครั้ง
แต่พอเปิดช่องนั้นแล้ว กลับพบว่าด้านในมีแต่ความว่างเปล่า
ไม่คิดว่ารายการที่เขาไม่เคยพลาดสักสัปดาห์ กลับงดออกอากาศในวันนี้!