เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1016 ออกจากวงการเดินแบบเถอะ
“จริงเหรอคะ?”
สายตาของหลวนจื่อเป็นประกาย!
กลับไปเรียนต่อ คือความฝันที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด
แต่เมื่อนึกถึงอีกเรื่องหนึ่ง แสงสว่างในดวงตาของเธอก็มืดมนลงอีกครั้ง เธอไม่ได้รีบรับปาก แต่กลับครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“ขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้ฉันยังให้คำตอบคุณเรื่องนี้ไม่ได้ ขอเวลาฉันคิดดูก่อนได้ไหมคะ?”
“ได้แน่นอน”
ปรมาจารย์หูหลินพยักหน้าและพูดว่า:“ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนการเข้าเรียน ถ้าคุณตัดสินใจได้แล้ว ติดต่อผมได้ตลอดเวลา”
เขาพูดพร้อมกับหยิบนามบัตรออกมายื่นให้เธอ
หลวนจื่อรับนามบัตรมาและเก็บอย่างระมัดระวัง
ส่งปรมาจารย์หูหลินออกไปแล้ว หลุยส์ก็มองไปที่หลวนจื่อและถอนหายใจ
“คุณจะไม่ลองคิดดูจริงๆเหรอ?”
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้หลวนจื่อบอกว่าเธอยังลังเลอยู่ แต่ว่าหลุยส์ดูออกว่าเธอคงจะไม่ไปเรียนต่อ
เขาคิดว่าหลวนจื่อไม่เลวเลยทีเดียว เขาถึงได้แนะนำให้รู้จักกับปรมาจารย์หูหลิน อยากจะสนับสนุนเธอ
แต่คิดไม่ถึงว่าหลวนจื่อจะปฏิเสธ
นี่เป็นโอกาสที่ใครหลายคนอยากได้ก็หาไม่เจอ ช่างน่าเสียดาย
หลวนจื่อยิ้ม แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเสียใจ
“คุณดูออกเหรอ?”
“เมื่อกี้ท่าทางของคุณชัดเจนมาก ไม่ใช่แค่ผม แต่แม้แต่ปรมาจารย์หูหลินก็คงดูออก”
“ก็จริง……” หลวนจื่อพยักหน้า “แต่ถึงยังไง เขาก็ยังยอมให้เวลาฉันตัดสินใจหนึ่งเดือน ปรมาจารย์หูหลินช่างอ่อนโยนเหมือนกับที่เขาว่ากัน”
หลุยส์หันไปมองเธอ
“คุณยังมีเรื่องกังวลอะไรอีก?”
หลวนจื่อไม่พูดไม่จา
หลุยส์นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเดินแบบวันนั้น ดูเหมือนว่าเขาคาดเดาอะไรบางอย่างได้
“เพราะผู้ชายที่ชื่อว่าหมินอันเกอคนนั้น ผมจำได้ คุณแต่งงานกับเขาแล้วใช่ไหม?ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณยังจะกังวลอะไร”
เขาถอนหายใจ ไม่อยากให้คนที่เขาชื่นชอบทิ้งโอกาสดีๆแบบนี้ไป
“หลวนจื่อ คุณพึ่งจะอายุแค่ยี่สิบเอ็ด ยังอายุน้อย การไปเรียนต่อครั้งนี้ มันเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของคุณมาก ยิ่งไปกว่านั้น หลักสูตรการเรียนการสอนของปรมาจารย์หูหลิน ใช้เวลาแค่ปีเดียวก็เรียนจบแล้ว”
“เวลาแค่ปีเดียว ก็รอไม่ได้เหรอ?”
เขาชอบหลวนจื่อมาก และหวังว่าเธอจะมีโอกาสมากขึ้น
แต่หลวนจื่อกลับส่ายหน้า
“ขอโทษด้วย ฉันก็มีเรื่องกังวลของตัวเอง ในเดือนนี้ฉันจะคิดดูให้ดี หวังว่าฉันจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกคุณ”
บอกลาหลุยส์ หลวนจื่อก็เดินไปทางโรงแรมที่ตัวเองพักอยู่
เงื่อนไขที่ปรมาจารย์หูหลินเสนอมานั้นช่างน่าสนใจ เรื่องของโดว์โดว์ก็แก้ไขได้ ไม่ว่าจะคิดในมุมไหน การไปเรียนต่อคือทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่ว่า………
หลวนจื่อไม่สามารถตัดสินใจแบบนั้นได้
เธอกำลังครุ่นคิด เปิดประตูห้องกำลังจะเปิดไฟ
ในความมืด ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาจับเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
หลวนจื่อตกใจจนเกือบจะตะโกนออกมา
ยังไม่ทันได้พูดอะไร ทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ความรู้สึกที่คุ้นเคย
“คุณไปที่ไหนมา?”
และในตอนนี้เอง เสียงของหมินอันเกอก็ดังขึ้นมา
หลวนจื่อเงยหน้าขึ้นมอง
ตอนนี้เป็นเวลาดึก แม้แต่หน้าต่างก็ไม่ได้ปิดม่าน แสงพระจันทร์ส่องผ่านกระจกสะท้อนเข้าไปที่หมินอันเกอ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะใส่ชุดลำลองและหมวกที่เรียบง่าย ไม่ได้เตรียมการอะไร
แล้วยังมีสีหน้าโกรธเล็กน้อย แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ บรรยากาศที่อยู่ตรงหน้าก็ยังคงสวยงามราวกับฉากในภาพยนตร์
ผู้ชายคนนี้ เกิดออกมาเพื่อเวทีจริงๆ
เห็นแบบนี้ ผู้คนที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาล้อมรอบขอลายเซ็นเขาเมื่อวานก็พอจะเข้าใจได้
หมินอันเกอรออยู่ในห้องทั้งวัน เขาไม่กล้าแม้แต่จะออกไปข้างนอก เขากลัวว่าจะถูกจับได้อีก เขาทำได้แค่หาทางเข้ามาในห้อง
หลังจากที่หลวนจื่อทิ้งข้อความไว้เมื่อวาน เขาก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา
เขาขมวดคิ้ว
“ผมจำได้ว่าวันนี้คุณไม่มีงานเลี้ยงหรือกิจกรรมอะไรไม่ใช่เหรอ?”
ระหว่างรอเธอตอนช่วงบ่าย เขาก็ได้ติดต่อกับผู้จัดการของหลวนจื่อแล้ว
หลวนจื่อพึ่งจะรู้สึกตัวอีกครั้ง
“วันนี้ฉันไปหาหลุยส์มา”
หลุยส์?
หมินอันเกอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเดินแบบ หลวนจื่อเกือบจะได้รับบาดเจ็บ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“เขามาหาคุณทำไมอีก?”
“เรื่องงานนิดหน่อย”
หลวนจื่อหลบตาเขา ไม่ได้บอกเรื่องปรมาจารย์หูหลินกับเรื่องเรียนต่อให้หมินอันเกอฟัง
แปะ!
จู่ๆหมินอันเกอก็เปิดไฟ ทำให้ห้องสว่างขึ้นทันที
เห็นหลวนจื่อที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“คุณเป็นอะไร?ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
หมินอันเกอจับคางของเธอก้มหน้าลงมองอย่างละเอียด
ใบหน้าที่อยู่ใกล้ชิด แม้แต่ลมหายใจก็พ่นเข้ามาที่หน้าของเธอ
ลมหายใจที่แผดเผา ทำให้หลวนจื่อลืมที่จะขยับตัว
ผ่านไปไม่นาน เธอถึงได้ค่อยๆมีสติ
“อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เหนื่อยเกินไป?”
เธอรีบหลบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
หมินอันเกอขมวดคิ้ว ตอนที่หลวนจื่อตั้งครรภ์เธอลำบากมาก ต่อมายังตัดสินใจที่จะทำงานต่อ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกลังเล
เดิมทีคิดว่าการออกมาต่างประเทศครั้งนี้งานจะน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเหนื่อยขนาดนี้
เขาเดินไปที่ห้องครัวพร้อมกับพูดว่า:“วันนี้คุณกินข้าวมาแล้วหรือยัง?”
หลวนจื่อตกใจ
“ยัง……”
เห็นหมินอันเกอหันหน้ามองมาที่ตัวเอง เธอจึงพูดต่ออย่างรวดเร็วว่า:“เมื่อกี้ดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟแล้วแก้วหนึ่ง”
“ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง?”
คิดไม่ถึงว่าหมินอันเกอจะเลิกคิ้วและถามกลับมาแบบนี้
ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่ทั้งสองแต่งงานกัน บางครั้ง หลวนจื่อก็รู้สึกกลัวหมินอันเกอ
ได้ยินแบบนี้ เธอก็หดคอลงไม่กล้าตอบโต้
หมินอันเกอเห็นท่าทางของเธอ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับเดินตรงเข้าไปในครัว
ไม่กี่นาทีต่อมาก็ทำบะหมี่เสร็จ
“โชคดีที่ในโรงแรมมีทุกอย่าง” เขาพูดพร้อมกับเอาบะหมี่มาวางไว้ข้างหน้าหลวนจื่อ
กลิ่นหอมของบะหมี่ลอยเข้าไปแตะที่ปลายจมูกของเธอ หลวนจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็ขยับนิ้วชี้ของตัวเองทันที
เมื่อกี้ยังไม่รู้สึกหิว แต่ตอนนี้กลับหิวเหลือเกิน
“คุณไม่กินเหรอ?”
เห็นว่าเขาทำมาแค่ถ้วยเดียว หลวนจื่อจึงถามออกมา
หมินอันเกอนั่งลงตรงข้ามเธอ
“ผมกินแล้ว”
หลวนจื่อมองไปที่บะหมี่ที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ยกมุมปากขึ้น
เมื่อก่อนตอนที่ยู่ที่ต่างประเทศ หากเธอทะเลาะกับคนในครอบครัว เธอก็จะไปหาหมินอันเกอ
ตอนนั้น หมินอันเกอก็จะทำบะหมี่ให้เธอกิน
รสชาติยังคงเหมือนเมื่อก่อน
เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินหมดไปครึ่งถ้วยอย่างรวดเร็ว
“ค่อนๆกิน ไม่ต้องรีบ”
หมินอันเกอมองดูหลวนจื่อที่กำลังรีบร้อนอยู่ตรงหน้า เขาขมวดคิ้วและถอนหายใจอย่างเงียบๆ
เขาเริ่มสงสัยว่าเขาคิดถูกแล้วเหรอที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหลวนจื่อ ให้เธอเริ่มทำงานอีกครั้ง……
เธอเหนื่อยเกินไปแล้ว
หมินอันเกออยากจะปกป้องหลวนจื่อ อยากจะให้ครอบครัวที่ดีแก่เธอ ทนเห็นเธอดิ้นรนแบบนี้ไม่ได้ แม้แต่โดว์โดว์ก็ยังต้องให้ไปอยู่ที่บ้านของเที๋ยนเที๋ยน
เดิมทีเขาคิดว่าหลวนจื่อกลับเข้าสู่วงการเดินแบบ เพราะว่าเธออยากจะรักษาความชอบของตัวเองเอาไว้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้น
ความลำบากและความเหน็บเหนื่อยของวงการนางแบบ เขาก็พอจะรู้อยู่บ้าง
เพื่อรักษารูปร่างที่ดี ไม่กินข้าวสองสามวันก็ยังเป็นเรื่องปกติ
แต่หลวนจื่อ……
หมินอันเกอมองดูหลวนจื่อที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการกินบะหมี่ เขาลังเลอยู่สองสามวินาที จากนั้นถึงได้พูดว่า:
“หลวนจื่อ ออกจากวงการเดินแบบเถอะ”