เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 495
บทที่ 495 เหตุผลของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เต็มใจที่จะพูดมากกว่านี้
บอดี้การ์ดหลายคนมองเธอและพยักหน้าในที่สุด
หนึ่งในนั้นอยู่เฝ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนต่อไป อีกคนหันกลับและเดินออกไป ดูแบบนี้คงจะออกไปหาเฟิงหมิง
บอดี้การ์ดก็ยืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองอย่างราวกับกังวลว่าเธอจะทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้มองมาที่เขา ดวงตาของเธอมองลงไปบนพื้นและน้ำเสียงของเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“พวกเธอจะขังฉันไปถึงเมื่อไหร่?”
เธอถาม แต่บอดี้การ์ดไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
ในแต่ล่ะวันนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนยังเห็นได้ว่าคนเหล่านี้ยังคงภักดีต่อเฟิงหมิง
ดูเหมือนว่า คงไม่มีทางลงมือกับพวกเขาได้
ในขณะที่คิด บอดี้การ์ดและเฟิงหมิงก็เข้ามา
ดูเหมือนว่าจะรู้ถึงการตัดสินใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขเล็กน้อย เดินตรงไปข้างหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ยังไง คุณคิดคำตอบได้เร็วขนาดนี้?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดำเนินตามแผนที่วางไว้และพูดว่า “ในสถานการณ์ตอนนี้ ฉันต้องเลือกสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”
เมื่อได้ยินคำพูด ใบหน้าของเฟิงหมิงก็มีความสุขมากขึ้น
“ดังนั้นการตัดสินใจของคุณคือ …”
“ฉันจะพยายามเข้าใจคุณ แต่คงต้องใช้เวลาสักพัก”
“หมายความว่าไง?” เฟิงหมิงกล่าวอย่างเงียบๆ
“แม้ว่าฉันจะพยายามเข้าใจคุณ แต่มันก็ยากมาก หวังว่าคุณจะให้เวลาฉันอีกสักหน่อย พวกคุณจะอยู่ที่นี่สักพักไม่ใช่เหรอ? ระหว่างนี้ฉันจะพยายามฟังความคิดเห็นของคุณ”
เฟิงหมิงได้ยินคำพูดนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยและตกอยู่ในความคิด
เวินเที๋ยนเที๋ยน มองเขาอย่างประหม่า แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงออกอย่างเด่นชัด แต่มือกลับประสานเข้าด้วยกัน ภาวนาให้เฟิงหมิงตอบตกลง
“ได้” หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเฟิงหมิงก็พูดขึ้น
เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“แต่ผมเชื่อว่า คุณจะเห็นด้วยกับงานศิลปะของผมแน่!”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินข้อตกลงของเขา เธอก็โล่งใจและพูดต่อว่า “ตอนนี้ฉันให้ความจริงใจกับคุณมากพอแล้ว คุณล่ะ?”
จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นและยกเชือกที่มือ
ดวงตาของเฟิงหมิงตกลงบนมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนพร้อมกับมองการกระทำของเธอและเข้าใจเจตนาของเธอทันที
หลังจากที่คิดสักพัก ในที่สุดเขาก็ยกมือขึ้นและสั่งบอดี้การ์ดสองคน
“ปลดเชือกออกจากมือเธอ”
แต่สองบอดี้การ์ดกลับลังเล
“แต่…”
“ปลดมันออก”
เฟิงหมิงกล่าวอีกครั้ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ป่าแห่งนี้อันตรายมาก หลังจากตกค่ำ จะเห็นหมาป่าเสือและเสือดาวได้ทุกพื้นที่ ถ้าคุณต้องเดินเท้าออกไป คุณต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนกับข้างนอก ยังไม่ทันได้ออกไป ผมก็กลัวว่าคุณจะตกอยู่ในอันตรายซะก่อน อย่าพยายามหนีเป็นอันขาด”
ใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนสะดุ้ง ไม่คิดว่าเฟิงหมิงจะเดาได้ขนาดนี้
แต่สีหน้าของเธอไม่มีการเปลี่ยนไป
“แน่นอน ฉันไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น”
เฟิงหมิงยกมือขึ้น จากนั้นบอดี้การ์ดสองคนก็เข้ามาปลดมือและเท้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ทันทีที่เธอเป็นอิสระ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ลุกขึ้นพร้อมกับแสงสว่างในดวงตาของเธอ
แต่ในไม่ช้า ก็กลับมาเหมือนเดิม
เฟิงหมิงพูดถูก ด้วยความสามารถของเธอเองนั้นไม่สามารถทำให้เธอหนีไปจากที่นี่ได้
เธอลดตาลงเล็กน้อยและขยับมือที่โดนมัดเอาไว้นาน
“ตอนนี้วันที่เท่าไรแล้ว?”
“วันที่ 18”
เวินเที๋ยนเที๋ยน พยักหน้า แต่ในใจของเธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
วันที่ 18?
เวินเที๋ยนเที๋ยนจำได้ว่า ตัวเองโดนเวินฉี่วางยาสลบและส่งตัวไปที่ตระกูลเฟิงคือเย็นวันที่ 17
มองดูท้องฟ้าด้านนอก น่าจะเพิ่งเที่ยง
ตอนที่เฟิงหมิงบอกว่าต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการเดินเท้าออกจากป่า
พวกเขามาที่นี่ภายในคืนหนึ่งได้อย่างไร?
พื้นที่ป่าไม่น่าจะใช้ยานพาหนะอะไรได้
หากเป็นเฮลิคอปเตอร์ก็จะดึงดูดความสนใจของผู้คนภายในปราสาทได้อย่างแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดในใจ แต่เธอก็ยังคงทำหน้าเรียบเฉยและพูดว่า “ไม่คาดคิดว่า เวลาจะผ่านไปนานขนาดนี้ ฉันจะออกไปเดินเล่นได้ไหม?”
“ได้ แต่ในป่าลึกมีอันตรายมากมาย ให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
นี่คือเป็นการเฝ้าดูอย่างเห็นได้ชัดเจน
แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอที่จะได้ออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ปฏิเสธ แต่หันหลังเดินตรงไปข้างนอก
บอดี้การ์ดสองสามคนตามติดไป เฟิงหมิงโบกมือเพื่อให้คนสองคนอยู่ต่อและตัวเขาเองก็เดินออกไปกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
บ้านไม้หลังนี้ไม่ใหญ่โตมากนัก มีทั้งหมดสามห้องเท่านั้น ความสูงของบ้านไม่สูงกว่าต้นไม้โดยรอบ ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ก่อสร้างได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษ
บริเวณโดนล้อมปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์และบดบังแสงอาทิตย์ ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็คงจะยากสำหรับตามหาสถานที่ลึกลับขนาดนี้ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยน มองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างเงียบๆ ขณะเดิน
“เป็นอย่างไรบ้าง? มีที่ไหนที่คุณอยากจะไปดูไหม?” เฟิงหมิงถามมาจากด้านหลังเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนคืนสติอย่างรวดเร็วและมองไปที่เขา
ในตอนนี้เฟิงหมิงสวมชุดสูทสีน้ำเงิน เสื้อโค้ตของเขาถูกถอดออก กระดุมสองเม็ดที่ปกเสื้อถูกปลด เผยให้เห็นไหปลาร้าและหน้าอกของเขา
ดวงตาของเขามีรอยยิ้ม ผมสีเกาลัดของเขายามเมื่อถูกแสงก็เหมือนถูกย้อมเป็นสีทองอ่อนๆ
ผู้ชายแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ถูกสังคมชั้นสูงเรียกว่าลูกผู้ดี ทุกคนต่างพากันแห่แหนนับถือ
แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่า ภายใต้พื้นผิวหนังที่สวยงามนี้กลับมีวิญญาณร้ายชนิดหนึ่งซ่อนอยู่
อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำ กลับไม่เคยถูกค้นพบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เขาและดึงสายตาของเธอกลับมา แล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ก็แค่เดินเล่นเฉยๆ เท่านั้น ถ้าฉันไปไกลกว่านี้คุณคงจะไม่เห็นด้วยใช่ไหม?”
เฟิงหมิงยิ้มและไม่ตอบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถูก เขาต้องระวังเป็นอย่างมาก ไม่สามารถที่จะเปิดเผยพิรุธใดๆ ออกมาได้
แต่เช่นเดียวกันนั้น การได้เห็นท่าทางที่เหินห่างอย่างเห็นได้ชัดของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่มีต่อตัวเขาเอง ก็ทำให้เขาหมดจำใจและเสียใจเหมือนกัน
“คุณไม่ใช่เคยบอกว่า จะพยายามเข้าใจผมเหรอ? เวินเที๋ยนเที๋ยน ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผมไหม?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็งงงวยและหันไปมองเขา
เฟิงหมิงเป็นลูกคนเดียวของตระกูลเฟิง ซึ่งเป็นที่รักของผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลเฟิงมาตั้งแต่เด็ก
แม้ว่าสองปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสทั้งสองคนของตระกูลเฟิงประสบอุบัติเหตุ แต่ก่อนที่เขาจะเดินมาถึงที่นี่ได้ เฟิงหมิงใช้ชีวิตในแบบที่ทุกคนอิจฉา
เนื่องจากการเลี้ยงดูที่ดีและท่าทางที่เป็นสุภาพบุรุษ ในสังคมของคนชั้นสูงพวกเขาจึงให้ความสนใจและแย่งกันที่จะเลียนแบบ
ชีวิตแบบนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนต้องการหรือ?
แต่เมื่อเธอมองไปข้างหลังเธออีกครั้ง เธอก็เห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงหมิงดูขมขื่นเล็กน้อย
“ชีวิตของตระกูลเฟิง ไม่ได้ดีอย่างที่คิดพวกเธอคิดขนาดนั้น”
เฟิงหมิงพูดช้าๆ “ในสายตาของคนนอก ตระกูลเฟิงควรจะเป็นที่อิจฉาของทุกคน พ่อแม่รักกัน เคารพซึ่งกันและกัน ครอบครัวมีความสามัคคีและอาชีพการงานราบรื่น ไม่เพียงแต่มีพื้นหลังข้าราชการเท่านั้น อนาคตก็ต้องกว้างใหญ่ไพศาล”
“แต่ใครจะรู้ล่ะว่า หลังจากออกจากงานเลี้ยงและปิดประตูบ้าน ก็จะมีการทะเลาะด่าทอกันที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันศีรษะและมองด้วยความไม่เชื่อ
เฟิงหมิงไม่ได้อธิบาย แต่ปลดกระดุมเสื้อของเขาโดยตรงและม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเผยให้เห็นแขนเรียวและแน่นของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยน มองดูมันอย่างระมัดระวังและลืมตาขึ้นในทันใด
บนแขนของเฟิงหมิงยังคงมีรอยแผลเป็นที่ชัดเจนหลายแห่ง
มันดูเก่า แต่ก็เห็นได้ชัด
พอจะเห็นว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน