เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 480
บทที่ 480 ทำเป็นมองไม่เห็น
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกจากสถานีตำรวจ เธอก็รีบกลับไปที่โรงพยาบาลทันที
เพิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล เธอกลับพบว่าสายตาของคนที่อยู่ในโรงพยาบาลมองเธอแปลกๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถือของและได้ยินพวกพยาบาลกำลังซุบซิบนินทาอยู่ข้างๆ
เธอขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่ไม่ได้หยุดเดิน และเดินตรงไปที่ห้องผู้ป่วยของจี้จิ่งเชิน
ยังเดินไม่ถึงหน้าห้อง ก็เจอกับพยาบาลที่ปรกติรับผิดชอบดูแลห้องผู้ป่วยแถวนี้เข้าพอดี
พอเห็นเธอ พยาบาลคนนั้นก็ตกใจ และรีบหันไปมองด้านหลังทันที
“ คุณเวิน ทำไมคุณกลับมาเร็วจังล่ะคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังคำพูดนี้ เธอก็รู้สึกว่ามันแปลก
“ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ”
พยาบาลรีบส่ายหัวทันที
“ ไม่มีค่ะ แต่……คุณกำลังจะไปที่ห้องผู้ป่วยของประธานจี้หรือเปล่าคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า และขมวดคิ้วนิดหน่อย
“ ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันแน่? ฉันไปที่ห้องผู้ป่วยของจี้จิ่งเชินไม่ได้หรือไง? หรือว่า……เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ”
พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกกระวนกระวายทันที
“ ไม่ใช่ค่ะ คุณสบายใจได้ ”
พยาบาลรีบพูดขึ้นทันที
เธอคิดอยู่สักครู่ สุดท้ายเธอก็เดินเข้ามาหาเวินเที๋ยนเที๋ยน และกระซิบข้างหูเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียงเบา: “ ตอนนี้ คุณหลีอยู่ในห้องค่ะ ”
“ คุณหลีไหน? ”
“ ก็คุณหลีเจียเวยทีมีปัญหากับคุณเมื่อครั้งก่อนไงคะ เธอถือซุปที่ตุ๋นมาดีแล้วเข้าไปในห้องผู้ป่วยยังไม่ออกมาเลยค่ะ แถมยังไม่ให้ใครเข้าไปอีกด้วย นี่ก็เข้าไปได้ยี่สิบกว่านาทีแล้วค่ะ ”
หลีเจียเวย?
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมหล่อนถึงรู้ว่าจี้จิ่งเชินอยู่ที่นี่?
แม่แต่ตัวเอง ถ้าไม่ใช่สถานการณ์บังคับ เธอก็อาจจะยังถูกจี้จิ่งเชินปิดบังอยู่ก็ได้……
พวกพยาบาลพูดเสร็จ ก็พากันดูสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน หลังจากนั้นก็ได้พูดถามขึ้น: “ คุณจะเข้าไปตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้สติกลับมาทันที
“ ใช่ ฉันพกของกินมาเหมือนกัน ฉันดูแลจี้จิ่งเชินเอง พวกคุณไปทำงานต่อเถอะค่ะ ”
พูดเสร็จ เธอก็พยักหน้าให้พยาบาลทั้งสองคน หลังจากนั้นก็เดินไปที่หน้าห้องผู้ป่วยของจี้จิ่งเชิน
เธอยกมือกำลังจะผลักประตูเข้าไป แต่ข้างในกลับมีเสียงพูดคุยเล็กๆน้อยๆดังขึ้นเสียก่อน
“ ประธานจี้ ฉันช่วยคุณเองค่ะ ”
“ ทำการฟื้นฟูสมรรถภาพออกจะลำบากขนาดนั้น คุณไปพักก่อนเถอะค่ะ ”
“ ทานสักหน่อยสิคะ นี่เป็นซุปที่ฉันตุ๋นเองกับมือเลยนะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง ก็รู้ว่าเป็นเสียงของหลีเจียเวยจริงๆ
เธอขมวดคิ้วนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ยกมือผลักประตูเข้าไปช้าๆ
ภาพเหตุการณ์ในห้องผู้ป่วยปะทะเข้ามาในตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินนั่งลงบนเตียงผู้ป่วย เขากำลังทดลงลงจากเตียง และไปหยิบของที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอีกฝั่ง
มีหลีเจียเวยยืนอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเอาอกเอาใจ เธอกำลังเดินตามเขาอยู่ด้านหลัง และกำลังพูดให้กำลังใจเขาอย่างต่อเนื่อง
ในมือของเธอกำลังถือซุปร้อนๆที่ยังมีไอร้อนระเหยขึ้นมา เธอพูดถามเขา และเดินตามเขาไปด้วย
แต่เธอกลับถูกจี้จิ่งเชินผลักออกด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
ไม่ว่าหลีเจียเวยจะพูดยังไง เขาก็ไม่สนใจ ถึงขั้นมีสีหน้าโมโห เขายอมลงมือทำด้วยตัวเอง แต่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเธอ
การฝึกฝนของจี้จิ่งเชินในวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว หมอบอกว่าไม่ให้เขาใช้สองขาบ่อยๆนอกเหนือจากเวลาฝึกฝน กระดูกจะได้ไม่เคลื่อนที่อีก
เวลานี้ พอเธอเห็นจี้จิ่งเชินยืนขึ้น สีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปลี่ยนไปทันที หลังจากนั้นเธอก็ตะโกนขึ้น
“ จี้จิ่งเชิน นายกำลังทำอะไร? ”
น้ำเสียงที่ผสมไปด้วยความไม่พอใจดังขึ้นในห้องผู้ป่วยทันที
ทั้งสองคนจึงหันมามองอย่างรวดเร็ว เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ที่ประตูห้องด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ แถมยังกำลังโกรธอีกด้วย
จี้จิ่งเชินใจเต้น เขากลัวว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเข้าใจผิด
หลีเจียเวยผู้หญิงคนนี้ หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกไป หล่อนก็รีบมาที่ห้องผู้ป่วยทันที ไล่ยังไงก็ไล่ไป
ขนาดเขาทำเหมือนหล่อนเป็นอากาศ หลีเจียเวยก็ยังไม่ยอมกลับไป แถมยังอยู่จนถึงตอนนี้
เมื่อสักครู่ตอนอยู่ต่อหน้าหลีเจียเวย เขามีสีหน้านิ่งเหมือนภูเขา แต่หลังจากที่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความร้อนใจ และอยากจะพูดอธิบาย
“ เที๋ยนเที๋ยน ผม…… ”
แต่ไม่รอให้เขาเริ่มพูด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินเข้ามาเสียก่อน
เธอเดินไปตรงหน้าจี้จิ่งเชิน เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เธอโกรธ……
พอคิดได้ดังนั้น จี้จิ่งเชินก็รู้สึกกระวนกระวายทันที
เห็นเพียงเวินเที๋ยนเที๋ยนวางของในมือลง หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้น: “ ฉันบอกให้นายนอนอยู่บนเตียงไม่ใช่หรอ? ”
คำนี้หลุดออกไป แม้แต่จี้จิ่งเชินเองยังชะงักไปนิดหน่อย
เดิมที เขาคิดว่าเธอจะโกรธเพราะเรื่องหลีเจียเวย แต่ไม่คิดว่าเธอจะพูดต่อว่าเขาเพราะเรื่องนี้
จี้จิ่งเชินได้ฟัง เขาก็สบายใจขึ้นทันที
เผชิญกับไฟโกรธของเวินเที๋ยนเที๋ยน พลังของเขาก็อ่อนแอลงทันที
ถ้าคนอื่นเห็นคงจะคิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่แค่กระทืบเท้า ก็สามารถทำให้โลกธุรกิจกับเมืองหลวงสั่นสะเทือนไปได้คนนั้น
“ ผมจะไปหยิบของบนโต๊ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงไม่พอใจ
“ หมอบอกนายว่าอย่าลงไปเดิน ถ้าอยากได้อะไรก็เรียกให้คนช่วย ”
“ พยาบาลเพิ่งออกไป ” น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินมีความเบา
“ คุณหลีล่ะ? เธอไม่ใช่หรอ? ”
เธอมองหลีเจียเวยที่ยืนอยู่ด้านข้างนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้น
ต่อมา หลีเจียเวยก็เกิดความไม่เข้าใจทันที
เดิมที หล่อนคิดว่าหลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมา เธอจะต้องไล่ตัวหล่อนกลับไปอย่างโมโห
แต่ไม่คิดว่าเธอถึงกับอนุญาตให้หล่อนช่วย
หล่อนจึงไม่รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
หรือว่าเธอไม่ถือสา
เวินเที๋ยนเที๋ยนถือสาแน่นอน
แต่เธอเชื่อมั่นว่าจี้จิ่งเชินไม่ได้คิดอะไรกับหลีเจียเวยอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเทียบกับเรื่องพวกนี้ สิ่งที่เธอเป็นห่วงคือขาทั้งสองข้างของจี้จิ่งเชิน
ยิ่งเห็นว่าขั้นตอนการทำฟื้นฟูสมรรถภาพของเขายากลำบากและเจ็บปวดขนาดไหน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งรักและทะนุถนอม
เธอไม่อยากให้จี้จิ่งเชินต้องแบกรับความเจ็บปวดใดๆอีก
“ กลับไปนอนให้ดีๆ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดสั่ง เมื่อสักครู่ หลีเจียเวยพูดกล่อมยังไง จี้จิ่งเชินก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้เขากลับทำตามคำสั่งของเวินเที๋ยนเที๋ยนทันที
หลีเจียเวยที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นเข้า สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนห่มผ้าห่มให้เขาเสร็จแล้ว เธอถึงค่อยเดินมาหยิบกล่องอาหาร และเปิดมันออก
วินาทีต่อมา กลิ่นหอมร้อนๆก็ตลบไปทั่วทั้งห้องผู้ป่วย
อีกฝั่ง หลีเจียเวยที่ในมือยังถือซุปร้อนไว้อยู่เห็นเข้า
หล่อนก็ชำเลืองมองกล่องอาหารที่ประทับตราร้านอาหารร้านดังในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นเสียงเย็น
และพูดเหน็บแนม: “ ฉันคิดว่าคุณจะตุ๋นซุปให้ประธานจี้เสียอีก ไม่คิดว่าจะเป็นแค่อาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากร้านอาหารทั่วไป ”
“ เดี๋ยวนี้ ร้านอาหารทำกับข้าวชอบแอบลดวัตถุดิบ เพิ่มของที่ไม่ดีต่อสุขภาพเข้าไป ทานเข้าไปแล้วกลับไม่ช่วยเรื่องการฟื้นสภาพสองขาของประธานจี้ นี่หรอที่คุณกำลังเป็นห่วง? หรือกำลังทำร้ายเขากันแน่? ”
ได้ฟังดังนั้น การกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ชะงักลงทันที
วันนี้เธอถูกสถานีตำรวจเรียกไปคุยกับเหยียนเจิ้งเรื่องของเฟิงหมิงอย่างกะทันหัน หลังจากที่คุยเสร็จ เวลาก็มืดค่ำแล้ว ตอนที่เธอเดินผ่านร้านอาหาร เธอจึงเข้าไปซื้อของกินนิดหน่อย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอก็คงจะทำอาหารดีๆมาให้เขาทานเช่นเดียวกัน
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนมีสีหน้าเปลี่ยนไป หลีเจียเวยจึงยิ้มออกมาอย่างลำพองใจอีกครั้ง
หลังจากนั้นหล่อนก็เดินถือซุปที่ตัวเองทำเข้าไปหาจี้จิ่งเชินด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ
“ ประธานจี้คะ ลองชิมอันนี้สิคะ นี่เป็นซุปที่ฉันใช้เวลาตุ๋นถึงสามชั่วโมงเลยนะคะ รับรองว่ามีสารอาหารมากกว่าอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากร้านอาหารแน่นอนค่ะ ”
“ ต่อไป คุณก็ทานอาหารที่ฉันทำให้ตลอดเลยนะคะ แบบนี้ถึงค่อยช่วยเรื่องฟื้นฟูสภาพร่างกายของคุณยังไงล่ะคะ ”
หล่อนยื่นมือออกไปใช้ช้อนตักซุปขึ้นมา และยื่นไปที่มุมปากของจี้จิ่งเชิน
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ขยับตัว เขาทำเหมือนหล่อนเป็นอากาศ และทำเป็นมองไม่เห็นหล่อน