เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1120 กลับมาที่เดิมอีกครั้ง
จี้หยู๋ชิงลิ้มลองอย่างละเมียดละไม รสชาติไม่เหมือนกันจริงๆ!
เห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของจี้หยู๋ชิง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยื่นหน้าเข้ามาเธอยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “เป็นอย่างไรบ้างครับ? ยังรู้สึกไม่ชอบอยู่หรือเปล่า?”
จี้หยู๋ชิงส่ายหน้า
“อร่อยครับ คุณแม่ทำได้ยังไง?”
“ก็ปรุงรสให้ดีๆหน่อยก็ได้แล้วไงลูก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเลี่ยงพูดถึงปัญหาสำคัญ จริงๆแล้วเพื่อเป็นการให้จี้หยู๋ชิงชอบทานบวบ เธอได้ทำการเตรียมตัวเอาไว้เป็นพิเศษไม่น้อยเลย ลองอยู่หลายครั้ง ถึงจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
“อยากทานอีกไหมครับ?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลงด้วยความปรารถนาเป็นอย่างมาก
เดิมทีผักที่ไม่ชอบมากๆ แต่พอมาอยู่กับมือคู่นั้นของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่อร่อยขึ้นมา
เพียงแค่คำเดียว จี้หยู๋ชิงก็หลงรักรสชาตินี้แล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกโล่งใจ ก่อนหน้านี้เธอลองหลายๆวิธีที่แตกต่างกันไป อยากจะให้จี้หยู๋ชิงชอบทานผัก ดูแล้วใช้อาหารจานนี้เป็นจุดเริ่มต้นนั้นถูกต้องแล้ว
ผักที่จี้หยู๋ชิงไม่ชอบนั้นมีอีกหลายอย่าง แต่จากนี้ไปยังมีเวลา ค่อยๆเปลี่ยนแปลงเขาก็ได้แล้ว
คิดไปพลาง เธอก็เพิ่มผักที่เตรียมเอาไว้สำหรับย่าง แต่กลับสังเกตเห็นสายตาของจี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆกำลังมองมา
แสงไฟสลัวๆสาดส่องอยู่บนร่างของจี้จิ่งเชิน สันจมูกดึงออกมาเป็นเงา ใบหน้าของเขานั้นยิ่งเพิ่มความลึกซึ้งได้อย่างเห็นได้ชัด หล่อเหลาราวกับหล่อหลอมเทพเจ้าเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
แต่ตอนนี้เอง ดวงตาที่ดูลึกซึ้งน่าหลงใหลคู่นั้นกลับมองเธออย่างน้อยใจ
น้อยใจ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้วนั้น ก็รู้สึกสงสัยว่าตัวเองจะมองผิดหรือเปล่า แต่สายตาที่มองมาของทางอีกฝ่ายนั้นกำลังเขียนแบบนี้อยู่จริงๆ
ราวกับว่ากำลังบ่น เวินเที๋ยนเที๋ยนเตรียมผักที่เขาไม่ชอบเอาไว้ให้เป็นพิเศษ และยังพยายามคิดหาวิธีให้ทางฝ่ายนั้นชอบอีกด้วย ส่วนเขากลับไม่มีอะไรเลย แววตานั้นเต็มไปด้วยความกล่าวหา
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแววตาของเขา ก็เดาได้ถึงสิ่งที่จี้จิ่งเชินกำลังคิดอยู่ในใจ จึงยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“วางใจเถอะค่ะ ไม่ลืมของพี่หรอก”
ว่าแล้ว ก็หันกลับเข้าไปในวิลล่า
รอหลังจากนั้นไม่กี่นาทีตอนที่ออกมาอีกครั้งนั้น ในมือก็มีข้าวต้มถ้วยหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ข้าวต้มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ต้มเสียจนเละ ในนั้นมีรสชาติของเนื้อปลาสีขาวนวลอีกด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนถือมาตรงหน้าของจี้จิ่งเชินพลางเอ่ย : “ให้พี่ค่ะ”
จี้จิ่งเชินยิ้มให้เธอ แววตาปรากฏความพอใจออกมา รับมาแล้วนั้น ก็หันไปมองทางจี้หยู๋ชิงอย่างภาคภูมิใจ
ทั้งสองคนเปรียบเทียบกัน ไม่มีใครยอมแพ้
จี้หยู๋ชิงทำแก้มป่อง ทานผักที่อยู่ในมือด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก
ไม่นาน สีของท้องฟ้าก็ค่อยๆเข้มขึ้น
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้พิจารณาปริมาณการบริโภคอาหารของทั้งสองคนตรงหน้า เอาประเภทเนื้อสัตว์ในตู้เย็นเกินกว่าครึ่งออกมาหมดแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะประเมินความสามารถในการทานอาหารของพวกเขาต่ำไป
อาหารทั้งหมดถูกกวาดจนหมดเกลี้ยง แม้แต่ประเภทผักที่ปกติแล้วทั้งสองคนจะไม่ชอบนั้นก็ทานกันจนหมดเกลี้ยงด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งข้าวต้มปลาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทำเอาไว้ในครัวก่อนหน้านี้ ก็ถูกยกออกมาตอนหลังอีกด้วย
ความอยากอาหารของทั้งสองคนนี้ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทานเสร็จแล้วนั้น ก็มีความรู้สึกสบายใจยิ่งนัก
และเวลานี้เอง ที่พื้นผิวทะเลที่ไม่ไกลนั้นก็ค่อยๆมีจุดดำๆปรากฏขึ้น มีเรือลำหนึ่งค่อยๆใกล้เข้ามา
จี้จิ่งเชินกวาดตามองไป แววตานั้นแฝงไปด้วยความระแวดระวัง
เกาะแห่งนี้แม้แต่อาณาบริเวณรอบๆทะเลนี้ ก็ถูกเขาซื้อเอาไว้หมดแล้ว นับว่าเป็นอาณาเขตส่วนตัวของเขา
ถ้าหากไม่ได้รับการอนุญาต ส่วนตัวแล้วก็ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้เลย
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สั่งให้ใครก็ตามมาที่นี่ในช่วงเวลานี้ แล้วคือใครกัน?
เรือลำนั้นไม่ใช่เรือยนต์หรือเรือสำราญ แต่เป็นเรือประมงธรรมดาๆเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเรือลำน้ำเข้ามาใกล้มากขึ้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย : “มีใครจะมาหรือเปล่าคะ?”
จี้จิ่งเชินส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไปดูกันเถอะ”
เวลานี้ท้องฟ้ากำลังสลัวๆ แต่ตามทางนั้นก็ถูกวางอุปกรณ์ให้แสงสว่างเอาไว้
ไม่นาน ทั้งสามคนก็มาถึงชายฝั่ง ในเวลาเดียวกันนั้น เรือลำนั้นก็จอดลงแล้ว
ถึงแม้จะยังไม่มีคนเดินออกมา แน่นอนว่าเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเรือลำนั้นแล้ว ก็จำขึ้นมาได้ในทันที
“นี่เหมือนเป็นเรือของอาหงเลยนะคะ!” เธอเอ่ยพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลง ตอนที่เพิ่งจะเดินเข้ามานั้น เขาก็รู้แล้ว
“อาหง!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตะโกนขึ้น
สองสามคนเดินออกมาจากในห้องโดยสารของเรือ คนที่เดินนำมานั้นคืออาหงจริงๆ
เมื่อเขาเห็นคนตรงหน้าแล้ว ใบหน้าก็ปรากกฎความเซอร์ไพรส์ออกมา รีบลงมาจากเรือ
“คุณจี้ คุณเวิน ในที่สุดก็ได้เจอพวกคุณอีก!”
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาแล้ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “พวกอากำลังทำอะไรกันอยู่คะ?”
อาหงยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
“หลังจากที่พวกคุณไปแล้ว ทุกคนก็กังวลสถานการณ์ของเกาะแห่งนี้ เพราะฉะนั้นก็จะให้คนมาตรวจสอบที่นี่บ่อยๆ ทั้งหมดนี่เป็นความคิดเห็นของพวกเราเอง หวังว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกคุณนะ”
อาหงยิ้มออกมาอย่างอายๆ : “ช่วยพวกคุณทำความสะอาด เป็นหน้าที่ของพวกเรา ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณทั้งสอง ตอนนี้คนของเมืองทั้งเมืองของพวกเราก็คงจะใช้ชีวิตอยู่กันไม่ได้ ตอนนี้เกาะแห่งนี้นับวันก็ยิ่งพัฒนายิ่งขึ้น คุณภาพชีวิตของทุกคนก็สูงขึ้นด้วย”
“ใช่ครับ” อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น : “พวกเรารอให้พวกคุณกลับมาตลอด จะได้ขอบคุณพวกคุณให้ดี แต่กลับรอจนไม่ได้เจอพวกคุณเลย ถ้าหากไม่ถือล่ะก็ พรุ่งนี้ก็ขึ้นไปดูบนเกาะได้นะครับ? ตอนนี้ที่เกาะนั้นได้พัฒนารายการท่องเที่ยวไปได้ไม่น้อยแล้ว หวังว่าพวกคุณจะชอบ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว ก็หันหน้าไปมองยังจี้จิ่งเชินและจี้หยู๋ชิง
“อยากไปกันไหมคะ?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง คิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินจะเคยไปสถานที่มามากมายขนาดนี้ รู้จักผู้คนมากขนาดนี้
หลังจากที่มาที่นี่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ราวกับว่าเป็นการเปิดประตูโลกใหม่อย่างไรอย่างนั้น
สายตาของจี้จิ่งเชินเหลือบมองไปที่ร่างของเขาแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามองความคิดที่อยู่ในใจของจี้หยู๋ชิงออก ชาวประมงสองสามคนตรงหน้านั้นก็มองพวกเขาอย่างเฝ้ารอปรารถนา
ตอนนี้สถานการณ์การพัฒนาของเกาะแห่งนี้ พวกเขาเคยเห็นเพียงแค่จากข้อมูลก่อนหน้านี้เพียงเท่านั้น จำเป็นต้องไปดูสถานการณ์จริงๆอยู่เหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ”
ใบหน้าของชาวประมงสองสามคนนั้นเต็มไปด้วยความดีใจ
“ดีเลยครับ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงนิ่งๆ : “พวกคุณกลับไปกันก่อน พรุ่งนี้พวกเราจะไปหา”
อาหงและคนอื่นๆขึ้นเรือกลับไปอีกครั้งด้วยความดีใจ แล้วออกเรือไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูร่างของพวกเขาที่กลับออกไปแล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกสงสัย
“ไม่รู้เลยนะคะว่าตอนนี้บนเกาะนั้นพัฒนาไปเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ พรุ่งนี้ก็ได้เห็นแล้ว”
จี้จิ่งเชินโอบเอวของเธอเอาไว้เบาๆ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “กลับไปพักผ่อนกันก่อนดีว่าครับ แล้วค่อยไปที่นั่นกัน”
“อืม!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง ขณะที่กำลังจะเดินกลับนั้น จู่ๆก็รู้สึกขาอ่อน จนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
“ระวังครับ!”
จี้จิ่งเชินกอดเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดพักเล็กน้อย ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลง
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น มองเธออย่างกังวล
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว : “อาจจะเป็นเพราะเมื่อกี้คงจะรู้สึกเหนื่อยเกินไปหน่อยล่ะมั้งคะ พักซักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว…….”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น จี้จิ่งเชินก็ก้มตัวลง แล้วอุ้มเธอขึ้นมา แล้วสาวเท้าก้าวเดินไปยังด้านใน