เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 464
บทที่ 464 เธอเป็นคนรับปากเองไม่ใช่หรอ
เวินหงไห่กำลังพูดอยู่ เวินฉี่ที่อยู่ด้านข้างก็ยกมือขึ้นมา เขาก็หยุดพูด แล้วก็มองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เธอไปเตรียมตัว พรุ่งนี้ที่บ้านเราจะมีงานเลี้ยง อย่ามัวออกไปข้างนอกอีก ถึงเวลาจะมีคนจากวงการธุรกิจและวงการการเมืองมาไม่น้อยเลย เธอห้ามขาดเด็ดขาด ต้องเข้าร่วมให้ตรงเวลา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปทางเขาด้วยความสงสัย
“งานเลี้ยงอะไรหรอคะ? ”
เวินหงไห่กำลังจะอธิบาย แต่ว่าเวินฉี่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “ตามปกติแล้วตระกูลเวินจะจัดงานเลี้ยงทุกปี ทุกคนจำเป็นต้องเข้าร่วม เธอก็ห้ามขาดเด็ดขาด”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบแบบส่งๆ
“หนูจะไปร่วมให้ตรงเวลา ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว หนูกลับห้องก่อนนะ”
เวินฉี่พยักหน้า แล้วก็โบกมือ “กลับไปเถอะ พักผ่อนเยอะๆ ”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เดินขึ้นชั้นบนไป
พอเธอไปแล้ว เวินหงไห่ถึงได้พูดว่า “ไม่บอกเธอ ถ้าเกิดว่าวันพรุ่งนี้ จู่ๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนก่อกบฏขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ? ”
เวินฉี่หัวเราะอย่างเย็นชา
“พอถึงวันนี้ ทุกคนก็จะมารวมตัวกันที่นี่ ข้าวมันถูกหุงจนสุกแล้ว ไม่มีอะไรสามารถแก้ไขได้แล้ว ดูว่าเธอจะปฏิเสธได้ยังไง? ส่งบัตรเชิญไปหมดรึยัง? ”
เวินหงไห่พยักหน้า
“ถึงแม้ว่าเวลาจะเร่งรีบหน่อย แต่ว่าก็ส่งออกไปหมดแล้ว ทางเฟิงหมิงก็ได้แจ้งแล้วเหมือนกัน เขาตกลงแล้ว”
“ตกลงแล้วงั้นหรอ? ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่เลวเลยนะ พอใจกับการเกี่ยวดองสมรสกันในครั้งนี้มาก ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว” เวินฉี่หันไปมองที่ชั้นบน
“สปีชีส์เอเลี่ยนนี้ ก็ยังถือว่ามีประโยชน์อยู่บ้าง หลายวันต่อไปนี้ แกจับตาดูเธอให้ดี อย่าให้เกิดความผิดพลาดอะไร ใช่สิ แล้วทางฝั่งจี้จิ่งเชินล่ะ? ”
“ได้ยินว่าเขาออกไปทำงานที่ต่างประเทศตั้งแต่สองวันก่อนหน้านี้แล้ว อีกสองอาทิตย์กว่าจะกลับมา”
พอเวินฉี่ได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มที่พึงพอใจ
“เหมือนกับว่าพระเจ้ากำลังช่วยฉันนะเนี่ย! ภายในสองอาทิตย์นี้ เตรียมงานแต่งงานของพวกเขาให้ดี พอถึงเวลาต่อให้จี้จิ่งเชินกลับมา ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“เข้าใจแล้ว”
เวินหงไห่เองก็ยิ้มตามเหมือนกัน แล้วพูดว่า “เดี๋ยวฉันไปจัดการก่อน”
วันที่สอง ทั้งชั้นบนและชั้นล่างของตระกูลเวิน ตระกูลเวินก็ต่างได้รับการตกแต่งใหม่ ต่างก็ถูกเตรียมไว้เพื่องานเลี้ยงในคืนนี้
ห้องโถงถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านตาข่ายกับโคมไฟระย้าคริสตัล ดูโอ่อ่าตระการตามากกว่าเมื่อก่อนมาก
วันนี้มีคนมาประมาณ100กว่าคน และทุกคนก็ต่างเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทั้งนั้น
ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลเวินจะให้ความสำคัญขนาดนี้
จนถึงตอนบ่าย เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกเร่งให้กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้าแต่งตัว แขกผู้มาเยือนก็เริ่มทยอยเข้ามากันแล้ว
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลหล่อนและตระกูลจี้มาก็ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่างานเลี้ยงที่เป็นการรวมตัวของเพื่อนๆ ที่วงการการเมืองหลายๆ คนของตระกูลเวินแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น
คนที่เข้ามาจากประตู ก็มียศนายพลไม่น้อยเลย
เมื่อเอามาเทียบกันแล้ว ครั้งนี้เหมือนงานประชุมระหว่างประเทศมากกว่า
“งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างไม่เข้าใจ
เหยาเย้นเองก็กลับส่ายหน้าเหมือนกัน
“เมื่อก่อนฉันไม่เคยได้ยินว่าตระกูลเวินจัดงานเลี้ยงแบบนี้เลยนะ ฉันก็อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าด้วยความสงสัย แล้วก็มองเธอจากกระจก ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หรือว่าปีนี้เป็นปีแรกงั้นหรอ? แต่ว่าเมื่อวานพวกเขาบอกว่า มันเป็นงานที่จัดขึ้นทุกปีนะ”
เหยาเย้นได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่เข้าใจเหมือนกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกไม่เข้าใจมากกว่าเดิม
หรือว่างานเลี้ยงนี้มีเป้าหมายอื่นยังงั้นหรอ?
หรือว่าเวินฉี่กับเวินหงไห่มีแผนอะไรใหม่ ก็เลยจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ?
ถ้าเกิดว่ามันเป็นเรื่องจริง เธอก็อยากจะไปดูด้วยตัวเอง ไปดูว่าพวกเขามีแผนอะไรกันแน่
บางทีมันอาจจะช่วยอะไรจี้จิ่งเชินบ้างก็ได้
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน แล้วก็ลงมาชั้นล่างพร้อมกับเหยาเย้น
คนดังและนักการเมืองไม่น้อยก็ต่างมารวมตัวกันที่ห้องโถงเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นใบหน้าที่สามารถเห็นได้ทางรายการข่าวทางทีวีเป็นประจำ
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฏตัว หลายคนพอเห็นเธอแล้ว ก็ส่งสายตาอิจฉามาให้
เธอกวาดตามองไปที่ทุกคนอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง รู้สึกเหมือนว่าสายตาของทุกคนต่างมองมาที่เธอ
นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?
วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลเวิน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก็ไม่ควรจะเปลี่ยนจุดสนใจมาเป็นที่เธอได้นี่
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไปด้วย พร้อมกับเดินลงมาชั้นล่าง
ยังไม่ทันจะได้ยินนิ่งๆ ก็มีคนเดินเข้ามา แล้วก็ส่งแชมเปญให้เธอ
“ยินดีด้วยนะครับคุณเวิน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังเขาพูดอย่างสับสน ยังไม่ทันจะเข้าใจเรื่องราว คนที่สองก็เดินเข้ามาเหมือนกัน
“ยินดีด้วยๆ ไม่คิดเลยว่าตระกูลเวินจะไวขนาดนี้ แป๊บเดียวก็จะมีงานมงคลแล้ว”
ไม่กี่คนตรงนั้นดื่มไปด้วย แล้วก็พูดคุยหัวเราะไปด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกล้อมไว้อยู่ตรงกลาง ได้รับคำอวยพรที่แปลกประหลาดจากคนมากมาย
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “พวกคุณพูดอะไรกันหรอคะ? งานมงคลอะไรกัน? ”
คนพวกนั้นได้ยินแล้วก็ยิ้ม
“ตายแล้วคุณเวิน คุณไม่ต้องเขินไปหรอกครับ พวกเราก็มาเพราะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งสับสนไปมากกว่าเดิม รู้สึกใจหวิวในทันที ตื่นเต้นเล็กน้อย รู้สึกเหมือนกับว่ามีเรื่องบางเรื่องที่เธอประมาทไป”
“สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่คะ? พวกคุณไม่ได้มารวมตัวพบปะกันหรอกหรอ?
“พบปะ แน่นอนว่าต้องพบปะรวมตัวกันอยู่แล้ว”
หลายคนตรงนั้นหัวเราะออกมา แล้วก็มีเสียงหนึ่งพูดพลางหัวเราะว่า “พวกเราก็มาร่วมงานหมั้นของคุณไม่ใช่หรอ? แล้วมันไม่ใช่งานมงคลหรือยังไง? ”
“อะไรนะคะ? ”
ในหัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนมีเสียงดังตูม เหมือนกับฟ้าร้องห้าครั้ง เธอไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะ
“งานหมั้นอะไรกันคะ ทำไมฉันถึงไม่รู้? ”
“ตายแล้ว คุณเวิน คุณไม่ต้องแกล้งแล้วครับ”
“ใช่ งานหมั้นของคุณกับคนคุมหางเสือของตระกูลเฟิงอย่างเฟิงหมิง พวกเราก็เลยมากันหมดเลย”
“สมัยนี้ถ้าเกิดว่าจัดงานหมั้นไปแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะได้แต่งงานแล้ว พอถึงเวลาพวกเราก็จะมาดื่มเหล้ามงคลกันนะครับ
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งรู้สึกแปลกใจและสงสัย ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“พวกคุณจะบอกว่า งานเลี้ยงในวันนี้ คืองานเลี้ยงหมั้นระหว่างฉันกับเฟิงหมิงยังงั้นหรอคะ? ”
“แล้วไม่ใช่หรอครับ? ”
ทันใดนั้นมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็กำหมัดแน่นทันที
งานเลี้ยงหมั้น?
เธอไม่รู้ได้ยังไงกัน?
ก็ว่าทำไมก่อนหน้านี้ท่าทางของเวินฉี่กับเวินหงไห่ดูแปลกๆ ที่แท้ก็อ้างงานเลี้ยงมาบังหน้า แต่ที่จริงแล้วแอบเธอจัดงานเลี้ยงหมั้น!
แล้วเธอก็พึ่งจะมารู้ตอนนี้!
เวินเที๋ยนเที๋ยนโกรธมาก กำหมัดแน่น ละทิ้งแขกที่เอาแต่อวยพรให้เธอไม่หยุด แล้วก็เดินไปที่ห้องทำงานของเวินฉี่ในทันที!
เธอเดินฝ่าฝูงชนไปด้วยความโมโห แล้วก็เดินขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นสอง พร้อมกับกระแทกประตูเปิดดังปัง
“งานเลี้ยงหมั้นในวันนี้มันคือเรื่องอะไรกันแน่? คุณต้องให้คำอธิบายที่ชัดเจน! ”
เวินฉี่ที่นั่งอยู่ในห้องทำงานพอได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสาร ก็เห็นใบหน้าที่โมโหมากของเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ว่ากลับไม่รู้สึกตื่นตระหนกตกใจอะไร
เขาถอดแว่นออกอย่างใจเย็น แล้ววางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับขยี้ตาเบาๆ
“เธอรู้แล้วสินะ”
มือทั้งสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนกำหมัดแน่น ตัวสั่นเทาเพราะความโกรธ
“คุณจัดงานเลี้ยงหมั้นโดยพลการ หนูไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว หนูจะบอกอะไรให้นะ หนูไม่มีวันเข้าร่วมหรอก! ”
พอได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเวินฉี่ก็จมดิ่งลงทันที
“คำพูดนี้มันอะไรกัน? ”
เขาลุกขึ้นยืน แล้วก็พูดว่า “ตอนแรกเธอก็เป็นคนตอบรับเองไม่ใช่หรอ? ”