เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1017 ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก
“หลวนจื่อ ออกจากวงการเดินแบบเถอะ”
หลวนจื่อได้ยินประโยคนี้ เธอก็หยุดชะงักทันหัน เงยหน้าขึ้นมองหมินอันเกอที่อยู่ตรงหน้า
ตอนแรกยังคิดว่าประโยคที่ตัวเองได้ยินเป็นความจริงรึเปล่า?
เธอถามกลับไปอีกครั้ง:“คุณบอกว่าอะไรนะ?”
น้ำเสียงของหมินอันเกอหนักแน่น:“ออกจากวงการเดินแบบเถอะ ไม่ต้องเป็นนางแบบแล้ว”
หลวนจื่อหยุดกินบะหมี่ทันที ในถ้วยยังเหลือตั้งครึ่งถ้วย แต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะกินต่อแล้ว
เธอวางตะเกียบลงและมองดูหมินอันเกอที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด
“ทำไม?”
หมินอันเกอกลัวว่าเธอจะไม่เห็นด้วย เขาชักชวน:“ผมไม่อยากให้คุณลำบากใจลำบากกายกับการเป็นนางแบบ แล้วตอนนี้ก็มีนางแบบหน้าใหม่ๆตั้งเยอะแยะ พวกเขาเหมือนไอรีน ถ้าคุณอยู่ในวงการนี้ต่อไปมันอาจดึงดูดความไม่พอใจของผู้คนมากขึ้น”
“วันนี้ผมอยู่เคียงข้างคุณปกป้องคุณได้ แต่ถ้าครั้งต่อไปผมไม่อยู่ล่ะ?”
หลวนจื่อเงียบ
หมินอันเกอพูดต่อว่า:“ถ้าคุณชอบวงการบันเทิงจริงๆ ผมให้พวกเขาช่วยคุณจัดหาตำแหน่งที่สบายกว่านี้ก็ได้ อยู่เบื้องหลัง แบบนี้คุณก็ไม่ต้องไปเกี่ยวเรื่องวางอุบายเหมือนเมื่อก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง มีเวลาให้พักผ่อน”
หมินอันเกอเห็นว่าหลวนจื่อยังไม่พูดไม่จา เขาจึงเอาโดว์โดว์ออกมาพูด
“แล้วอีกย่าง โดว์โดว์ก็ยังต้องการคนดูแล”
คำพูดพวกนี้ของหมินอันเกอ หมายความว่าไม่อยากให้หลวนจื่อเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน
เวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน เขาก็เห็นหลวนจื่อเหนื่อยล้าถึงขนาดนี้
นางแบบยังกินตามปกติไม่ได้ ของส่วนใหญ่ก็ต้องห้ามกิน แล้วยังต้องมีเวลาออกกำลังกาย ลำบากจริงๆ เขารู้ดี เขาถึงได้เสนอความคิดแบบนี้ออกมา
แต่สำหรับหลวนจื่อ นางแบบคือความฝันและงานอดิเรกของเธอ จะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง
ถึงแม้ว่าการรักษาหุ่นและฝึกเดินจะลำบากแค่ไหน แต่ตอนที่เธอยืนอยู่รันเวย์ ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนแต่ได้รับผลตอบแทน
สำหรับหลวนจื่อแล้ว ทุกอย่างล้วนแต่คุ้มค่า
คำพูดของหมินอันเกอในตอนนี้ ทำให้เธอรับมือไม่ทัน และในขณะเดียวกันก็ทำให้เธอเสียใจ
หลวนจื่อถอนหายใจ สายตามองตรงไปที่หมินอันเกอที่อยู่ตรงหน้า
เธอพูออกมาว่า:“ครั้งก่อนที่อาชีพการงานของคุณเจอกับปัญหา คุณอยากจะออกจากวงการบันเทิง ฉันเคยบอกอะไรคุณ?”
หมินอันเกอตกใจ แน่นอนว่าเขายังคำพูดที่หลวนจื่อเคยพูดได้
ถ้าไม่ใช่เพราะหลวนจื่อ เขาก็คงจะยอมแพ้ไปนานแล้ว
แต่ว่า……
“สองเรื่องนี้มันไม่เหมือนกัน”
“ทำไมถึงไม่เหมือนกัน?” หลวนจื่อพูดอย่างร้อนรน:“ความฝันของคุณคือการได้ยืนอยู่บนเวที เป็นที่รักของทุกคน และความฝันของฉันก็คือการเป็นนางแบบ! ตอนที่คุณอยากจะออกจากวงการ ตอนที่เที๋ยนเที๋ยนมาหาคุณ ฉันบอกให้คุณยืนหยัดต่อไป มันจะต้องมีความหวังแน่นอน”
“แต่ตอนนี้ล่ะ คุณกลับบอกให้ฉันออกจากวางการเดินแบบ ออกจากวงการนางแบบ?ฉันคิดว่าคุณคือคนที่เข้าใจความรู้สึกของฉันดีที่สุด แต่คิดไม่ถึง ฉันคิดไปเองทั้งนั้น”
น้ำเสียงที่ผิดหวังของหลวนจื่อ
หมินอันเกอรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว:“ผมแค่ไม่อยากให้คุณทรมานร่างกายของตัวเองเพราะวงการนางแบบ เรื่องของไอรีนครั้งก่อน……”
“เรื่องของไอรีนครั้งก่อนมันเป็นอุบัติเหตุ!”
หลวนจื่อขึ้นเสียง กำหมัดแน่น สายตาของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“ฉันเป็นนางแบบตั้งแต่อายุสิบหก จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา เรื่องแบบนั้นฉันไม่มีทางปล่อยให้มันมีโอกาสเกิดขึ้นอีก”
แต่หมินอันเกอก็ยังคงเป็นห่วง
“เมื่อก่อนตอนที่คุณตัดสินใจกลับไปวงการเดินแบบ คุณก็สัญญากับผมแบบนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าตอนนั้นผมไม่รับคุณเอาไว้ คุณก็จะตกจากรันเวย์ไปแล้ว และคุณอาจจะไม่ได้ทำอาชีพนี้ไปตลอดชีวิตเลยก็ได้!”
แค่นึกถึงภาพนั้นหมินอันเกอก็รู้สึกกลัว
เขาไม่สามารถอยู่เคียงข้างหลวนจื่อได้ตลอดเวลา แล้วเขาก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!”
หลวนจื่อลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน เก้าอี้ที่อยู่ข้างหลังเธอก็ล้มลงบนพื้น ทำให้เกิดเสียงดัง
เธอมองไปที่หมินอันเกอที่อยู่ตรงหน้า ในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อกี้ที่เขาบอกให้เธอออกจากวงการนางแบบ เธอโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
เธอพูดออกมาว่า:“ฉันว่าคุณไม่ได้เป็นห่วงฉันหรอก แต่คุณกลัวว่าถ้าฉันเป็นอะไรไป คุณจะไม่มีคำอธิบายกับตระกูลหลวนใช่ไหม?เมื่อก่อนคุณก็คิดแบบนี้ตลอดไม่ใช่เหรอ?”
หมินอันเกอคิดไม่ถึงว่าหลวนจื่อจะมีความคิดแบบนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“ผมจะคิดแบบนั้นได้ยังไง ช่วงนี้คุณยุ่งอยู่กับการกลับไปเดินแบบ โดว์โดว์ก็อยู่ที่บ้านของเที๋ยนเที๋ยนตลอด ไม่มีใครดูแล คุณก็เกือบจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าโดว์โดว์เห็นภาพนั้น เธอคงจะเป็นห่วงมาก”
เขาอยากจะใช้โดว์โดว์มาเป็นเครื่องมือเกลี้ยกล่อมหลวนจื่อให้ยอมแพ้
แต่คิดไม่ถึงว่าคำพูดเหล่านี้เมื่อเข้าไปในหูของหลวนจื่อแล้วรสชาติมันจะเปลี่ยนไป
เธอส่ายหน้าและยิ้มแห้ง
“หมินอันเกอ คุณต้องการให้ฉันไม่ต้องทำงาน กลับบ้านไปเลี้ยงลูกอย่างเดียวใช่ไหม ถ้าคุณคิดถึงโดว์โดว์จริงๆ ทำไมคุณถึงไม่ลาออกเองล่ะ?”
เธอพึ่งพูดประโยคนั้นจบ เธอเองก็ตกใจไปพักหนึ่ง รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เธอขมวดคิ้ว
เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจของหมินอันเกอ เธอก็รีบหันหน้าหนีทันที ไม่อยากเห็นสีหน้าเขาในตอนนี้ เธอหลับตาลง
รีบพูดต่อว่า:“ฉันจะไม่มีทางออกมาวงการเดินแบบ”
หลวนจื่ออกคำสั่งขับไล่เขา
“คุณไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
หมินอันเกอขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าหลวนจื่อจะขัดแย้งขนาดนี้
เห็นว่าตอนนี้เธออารมณ์เสียขนาดนี้ เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ พูดแค่ว่า:“งั้นผมไปก่อนนะ คืนนี้คุณพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้กลับประเทศด้วยกัน”
พูดจบก็กลัวว่าหลวนจื่อจะไม่รับปาก เขาจึงพูดเสริมว่า:“วันนี้ผมโทรไปหาโดว์โดว์แล้ว บอกเธอว่าเราจะกลับไปพรุ่งนี้”
มัดมือชกแบบนี้อีกแล้ว!
หลวนจื่อขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่อยากทำให้โดว์โดว์ผิดหวัง เธอจึงพยักหน้า
“ฉันรู้แล้ว ยังไงงานของฉันก็เสร็จสิ้นไปแล้ว”
หมินอันเกอก้าวเท้าเดินไปที่ประตู จงใจเดินออกไปช้าๆ แต่หลวนจื่อก็ไม่หันมามองเขา ในใจเขาก็รู้สึกผิดหวัง
เขาเปิดประตูและเดินออกไป
เมื่อประตูห้องปิดลงอีกครั้ง ในที่สุดหลวนจื่อถึงได้มีสติอีกครั้ง
ในห้องเงียบกริบ แต่ในหัวของเธอกลับมีแต่คำพูดที่หมินอันเกอพูดเมื่อกี้
หลวนจื่อไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาอยากให้เธอออกจากวงการเดินแบบ ทั้งๆที่เขารู้ดีว่าความปรารถนาสูงสุดของเธอคือการเป็นนางแบบ แต่ทำไมเขาถึงทำลายความฝันของเธออย่างโหดเหี้ยม?
เธอหันไปมองบะหมี่ครึ่งถ้วยบนโต๊ะ
เธอชอบกินบะหมี่ที่หมินอันเกอทำมากที่สุด ทุกครั้งต้องอ้อนวอนตั้งนานหมินอันเกอถึงจะยอมทำให้กิน
และหลวนจื่อเองก็จะกินให้หมดด้วยความหวงแหน แม้แต่ซุปก็ไม่เหลือ
เมื่อก่อนชอบกินขนาดนั้น แต่ว่าตอนนี้เธอกลับไม่มีอารมณ์ที่จะกินต่อ
บะหมี่ที่แสนอร่อยในความทรงจำของเธอ ตอนนี้กลับรู้สึกธรรมดาขนาดนี้
เธอเดินเข้าไปหยิบบะหมี่บนโต๊ะ เดินตรงไปที่ห้องน้ำ ทิ้งบะหมี่ที่เหลือทั้งหมดลงในถังขยะแล้วหันหลังเดินออกมา