เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 481
บทที่ 481 ยังไม่ถึงคุณมายกมือวาดเท้า
มือของหลีเจียเวยหยุดอยู่กลางอากาศ จนกว่าจะเริ่มมีความรู้สึกเจ็บปวด รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่สามารถรักษาต่อไปได้ อดไม่ได้ที่จะเร่งเร้า
“ประธานจี้ คุณลองชิมสักคำสิ”
หลังจากที่เธอพูดจบ จี้จิ่งเชินจึงขยับตัวแล้วยกมือขึ้น
วินาทีที่ถัดมา แต่ไม่ใช่หลีเจียเวย เขาหันไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน และพูดว่า:”ซื้ออะไรอร่อยๆ มาเหรอ”
ในขณะที่พูดเขาก็รับภาชนะใส่อาหารในมือของเธอไป
หลีเจียเวยยิ่งไม่พอใจมากขึ้น เธอขึ้นเสียงและทัศนคติของเธอก็แข็งกร้าวขึ้นมา
“ของที่ทำในร้านอาหารไม่มีคุณค่านะ ประธานจี้ คุณมากินของฉันดีกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จี้จิ่งเชินก็หันศีรษะไปมองทางเธอ
“คุณยังไม่ไปอีกเหรอ”
หลีเจียเวยที่คิดว่าจี้จิ่งเชินกำลังจะคุยกับเธอ สีหน้าของเธอก็แสดงอาการที่รู้สึกหน้าแตกทันที
หลังจากนั้น จี้จิ่งเชินก็จับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน
พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ:”คุณไม่เข้าใจเหรอว่านี่คือเวินเที๋ยนเที๋ยนส่งมา ไม่ว่าเธอจะเอาอะไรมา ฉันก็จะกินให้หมด ยังไม่ใช่เวลาที่จะคุณจะมายกมือวาดเท้าเหรอ”
หลังจากนั้น น้ำเสียงก็เย็นชาขึ้น
“ตอนนี้ คุณยังไม่ออกไปอีกเหรอ”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา เห็นด้ชัดว่าเขาไม่อยากเห็นหลีเจียเวยอีก
แต่หลีเจียเวยไม่เต็มใจ
“แต่นี่ฉันทำเพื่อคุณนะ คุณลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอไง”
“เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
จี้จิ่งเชินทิ้งคำพูดไว้ หันไปและกดกริ่งที่บนหัวข้างเตียงทันที
ไม่นาน พยาบาลและบอดี้การ์ดหลายคนก็เปิดประตูและเดินเข้ามา
ดวงตาของจี้จิ่งเชินเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาถามอย่างเมินเฉย
“ฉันเคยบอกว่า อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องปรากฏต่อหน้าฉัน แล้วเธอคนนี้เป็นเรื่องอะไรกัน”
เมื่อพยาบาลหลายคนเห็นสีหน้าของจี้จิ่งเชิน พวกเธอก็ตื่นตกใจเล็กน้อย
ตอนที่หลีเจียเวยเข้ามา เธอบอกว่าได้คุยกับจี้จิ่งเชินไว้แล้วถึงได้มา
เพราะแบบนี้ พวกเขาเลยปล่อยให้เข้ามา
คิดไม่ถึงเลยว่าหลีเจียเวยจะโกหกพวกเขา!
เมื่อเห็นการสีหน้าไม่พอใจของจี้จิ่งเชิน พยาบาลก็พากันสาปแช่งหลีเจียเวยในใจ
“ขอโทษจริงๆค่ะ เพราะเธอบอกว่าได้นัดหมายกับคุณล่วงหน้าและได้รับความยินยอมจากคุณแล้ว เราจึงจะปล่อยให้เธอเข้ามา”
แต่สีหน้าของจี้จิ่งเชินยังกูแย่มาก ไม่ได้ดีกว่าเดิมเลย
“ตั้งแต่วันนี้ ฉันไม่อย่าเห็นเธอในโรงพยาบาลอีก ออกไปจากที่นี่เลย ห้ามเข้ามาที่นี่อีก”
“ค่ะ ประธานจี้!”
บอดี้การ์ดหลายคนพยักหน้าอย่างรวดเร็วและก้าวไปข้างหน้า เตรียมพร้อมที่จะพาหลีเจียเวยออกไป
ในมือของหลีเจียเวยยังถือซุปที่ไม่ได้ทำออกมาได้ง่ายๆ วันนี้เดินออกไปแล้ว หลังจากนี้ไปคงไม่ได้เห็นจี้จิ่งเชินอีก
เธอจะกลับโดยไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
มันยากสำหรับเธอที่จะหาโอกาสใกล้ชิดกับจี้จิ่งเชินแบบนี้
“ปล่อยฉัน พวกนายทำอะไร”
เธอดิ้นขึ้นมา มือสั่น น้ำซุปก็หกออกมาทันที และหกใส่ตัวของเธอ
แม้ว่าซุปไม่ได้ร้อนแล้ว แต่หลีเจียเวยก็ดูเขินอายมากเมื่อตัวเธอเต็มไปด้วยน้ำซุปที่เยิ้มไปทั้งตัว
“อ้า!”
เธอก้มหน้ามองไปที่เสื้อผ้าของเธอและกรีดร้องออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
หากไม่ใช่เพราะการกลับมาของเวินเที๋ยนเที๋ยนในวันนี้ จี้จิ่งเชินก็คงจะกินอาหารที่เธอนำมาให้แล้ว!
เพราะเวินเที๋ยนเที๋ยน!
เห็นได้ชัดว่าเธอเอาใจใส่จี้จิ่งเชินมากกว่า เห็นได้ชัดว่าเธอคือคนที่คู่ควรกับจี้จิ่งเชิน
อย่างเวินเที๋ยนเที๋ยนน่ะเหรอ?
ก็แค่ครอบครัวมีเงินเท่นั้น!
เธอพยายามอย่างยิ่ง ถึงจะได้ได้รับสถานะนี้
เป็นคู่กับจี้จิ่งเชิน!
เธอกัดฟันและคิด สายตาที่จ้องมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างดุร้ายยิ่งขึ้น
“ไปก็ได้!”
หลีเจียเวยตะโกนอย่างไม่พอใจ กระทืบเท้าและหันกลับไป
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดสองคนยืนตรงหน้า จึงเอื้อมมือผลักพวกเขาออกไป
“หลีกทาง! ฉันจะไปเอง! ”
หลังจากพูดจบ ก็เหยียบส้นสูงหันตัวเดินออกไป
เหยียบลงซุปที่หกอยู่บนพื้น ลื่นไปเล็น้อยและเกือบจะล้ม
เมื่อทุกคนออกจากห้องผู้ป่วย ห้องก็ได้เงียบลง
จี้จิ่งเชินไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อกี้ และดื่มน้ำซุปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเอามาไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบนสายตากลับมาหาเขา เห็นว่าอาหารที่เหลือก็ถูกนำออกมาแล้วด้วย
“กินช้าๆ หน่อยสิคุณ”
จี้จิ่งเชินยัดช้อนเข้าไปในมือของเธอ
“คุณ…..ทำอะไรน่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนดูสับสนและอธิบายว่า: “ฉันกินมาแล้ว”
เมื่อเงยหน้าขึ้น เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของจี้จิ่งเชินก็ตะลึง
เข้าใจแล้ว
ในวินาทีถัดมา ใบหน้าก็แดงขึ้นเล็กน้อย อยากจะยัดช้อนเข้าไปแทน
“มือของคุณไม่ได้เจ็บสักหน่อย…”
จี้จิ่งเชินไม่มีคำตอบและพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ขาของฉันเจ็บ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังประโยคนี้ รู้สึกใจอ่อนทันที
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองรู้ว่าเขากำลังทำการฟื้นฟูสมรรถภาพ แต่ตอนนี้ในเมื่อมันถูกเปิดเผย จี้จิ่งเชินก็ใช้มันเป็นข้อดี
การ “ปวดขา” และ “การพักฟื้นเหนื่อย” มาเป็นเหตุผล ไม่รู้ว่าจะเอาเปรียบเวินเที๋ยนเที๋ยนได้เท่าไหร่
วันนี้ให้เธอป้อนข้าวไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนมานอนบนเตียงด้วยกัน
แต่เคล็ดลับนี้ได้ผลดีมาก ไม่ว่ากี่ครั้ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะอ่อนโยน
เธอจับช้อนและเริ่มป้อนอย่างจริงจัง
ขณะรับประทานอาหาร จี้จิ่งเชินก็ถามว่า “แล้วไปคุยกับพวกเขาที่สถานีตำรวจเป็นยังไงบ้าง”
เคยได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเกี่ยวกับเรื่องเฟิงหมิงมาก่อน จี้จิ่งเชินก็กังวล
เขากำชับกำชา เพื่อไม่ให้เธอติดต่อกับเฟิงหมิงอีกต่อไป และยังส่งบอดี้การ์ดหลายคนติดตามเพื่อปกป้องเธอ
เมื่อพูดถึงปัญหานี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย: “คุณตำรวจเหยียนพวกเขาเคยไปมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่พบเบาะแสใด ๆ พวกเขาหวังว่าฉันจะไปที่นั่นด้วยกันในวันพรุ่งนี้และค้นหาอีกครั้ง”
“ให้คุณไปด้วย?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว “ไม่ได้”
หลังจากพูดจบเขาเสริมว่า: “ฉันจะไปกับเธอ”
“ได้ยังไงกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นรีบปฏิเสธ: “คุณลืมที่หมอจางบอกไว้ก่อนหน้านี้หรอว่าถ้าคุณออกไปข้างนอก โอกาสเดียวที่เหลืออยู่อาจหมดไป”
“แต่ฉันไม่วางใจ”
เฟิงหมิงไม่มีทางที่จะยอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้
แน่นอนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้เช่นกัน
หลังจากประสบเรื่องเหล่านั้น เธอเป็นคนที่กลัวเฟิงหมิงมากที่สุด
แต่เพื่อปลอบโยนจี้จิ่งเชินเธอยังคงพูดว่า: “เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนอยู่เคียงข้างฉัน น่าจะไม่เป็นอะไรหรอ คุณวางใจเถอะ”
แค่พูดถึงวิลล่าหลังนั้น ภาพที่แขวนอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้นปรากฏอยู่ในสมองของเวินเที๋ยนเที๋ยนโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างกายของเธอเย็นเฉียบขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าเธอจะกลัว แต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยให้เฟิงหมิงหนีไปได้
กำลังคิดอยู่เรื่องนี้ จี้จิ่งเชินก็ยื่นมือออกมาเพื่อจับเธอ และค่อยๆ ดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเบา ๆ
จนกระทั่งเขาวางมือบนเอวของเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงกลับมามีสติอีกครั้ง
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่วางใจคุณเลย”
เสียงของจี้จิ่งเชินต่ำลงเล็กน้อย
“ต้องระวังนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโตแล้ว ไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในหอคอยอีกต่อไป
เธอเติบโตขึ้นอย่างพยายาม สิ่งที่เขาต้องทำก็คือให้โอกาสเธอเติบโตขึ้น
เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้ามีเสน่ห์และสวยขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้น
กลัวคนอื่นแย่งไป.
กลัวตัวเองไม่คู่ควรกับเวินเที๋ยนเที๋ยน