เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1113 ใครให้พวกแกหาเรื่องภรรยาของฉัน
“ก็เหมือนกับที่พวกแกเห็น ความร่วมมือล้มเหลว”
เพียงได้ยินคำพูดนี้นั้น อาการบนใบหน้าของทุกคนขององค์กรอันธพาลมืดนี้ก็เปลี่ยนไปในทันที แววตาจดจ้องอยู่ที่จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยน พลางกัดฟันด้วยความโมโห
“พวกแกตั้งใจนี่! หลอกมาทำเป็นร่วมมือ เพื่อจะส่งศาสตราจารย์พวกนั้นไปฮุบสิ่งของมีค่าทั้งหมดใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว กลับหัวเราะขึ้นมา
“พวกฉันไม่อยากให้แกหาสิ่งของมีค่าพวกนั้นเจอจริงๆ แต่สมบัติล้ำค่าพวกนั้น มันไม่ได้เข้าตาฉันเลย”
ทางฝ่ายนั้นขมวดคิ้วขึ้น : “ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมยังจะขัดขวางแผนการของพวกฉันอีก?”
มือของจี้จิ่งเชินโอบอยู่ที่เอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเบามือ น้ำเสียงแสดงความรักออกมา
“ข้อแรก พวกแกหาเรื่องพวกฉัน ข้อสอง ใครให้ภรรยาของฉันให้ความสำคัญกับวัตถุโบราณของประเทศมากขนาดนั้นกัน เห็นวัตถุโบราณใดๆที่ถูกคนทำลาย ก็จะทนไม่ได้ เรื่องราวในครั้งนี้ ฉันไม่เข้ามาเกี่ยวก็คงไม่ได้”
สองสามคนขององค์กรอันธพาลมืดนั้นหัวเราะเยาะขึ้นมาทันที
“ถึงแม้พวกแกอยากจะเข้าร่วมด้วย แล้วยังไงล่ะ?”
“ในเมื่อรู้แล้วว่าสมบัติล้ำค่านั่นอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นก็สู้จับตัวเธอมาถาม ถึงตอนนั้นพวกเราก็ค่อยขุดสมบัตินั้นขึ้นมา แล้วหนีไปก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“อย่างพวกสองคนนั้น ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราอยู่แล้ว”
“ถูก!”
คนกลุ่มนั้นร้องเอะอะ แล้วค่อยๆเข้ามาใกล้จี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วโผเข้ามาในทันที
แต่ยังไม่ทันได้แตะโดนเสื้อผ้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเลยนั้น จี้จิ่งเชินขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วินาทีต่อมานั้น ก็เตะเข้าที่ช่วงท้องของคนๆนั้นลอยกลิ้งออกไปหลายรอบ และชนเข้ากับกำแพง ถึงได้หยุดลงในที่สุด
คนนั้นสีหน้าซีดเผือด แม้กระทั่งมุมปากมีร่องรอยเลือดที่ไหลออกมา ทำเอาทุกคนตกใจกันขึ้นมาในทันที
รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มีรูปร่างที่สูงใหญ่ ทั้งร่างกายมีแต่กล้ามเนื้อ และพละกำลัง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่เห็นแล้วต้องถอยกลับ แม้แต่แค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็ดูเป็นการข่มขู่มากแล้ว
จี้จิ่งเชินเพียงแค่เตะไปครั้งเดียวเท่านั้น คนนั้นก็ลอยออกไปแล้ว พอจะนึกออกได้เลยว่าแรงของฝ่ายนั้นมีมากขนาดไหน?
พลังของทุกคนนั้นลดลงมา ไม่กล้าเอ่ยปากขึ้นอีก
คนนั้นที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าสุดตวาดออกมาอย่างไม่พอใจ : “มีอะไรให้ต้องกลัวกัน?”
“พวกนั้นมีกันแค่สองคน และนั่นยังเป็นผู้หญิงคนนึงด้วย พวกเราพุ่งเข้าไปพร้อมกัน พวกเขาก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเราเลยด้วยซ้ำ!”
ว่าแล้วสองสามคนนั้นก็เข้าไปใกล้จี้จิ่งเชินอีกครั้ง แต่กลับไม่กล้าจะลงมือง่ายๆ
แต่จี้จิ่งเชินขวางหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ ปกป้องเธอให้อยู่ทางด้านหลัง แววตามองคนตรงหน้าอย่างเย็นชา
ถ้าหากมีใครกล้าเข้ามาใกล้มาทางด้านหน้า ก็จะถูกจี้จิ่งเชินต่อยจนลมไปกองอยู่ที่พื้น
ขณะเดียวกันนี้เหล่าบรรดาศาสตราจารย์ที่หนีออกมาจากสถาบันวิจัยมาถึงสถานทูตแล้วนั้นในใจก็ยังมีความกลัวอยู่ รีบวิ่งออกมาทางด้านนอก
เจ้าหน้าที่ของสถานทูตเห็นว่าจู่ๆพวกเขาก็ปรากฏตัวออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที รีบเข้ามาล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
“ศาสตราจารย์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“รีบไปเร็ว! แจ้งฝ่ายตำรวจในประเทศด้วย!”
เอ่ยพูดไปพลาง ศาสตราจารย์สองสามคนนั้นก็รีบเดินออกไปยังด้านนอกด้วย
“เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินถูกล้อมอยู่ข้างนั้น เป็นไปได้มากที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้!”
จี้หยู๋ชิงที่เดิมทีคอยฟังสถานการณ์อยู่ในมุมหนึ่งได้ยินแล้วนั้น ในหัวของเขาก็มีเสียงดังขึ้นมา รู้สึกตะลึงขึ้นมาในทันที
เขารีบลุกขึ้นยืน ใบหน้าดูขุ่นเคือง แล้วรีบวิ่งเข้ามาจับมือของจางเชียงหนิงเอาไว้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ? คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อจางเชียงหนิงได้ยินแล้ว เห็นเด็กที่อยู่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะเป็นลูกของจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ใบหน้าปรากฏความรู้สึกละอายใจและโทษตัวเองขึ้นมา
“พวกเขาบุกเข้าไปในสถาบันวิจัยเพื่อช่วยพวกเรา แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ เวินเที๋ยนเที๋ยนขวางประตูเอาไว้ แล้วให้พวกเราออกมาก่อน แต่ตัวเองกลับถูกจับตัวได้ ตอนนี้เกรงว่าจะ……..”
เขาส่ายหน้า แล้วไม่ได้เอ่ยพูดต่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“เป็นไปไม่ได้!” จี้หยู๋ชิงโต้ขึ้นมาอย่างเฉียบขาด “ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างเด็ดขาด!”
เขามองดูเวลา ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะบอกเอาไว้ ว่ารอให้ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วค่อยปฏิบัติการ ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง
แต่เวลานี้ได้ยินพวกเขาพูดแบบนี้แล้ว จี้หยู๋ชิงก็รอต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขารีบเอ่ยบอกกับบอร์ดี้การ์ด : “พวกเราเข้าไปดูกัน!”
บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งเวลานี้รีบวิ่งเข้ามาจากทางด้านนอก เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ : “ดูเหมือนทางฝ่ายนั้นจะรู้สึกตัวว่าพวกเราส่งคนเข้าไปแล้วครับ ประตูหน้าของสถาบันวิจัยถูกล็อคเอาไว้ ส่วนทางที่สามารถผ่านไปทางสถานทูตได้ ก็ถูกคุณนายปิดเอาไว้ เข้าไปไม่ได้ชั่วคราวครับ”
“ในเมื่อประตูถูกล็อคเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นก็ลุยเข้าไปเลย!”
จี้หยู๋ชิงกำหมัดแน่น เขาจะไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่อย่างเด็ดขาด
สีหน้าของเขาจริงจังและหนักแน่นมาก รีบเดินออกไปทางด้านนอก โดยมีกลุ่มบอร์ดี้การ์ดตามไปอยู่ทางด้านหลัง
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดยืนมองพวกเขาอย่างประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เด็กผู้ชายที่ดูไร้เดียงสา คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีด้านแบบนี้ด้วย พลังที่แสดงออกมานั้นแม้แต่พวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่เองก็ยังรู้สึกกลัว
จี้หยู๋ชิงพาคนกลุ่มหนึ่งไปยังประตูหน้าของสถาบันวิจัย และเป็นอย่างที่คิดไว้เห็นประตูใหญ่นั้นถูกคนล็อคเอาไว้จากทางด้านใน
เนื่องจากที่นี่เป็นทุกอย่างของประเทศ ประตูจึงแน่นหนาเป็นอย่างมาก ไม่สามารถเปิดออกได้เลย
“ถ้าอย่างนั้นก็ชนเข้าไปเลย! ไปขับรถมา! ผลัดกันชน! ต้องชนกำแพงนี้ออกให้ได้!”
น้ำเสียงฟังดูแล้วจะเป็นเด็ก แต่กลับให้ความรู้สึกหวาดกลัว พลังที่มีบนร่างของเขานั้นไม่ได้แตกต่างไปกว่าจี้จิ่งเชินเลยแม้แต่นิดเดียว
บอร์ดี้การ์ดสองสามคนไปรวบรวมรถที่อยู่รอบๆมาสองสามคัน เหยียบคันเร่ง แล้วขับพุ่งไปชนที่ประตูใหญ่ ครั้งแล้วครั้งเล่า!
โครม—
ประตูใหญ่ถูกชนแยกออกในทันที
อาการที่แสดงออกบนใบหน้าของจี้หยู๋ชิงยิ่งจริงจังมากขึ้น แววตาที่เยือกเย็นนั้นกวาดมองไปยังด้านใน
“หาคุณพ่อกับคุณแม่ให้เจอก่อน เช็คความปลอดภัยของพวกเขา ถ้าหากทางฝั่งนั้นกล้าลงมือ ไม่ต้องกังวล สู้กันให้ตายไปเลย!”
“ครับ คุณชาย!”
บอร์ดี้การ์ดกลุ่มนั้นหยิบอาวุธออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเริ่มไปตรวจหาบริเวณรอบๆ
ส่วนเวลานี้ อีกทางด้านหนึ่งคนของอันธพาลมืดนั้นได้ล้อมรอบเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินเอาไว้แล้ว
เพียงแต่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่นาที สถานการณ์ตรงหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงเลวร้ายลงอย่างน่าตกใจ
เดิมทีมองดูสมาชิกของอันธพาลมืดสูญเสียไปกว่าครึ่งที่ล้มลงบนพื้นด้วยความถมึงทึง ร้องโอดครวญ แม้กระทั่งไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เลยเสียด้วยซ้ำ
คนที่เหลือนั้นมองดูจี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่นิดเดียวนั้น ก็ยิ่งพากันหน้าซีด เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมคนที่พุ่งเข้าไปนั้น เพียงไม่กี่วินาทีก็จะถูกจี้จิ่งเชินต่อยเสียจนไปกองอยู่ที่พื้นแบบนั้น?
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว บริเวณรอบๆนั้นก็เต็มไปด้วยผู้คนที่นอนกองอยู่ที่พื้น
แต่จี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ตรงกลางนั้นดูแล้วกลับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย นอกจากเสื้อผ้าที่ยับเพียงเล็กน้อยนั้น มองไม่เห็นถึงร่องรอยการได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
และเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ถูกเขาปกป้องอยู่ทางด้านหลังตลอดนั้น ก็ยิ่งไม่พลาดอยู่แล้ว
ตั้งแต่เริ่มแรกเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ได้มีการลงมือเลย ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าไปใกล้เขาได้ภายในระยะสองเมตร
“นี่….นี่มันปิศาจหรือเปล่า?”
สองสามคนตรงนั้นมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ โดยไม่กล้าเข้าไปใกล้เลย
คนที่ร่างสูงใหญ่กว่าจี้จิ่งเชินหลายคน ก็กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเหมือนกัน
อีกทั้งตอนนี้ดูแล้วลมหายใจของจี้จิ่งเชินก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลยอีกด้วย ท่าทางดูมีฝีมือชำนาญอย่างไรอย่างนั้น
“บ้าเอ้ย!”
ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำคนนั้นด่าว่าออกมาอย่างกระหืดกระหอบ : “พวกแกยังยืนอึ้งทำอะไรกัน? รีบเข้าไปจับพวกมันสิ!”