เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1117 วัตถุโบราณได้เห็นแสงอีกครั้ง
ทั้งสามคนพักอยู่ตรงนั้นเป็นช่วงเวลานาน จนกระทั่งออกซิเจนในถังใกล้จะหมด พวกเขาถึงได้กลับขึ้นฝั่ง
และเพิ่งจะถอดเอาหน้ากากออกซิเจนออกนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ร้องอุทานออกมาอย่างทนรอต่อไปไม่ไหว
“ข้างล่างสวยมากเลยค่ะ”
จี้จิ่งเชินยื่นมือไปดึงเธอขึ้นมา “ถ้าหากชอบ เราไปดูกันอีกก็ได้นะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ทิวทัศน์แบบนี้ มีเพียงสถานที่เหล่านี้ที่ไม่ได้รับมลพิษถึงสามารถคงอยู่ได้ ถ้าหากพวกเราไปดูหลายๆครั้ง อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางกายภาพของสิ่งมีชีวิตก็ได้นะคะ”
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง ถึงแม้พวกเขาไม่ลงไป รอหลังจากเจ้าหน้าที่วิจัยสมบัติของซากเรือนี้มาถึง ก็จะต้องดำลงไปอย่างต่อเนื่องแน่นอน
หมู่ปะการังอยู่ใกล้กับซากเรือขนาดนี้ ถูกทำลายได้ง่ายมาก และเป็นไปได้มากว่านี่จะเป็นการผลิบานครั้งสุดท้ายแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
จี้จิ่งเชินเห็นอาการบนใบหน้าของเธอแล้ว ก็พอจะเดาได้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่ มุมปากจึงยกขึ้นมาเล็กน้อย
“ตรงจุดนี้คุณไม่ต้องกังวลนะครับ ตอนที่ผมค้นพบหมู่ปะการังนั่น ก็ได้แจ้งทุกคนเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาหมู่ปะการังผืนนั้นเข้าสู่ขอบข่ายของการอนุรักษ์เอาไว้ ตอนที่จะกู้งมซากเรือลำนั้น ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงจากพื้นที่ที่มีปะการังอยู่ อีกทั้งจะสร้างตาข่ายป้องกันเอาไว้ตรงกลางด้วย”
“ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุด เพื่อจะงมซากเรือนั้นย้ายออกมาทางด้านนอก เพื่อลดความเสียหายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ดังนั้นฝูงปะการังจะไม่หายไป แต่จะงอกงามมายิ่งขึ้นเนื่องจากได้รับการปกป้องจากทุกคนอีกด้วยนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็รู้สึกวางใจขึ้นมาในทันที
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง จี้หยู๋ชิงที่เพิ่งออกขึ้นมาจากน้ำนั้น ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะให้คำสัญญาบอกกับจี้จิ่งเชินเอาไว้อย่างดิบดี ว่าตัวเองจะต้องปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ได้แน่นอน แต่ตอนที่ลงทะเลไปนั้น เขายังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
ตอนนี้ในที่สุดทั้งสองคนกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว นับว่าวางใจลงมาได้แล้วเช่นกัน
จากนั้น ก็มองไปทางจี้จิ่งเชินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจ
จี้จิ่งเชินเห็นสถานการณ์แล้ว มุมปากจึงยกขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำได้ไม่เลวเลยนี่”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ก็ยิ่งรู้สึกพอใจ เชิดหน้าขึ้นสูง
“แน่นอนอยู่แล้วครับ!”
ท่าทางน่ารักนี้ ดึงดูดให้ผู้คนที่อยู่ข้างๆหัวเราะขึ้นมา
ตอนที่พวกเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเพลิดเพลินกับฝูงปะการังเหล่านั้นอยู่ ศาสตราจารย์จางเชียงหนิงและคนอื่นๆก็ได้รีบสำรวจสถานการณ์ของเรือลำนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลานี้ดวงตาเปล่งประกายแวววาวอย่างน่าทึ่ง ด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“คิดไม่ถึงเลยว่าทางด้านล่างจะมีสิ่งของมากมายขนาดนี้ ฉันยังหาเจอแม้กระทั่งสมุดบันทึกในสมัยนั้นด้วย มีการบันทึกเรื่องราวสถานการณ์ในสมัยราชวงศ์หมิงอย่างละเอียด และยังมีการไปมาติดต่อค้าขายกันทางธุรกิจอีกด้วย”
“ฉันกล้าพนันเลย การค้นพบซากเรือลำนี้ จะเป็นการเพิ่มสีสันที่เข้มข้นกับประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน! อีกทั้งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ…….”
จางเชียงหนิงดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น : “พวกเธอเดาสิว่าฉันเห็นอะไรข้างล่าง?”
เขาชูแขนขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น : “นั่นคือวัตถุโบราณชิ้นนึง! วัตถุโบราณที่พวกเราหากันมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็พบแล้ว!”
“ตั้งแต่ราชวงศ์หมิงเป็นต้นมา วัตถุโบราณชิ้นนี้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีคนคิดมาตลอดว่าถูกคนของพระราชวังขโมยไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่บนเรือสินค้า! การค้นพบวัตถุโบราณชิ้นนี้ ก็สามารถดึงดูดความสนใจของโลกได้มากพอแล้ว!”
“เครื่องสำริดที่สว่างพร่างพราว เพียงพอที่จะขึ้นบัลลังก์ของวัตถุโบราณแห่งชาติระดับหนึ่งได้!”
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินด้วยความตื่นเต้น แล้วจับมือพวกเขาเอาไว้แน่น
“ต้องขอบคุณพวกเธอมากๆ ถ้าหากไม่ใช่พวกเธอ สิ่งของที่อยู่ในเรือทั้งลำนี้เกือบจะถูกคนอื่นเอาไปแล้ว มูลค่าของเรือลำนี้มากเกินกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้เสียอีก!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าในนี้จะยังซ่อนวัตถุโบราณเอาไว้อีก เครื่องสำริดชิ้นนั้น ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยได้ยินอยู่เช่นกัน
เริ่มตั้งแต่หลายสิบปีก่อน ก็มีคนตาหากันอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่ได้รับมันมา
แม้กระทั่งภายในประเทศนั้นมีคนคาดเดา ว่าสิ่งของนั้นจะแตกสลายไปตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะมาซ่อนอยู่ใต้ทะเลแบบนี้
นั่นเป็นวัตถุโบราณระดับชาติที่เทียบเท่ากับสิบสองหัวสัตว์ของพระราชวังฤดูร้อนเก่า จะต้องสามารถดึงดูดปฏิกิริยาที่ฮือฮาของทุกคนภายในประเทศได้อย่างแน่นอน
จางเชียงหนิงเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น : “เมื่อกี้ฉันได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทางรัฐบาลเอาไว้แล้ว พวกเขาจะส่งคนมากู้งมในอีกไม่ช้า เพื่อเป็นการตอบแทนเธอกับสามีของเธอ พวกเราตัดสินใจจะเอาวัตถุที่มีค่าหลังจากการกู้งมซากเรือนี้ เลือกที่จะมาจัดนิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเป็นที่แรก”
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“ดีจังเลยค่ะ ถ้าหากสมบัติล้ำค่านี้เพิ่มขึ้น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจะต้องสามารถกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกแน่ๆเลยค่ะ! ขอบคุณพวกคุณมากๆนะคะ!”
“นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว ถ้าหากไม่มีพวกเธอ ของมีค่าพวกนี้ก็คงไม่มีทางค้นพบได้เลย”
จางเชียงหนิงตื่นเต้นเสียจนหน้าแดง อยากจะรีบลงน้ำไปดูอีกครั้ง
เรือลำนั้นขนาดใหญ่มาก เมื่อครู่พวกเขาตรวจสอบอยู่ทางด้านล่างยังไม่ถึงครึ่งเลย ยังมีความลับอีกมากมายที่พวกเขาต้องค้นหากันอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูสมาชิกสถาบันวิจัยที่มีแต่ความสนใจมากขึ้น แล้วลงน้ำกันไปอีกครั้ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา
ความดีใจแบบนี้ เธอเข้าใจความรู้สึกนี้เช่นกัน
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มือของจี้จิ่งเชินก็โอบลงบนเอวของเธอเบาๆ
“ยังอยากจะลงไปดูไหมครับ?”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า ถึงแม้ว่าวิวทิวทัศน์ทางด้านล่างนั้นจะสวยงามมากจริงๆ อีกทั้งเธอเองก็รู้สึกสงสัยสิ่งที่อยู่ด้านในซากเรือนั้นด้วยเช่นกัน อยากจะเห็นท่วงท่าที่งดงามของสิ่งของมีค่าเหล่านั้น
แต่เขาเองก็มองออก ว่ากำลังของจี้หยู๋ชิงนั้นเกินกำลังไปอยู่บ้างแล้ว
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ใต้ทะเล ทั้งสองคนปกป้องเธออยู่ตลอด เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่อยากจะให้พวกเขาเหนื่อยมากเกินไปอีกแล้ว
จี้จิ่งเชินยิ้มออกมา แววตาปรากฏรอยยิ้มที่หนักแน่นและมีความอ่อนโยนออกมา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ออกเดินทางกันเถอะครับ”
“ออกเดินทางไปไหนคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองเขาด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอนว่าก็ต้องไปเที่ยวของพวกเราต่อสิครับ”
ถึงแม้ว่าครั้งนี้เพิ่งจะออกเดินทาง ก็เจอเข้ากับเรื่องราวแบบนี้ แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาอยากจะพาบุคคลทั้งสองคนที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของตัวเองไปเที่ยวรอบโลก ได้เดินทางไปทุกๆแห่งที่งดงาม ตอนนี้พาเจ้าตัววกออกมาได้ไม่ใช่ง่ายๆแล้ว จะต้องไปให้ไกลกว่านี้อีกถึงค่อยกลับไป
จี้จิ่งเชินตัดสินใจ ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ลังเล แล้วพาเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงจากไปอย่างรวดเร็ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้โต้แย้ง และเพิ่งจะถึงฝั่งนั้น ก็เห็นเรือสำราญส่วนตัวลำหนึ่งได้ถูกเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“พี่ทำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“ครั้งนี้จะไม่ทิ้งคุณไว้อีกแล้วนะครับ” น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินมีความมุ่งมั่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้แล้ว แววตาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
ดูแล้วจี้จิ่งเชินจะได้รับประสบการณ์จากบทเรียนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้จึงใช้เรือของตัวเอง จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าเรือจะออกก่อนเวลาอีก
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะค่ะ”
ทั้งสามคนขึ้นเรือ แล้วออกไปจากเกาะเล็กนี้ มุ่งหน้าไปยังทะเลหลวง
เมื่อเทียบกับเรือสำราญลำหรูแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนชอบสภาพในตอนนี้มากกว่า ทั้งสามคนอยู่บนเรือสำราญที่เป็นของตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แล้วก็สามารถได้รับความสุขกับชีวิตในเวลานี้ได้เช่นกัน
บนเรือมีเครื่องกรองน้ำอัตโนมัติ ที่ใช้กรองน้ำทะเลให้อยู่ในสภาพที่สามารถนำมาใช้งานได้ แม้แต่วัตถุดิบอาหารการกินก็ได้มีการจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินได้มีการวางแผนนี้เอาไว้แล้ว
ถ้าหากเหนื่อย หรือวิวทิวทัศน์รอบๆไม่เลวนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะสามารถให้จี้จิ่งเชินหยุดเรือ แล้วไปตากลมทะเลอยู่ที่ดาดฟ้าเรือได้ เพลิดเพลินไปกับอาหาร สบายใจยิ่งนัก