เมียหวานของประธานเย็นชา - ทที่874 ไม่อนุญาตให้คิดถึงเขา คุณถึงผมได้คนเดียว
จี้จิ่งเชินรู้สึกแปลกอยู่บ้างกับข้อเสนอนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“พ่อคุ้นเคยกับหลวนจื่อหรือครับ?”
เท่าที่เขาจำได้ เวินหงหยู้กับหลวนจื่อดูเหมือนกับว่าจะไม่ได้เคยติดต่อกันมาก่อน
อย่างมากก็อยู่ที่รู้จักกันอย่างผิวเผินเพียงเท่านั้น ไม่ถึงกับระดับที่จะต้องมาเยี่ยมเยียนกัน
“เปล่าค่ะ ฉันเพียงแค่อยากให้พี่พักผ่อน”
น้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นเต็มไปด้วยความสงสาร “ที่บริษัทพี่ก็คงจะเหนื่อยมากพอแล้ว กลับมาบ้านก็ยังต้องมาดูแลฉัน ต่อให้ร่างกายพี่แข็งแรง ก็จะมาทรมานแบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ?”
“อยากจะให้ผมพักผ่อนจริงหรือครับ?”
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่ง มุมปากปรากฏรอยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสบดวงตาคู่เงียบสงบนั้น ไม่คิดว่าจะให้ความรู้สึกของการถูกมองอย่างชัดเจนแบบนั้น
“นับ นับว่าเป็นสาเหตุนึง…..”
“ถ้าอย่างนั้นสาเหตุอื่นล่ะครับ?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยถามออกมาอย่างขำๆ และไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูด ก็ตอบแทนเธอแล้ว : “คุณนายจี้รู้สึกว่าผมน่ารำคาญ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินน้ำเสียงนิ่งๆที่ดูจะมีความน้อยใจออกมา
ที่เธอพูดทำให้จี้จิ่งเชินเข้าใจผิดแล้วไง!
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ซะหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วรีบอธิบายขึ้น
“ฉันไม่อยากจะให้พี่ฝืนตัวเองค่ะ”
“ฝืนอะไรครับ?”
เขายื่นมือออกไปแล้วดันใบหน้าที่ก้มอยู่ของเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา
“ทำไมถึงรู้สึกว่าการมาเป็นเพื่อนคุณที่โรงพยาบาล เป็นเรื่องที่ต้องฝืนสำหรับผมล่ะครับ?”
จี้จิ่งเชินคิดไม่ตก
สรุปแล้วเขาทำอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจผิดแบบนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสีหน้าของเขาไม่เหมือนกับฝืน ก็จึงต้องเอ่ยพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “ฉันเห็นว่าพี่กับพวกเขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันซักเท่าไหร่นัก พูดคุยกันน้อยมาก”
จี้จิ่งเชินย้อนถามเธอ : “คุณเคยเห็นผมมีปฏิสัมพันธ์กับใครดีไหมครับ? นอกจากคุณ”
คำพูดของเขาทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตกอยู่ในความเงียบ
ใช่แล้ว เดิมทีแล้วจี้จิ่งเชินเป็นคนมีนิสัยเย็นชา นอกจากเธอแล้ว ก็คุยกับใครได้เป็นระยะเวลานานๆน้อยมาก
ในวันปกติก็มีท่าทางมุ่งแต่กับงาน
กับคนที่ไม่รู้จัก ก็จะพูดจาไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว ดูสูงส่งยิ่งนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเข้าใจผิด
เธอจึงลองหยั่งเชิงถามอีกหนึ่งประโยค “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็หงุดหงิดมาก เพราะพี่ใช้สายตาบอกฉันว่าให้กลับให้เร็วหน่อย…..”
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาโอบเธอไว้ แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จำใจ : “เพราะเราออกมากันสองชั่วโมงกว่าแล้ว คุณจำเป็นต้องพักผ่อน”
จำเป็นต้องพักผ่อน?
ดังนั้นนี่ถึงเป็นสาเหตุให้จี้จิ่งเชินบอกใบ้ให้เธอออกมาซ้ำๆอยู่แบบนี้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาที่จริงจังของเขา มุ่งตรงมาที่แววตาของเธออย่างไม่กั๊กเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่เห็นความเสแสร้งไม่จริงใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันคิดมากไปเองแหล่ะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลงอย่างอายๆ แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะของจี้จิ่งเชินดังขึ้นอยู่ทางด้านบนศีรษะของตัวเอง
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย “พี่หัวเราะอะไรคะ?”
“ผมดีใจน่ะครับ”
จี้จิ่งเชินก้มลงมองเธอพลางเอ่ยขึ้น
ดีใจ?
เธอเข้าใจเขาผิด และยังวางแผนไว้ว่าต่อไปจะไม่พาเขามาที่โรงพยาบาลด้วยอีก คุ้มกับที่จะทำให้เขาดีใจอย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนตามวงจรสมองของจี้จิ่งเชินไม่ทัน
“ผมดีใจ ก็เพราะว่าคุณกำลังคิดเพื่อผม” จี้จิ่งเชินอธิบายอย่างเข้าอกเข้าใจ “เป็นเพราะคุณแคร์ผม ถึงได้คิดเพื่อผมขนาดนั้น”
“ยังจะมาพูดอีก……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบนสายตาออกไปด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อ
เธอเป็นภรรยาของเขา ไม่ให้เธอแคร์เขาแล้วจะให้เธอไปแคร์ใครกัน?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว หน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งแดงขึ้น เนื่องจากเธอพบว่า ตัวเองนั้นได้เข้าสู่บทบาทของการเป็นภรรยาอย่างเต็มตัวแล้ว
จี้จิ่งเชินก้มลงมาแล้วประทับจูบลงบนหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาจะไม่บอกเวินเที๋ยนเที๋ยน ว่าตัวเองมีความสุขมากแค่ไหน กับความรู้สึกที่ถูกเธอให้ความสำคัญแบบนี้
“แต่เที๋ยนเที๋ยนครับ ต่อไปไม่อนุญาตให้คุณคิดเองในใจแล้วนะ อยากรู้อะไร หรือว่าไม่เข้าใจก็ถามผมออกมาตรงๆเลย” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ช่วงวันและเวลาเหล่านี้เขาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การปรับสภาพจิตใจของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดก่อนการคลอด
ร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าหากคิดมากเกินไป ก็จะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อลูกและการคลอดของเธอ
แต่เรื่องนี้ก็เป็นการคอยเตือนเขาด้วยเช่นกัน
ว่าต่อไปจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องเข้าใจผิดอีก บางทีจะว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เธอคิดมากได้ง่ายก็ได้
ลดความเป็นไปได้ที่จะทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนมีอารมณ์ที่จะครุ่นคิดมากเกินไปนั่นเอง
“ค่ะ…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ใช่สิ เมื่อกี้ที่พี่บอกว่าจะให้คนไปรับจดหมาย พี่จะให้ใครไปรับคะ?”
“แต่หมินอันเกอไม่ใช่บอกว่าเขาจะมาส่งจดหมายเองหรอกหรือครับ?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในเมื่อเขาไม่ได้วางแผนที่จะยืมตัวคนอื่น ผมเองก็คงจะไม่สามารถส่งคนไปช่วยเขาได้หรอกครับ”
“แบบนี้ก็ถูกค่ะ แต่ฉันคิดดูแล้ว รู้สึกว่าไม่ค่อยจะเหมาะสมซักเท่าไหร่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เธอเอ่ยพูดขึ้นกับจี้จิ่งเชินเบาๆ : “อันเกอจะต้องยุ่งเรื่องงาน แล้วก็ต้องไปดูแลหลวนจื่อที่โรงพยาบาลอีก ไปๆมาๆแบบนี้ ฉันกังวลว่าร่างกายของเขาจะไม่ไหวเอา”
“……….”
จี้จิ่งเชินฟังอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนรออยู่ซักพักหนึ่ง ไม่ได้ยินเขาตอบกลับ จึงส่งสายตาเป็นการเอ่ยถามเขาแทน “พี่ฟังฉันอยู่หรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่ไม่ตอบฉันล่ะคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตา แล้วเอ่ยถามเขาอย่างไม่รู้สาเหตุ
“คุณนายจี้ คุณรู้สึกว่าคุณอยู่ต่อหน้าสามีของคุณ แล้วพูดแสดงความเป็นห่วงผู้ชายอีกคนนึงอยู่มันเหมาะสมไหมครับ?”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่คาดคิดว่าจะได้ยินความหมายที่ดูกัดฟันด้วยความเคียดแค้นแบบนี้
เธอมองจี้จิ่งเชินด้วยความประหลาดใจ “ผู้ชายอีกคน? พี่หมายถึงหมินอันเกอหรือคะ?”
“นอกจากเขาแล้วจะยังมีใครอีกล่ะครับ!”
จี้จิ่งเชินเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ในแววตานั้นปรากฏความเศร้าออกมา
“พี่คงไม่ได้กำลังหึงอยู่หรอกใช่ไหม? หึงหมินอันเกอเนี่ยนะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างขำๆ “ฉันอธิบายกับพี่ไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่าฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น อีกทั้งเขากับหลวนจื่อ…..อือ!”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น จูบที่ร้อนแรงแต่อ่อนโยนก็ประทับลงมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาขึ้น!
สัมผัสที่ริมฝีปากของเธอกำลังบอกเธอว่าจี้จิ่งเชินกำลังจูบเธออยู่
เป็นการกระทำที่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก
สิ้นสุดของการจูบแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปากตัวเอง และเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ไม่ต้องมองก็รู้ว่าจะต้องแดงมากอย่างแน่นอน
คนขับรถยังอยู่ ผู้ชายคนนี้ก็จูบเธอเสียแล้ว…..จะสนใจผลกระทบหน่อยไม่ได้เลยหรือไง!
“ไม่อนุญาตให้คิดถึงเขา คิดถึงได้แค่ผมเท่านั้น”
จี้จิ่งเชินพึมพำตรงข้างๆหูเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธๆ “ความเป็นห่วงที่ฉันมีต่อเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนกันเท่านั้นนะคะ พี่นี่นะจริงๆเลย….ทำไมจู่ๆมาจูบฉันแบบนี้!”
ประโยคหลังนั้นเธอพูดเบามาก ราวกับกลัวว่าคนขับรถจะได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
คนขับรถก็ขับรถไป ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจเสียด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พี่ยังหึงอยู่ไหมคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามขึ้นอย่างระวัง
เธอยังคิดที่จะพูดถึงเรื่องที่ตัวเองอยากจะพูดอยู่เลย
จี้จิ่งเชินรู้สึกสนุกกับสีหน้าท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยน เสียงหัวเราะทุ้มต่ำๆของเขาดังขึ้นข้างๆหูเธอ ดูมีความคลุมเครืออยู่บ้าง
“คุณวางใจได้ครับ ผมจะให้จงหลีไปรับจดหมายเอง” ราวกับจี้จิ่งเชินรู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการจะพูดอะไร “หมินอันเกอเองก็เคยเจอจงหลี เขาก็คงจะไม่ได้ไม่วางใจจงหลีหรอก”
การจัดการแบบนี้ค่อนข้างรอบคอบมากจริงๆ
หมินอันเกอเลือกที่จะลงมือด้วยตัวเอง แต่กังวลว่าการติดต่อกันของหลวนจื่อกับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะถูกคนอื่นเห็นเข้า
จงหลีเป็นผู้ช่วยของจี้จิ่งเชิน หมินอันเกอกับหลวนจื่องเองก็รู้จักเขา ก็จะไม่ระวังเขามากขนาดนั้น