เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1121 ตอนจบ (1)
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้ขัดขืนขึ้น ก็ถูกจี้จิ่งเชินอุ้มขึ้นมา แล้วพากลับวิลล่าไป
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกวางลงบนเตียงอย่างโดนบังคับ เห็นท่าทางที่ดูตื่นตกใจของทั้งสองแล้ว จึงอธิบายขึ้นมาอีกครั้ง : “ฉันพักผ่อนแป๊ปนึงก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”
ไม่ง่ายๆกว่าที่พวกเขาจะได้ออกมาเที่ยว ถ้าหากเป็นเพราะต้องกลับไปเพราะเรื่องนี้ คงจะเสียดายมากเลยไม่ใช่หรือ?
อีกทั้งพรุ่งนี้พวกเขายังจะต้องไปเกาะอีกแห่งหนึ่งด้วย พวกอาหงอุตส่าห์รอพวกเขามาแล้ว จะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้
“ไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหมครับ?”
จี้หยู๋ชิงมองด้วยความกังวล
เมื่อครู่ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะล้มลงไปนั้น ทำเอาเขารู้สึกตกใจมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง พลางเอ่ยขึ้นปลอบโยนเขา : “พรุ่งนี้จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ เรายังจะต้องไปหาครอบครัวของอาหงอีกไม่ใช่หรือคะ?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น ในใจปรากฏความคาดการณ์ที่ไม่ดีนัก
สถานการณ์การโดนพิษของเวินเที๋ยนเที๋ยนก่อนหน้านี้รุนแรงมาก ถึงแม้ว่าจะผ่านไปสองปีแล้ว แต่กลับยังทำให้เขารู้สึกกลัวและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ในระยะเวลาสองปีนี้ พวกเขาจะมีการตรวจเช็คซ้ำๆครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าภายในร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่มีสารพิษหลงเหลืออยู่
แต่ใครก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีสารพิษที่ซ่อนอยู่แล้วยังไม่ได้ตรวจอีกหรือเปล่า เห็นเธอเกือบจะเป็นลมไปนั้น ก็ทำให้จี้จิ่งเชินตกใจมากเช่นกัน
แม้กระทั่งคิดอยากจะสิ้นสุดการมาเที่ยวครั้งนี้ แล้วพาเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไปตรวจให้ละเอียดอีกครั้งเลยเสียด้วยซ้ำ
แต่เห็นแววตาที่มุ่งมั่นของเวินเที๋ยนเที๋ยนเช่นนี้แล้ว จึงต้องยอมถอยมาก้าวหนึ่ง
“ถ้าหากเกิดสถานการณ์คล้ายๆแบบนี้ขึ้นอีก ผมจะพาคุณกลับไปตรวจอย่างแน่นอน!”
“พี่วางใจได้เลยค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง พลางเอ่ย : “ตอนนั้นถ้าพี่ให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำค่ะ”
คิ้วของจี้จิ่งเชินยิ่งขมวดเข้าหากัน แล้วห่มผ้าห่มให้เธอ
“อีกอย่าง ถ้าพรุ่งนี้สภาพยังไม่ฟื้นฟู ก็ไม่ให้ไปนะครับ”
“รับทราบค่ะ!” เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตา แววตาแสดงความเจ้าเล่ห์ออกมา
ถึงแม้บอกกับจี้จิ่งเชินเอาไว้ ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นกลับยังคงรู้สึกงงๆอยู่บ้าง
เธอชัดเจนดีกับสภาพร่างกายของตัวเอง ควรจะไม่เกิดอะไรขึ้นสิถึงจะถูก สารพิษพวกนั้นที่จี้จิ่งเชินเป็นกังวลอยู่ได้จัดการออกไปหมดตั้งแต่แรกแล้ว มิเช่นนั้นช่วงสองปีที่ผ่านมาจะต้องอาการกำเริบขึ้นอีกตั้งนานแล้ว จะมารอจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน?
แต่เมื่อกี้ที่ไม่มีแรงยืน จนเกือบจะเป็นลมไปนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เธอกำลังคิดอยู่นั้น ก็ค่อยๆผล็อยหลับไป
จะต้องทำให้กระปรี้กระเปร่าก่อน พรุ่งนี้ถึงจะออกเดินทางไปหาอาหงตามแผนได้
เช้าวันรุ่งขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้นมา รู้สึกร่างกายดีขึ้นมากแล้วอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ สภาพที่ไม่มีแรงก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว มีชีวิตชีวาสดชื่นขึ้นมาก
เธอลงมาจากด้านบนอย่างดีใจ อ้าแขนออก แล้วเอ่ยพูดขึ้นตรงหน้าจี้จิ่งเชินอย่างภาคภูมิใจ : “วันนี้ก็ไปหาพวกอาหงได้แล้วใช่ไหมคะ?”
จี้จิ่งเชินมองพิจารณาเธออย่างละเอียด แน่ใจว่าร่างกายไม่เจ็บไม่ป่วยแล้ว ถึงได้พยักหน้าลง แต่กลับยังคงกำชับอีกครั้ง
“ถ้าหากระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น จะต้องกลับมาทันทีเลยนะครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ!”
ทั้งสามคนขึ้นเรือ และไม่นานก็มาถึงเกาะนั้นที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก
คนที่นี่ล้วนแต่เป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่ถูกพามาทางนี้ช่วงศตวรรษที่แล้ว แต่งานยังไม่เสร็จสิ้นก็เป็นตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จ ทางฝ่ายลงทุนและเถ้าแก่ก็หนีไปหมด เหลือคนงานที่ไม่ได้ค่าแรง ก็ไม่ยอมจากไปไหน ถูกผูกมัดอยู่ที่นี่ ทำได้เพียงต้องพักอาศัยอยู่ที่นี่เพียงเท่านั้น
นานเข้า ที่นี่ก็กลายเป็นเกาะที่มีเอกลักษณ์เป็นของชาวจีนโพ้นทะเลไปแล้ว
เฝ้าตึกที่รกร้างว่างเปล่าเมื่อก่อน ประกอบกับไม่มีเงินพัฒนา คนพวกนี้ก็ไม่สามารถไปจากที่นี่ได้อยู่แล้ว ใช้ชีวิตกันอย่างยากจนข้นแค้น สามารถกินอิ่มได้แค่เพียงเท่านั้น
หลังจากที่จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนค้นพบเจอที่นี่โดยไม่ได้เจตนานั้น ก็มาดำเนินการพัฒนาเกาะเล็กๆแห่งนี้
สองสามปีมานี้กิจการท่องเที่ยวพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้ที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะถึงท่าเรือ เห็นสภาพบนเกาะในเวลานี้แล้ว ก็เบิกตาขึ้นอย่างตกตะลึง
“เปลี่ยนไปมากเลยนะคะ! ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆเท่านั้นเอง”
ตอนนี้ทอดสายตามองไป ตึกอาคารที่สวยงามขึ้นมาเป็นจำนวนไม่น้อย บนถนนก็ถูกจัดการเอาไว้อย่างตั้งอกตั้งใจเช่นกัน นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มาที่นี่จำนวนไม่น้อยเดินไปเดินมากันอยู่ เกาะทั้งเกาะดูมีชีวิตชีวา ศักยภาพในอนาคตนั้นไร้ขีดจำกัด
อาหงและคนอื่นๆกำลังรออยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกเขา ก็ต้อนรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ผมแจ้งกับคนอื่นๆเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าวันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก ไม่สามารถให้ทุกคนมาที่นี่กันได้ทั้งหมด”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ย : “ทำงานของตัวเองกันเถอะค่ะ พวกเราเที่ยวเล่นกันแถวๆนี้ก็ได้”
อาหงยิ้มแล้วพยักหน้าลง สายตามองไปยังร่างของจี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆ
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ก็ได้ยินข่าวรายงานมาบ้าง รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือลูกของพวกเขา ใบหน้าปรากฏยิ้มที่ดูเมตตาและอ่อนโยน พลางก้มตัวลง
“นี่คุณชายจี้ใช่ไหม? น่ารักจริงๆเหมือนกับที่ข่าวรายงานเลย”
จี้หยู๋ชิงที่ถูกพรรณนาว่าน่ารักนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้เอ่ยพูดออกมา
จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆนั้นกลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแบบที่อยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น
“น่ารักมากจริงๆ”
เพิ่งจะพูดเสร็จนั้น จี้หยู๋ชิงก็จ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ แล้วดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปทางด้านหน้า
“คุณแม่ เราไปข้างหน้ากันเถอะครับ!”
ว่าแล้วก็ทิ้งจี้จิ่งเชินไป
จี้จิ่งเชินมองเบื้องหลังของทั้งสองคน แล้วเอ่ยพูดกับพวกอาหง : “ทุกคนไปทำงานของตัวเองกันเถอะครับ ผมกับเที๋ยนเที๋ยนเดินเล่นกันซักพักก็จะกลับแล้ว”
สามารถรอจนให้ทั้งสองคนนี้กลับขึ้นมาที่เกาะได้อีกครั้ง ก็เป็นสิ่งที่น่าพอใจสำหรับทุกคนแล้ว
และยิ่งไปกว่านั้น พวกเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มาเที่ยวพักผ่อนกัน ไม่สามารถให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันกับตัวเองได้
ตอนนี้บนเกาะพัฒนารายการท่องเที่ยวไปไม่น้อยแล้ว เดินเที่ยวกันหน่อยถึงจะดี
อาหงพยักหน้าลงอย่างดีใจ “ถ้าหากต้องการอะไร สามารถเรียกพวกเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
มองส่งทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว จี้จิ่งเชินถึงได้รีบเดินเร็วๆไปอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน
การเปลี่ยนแปลงบนเกาะนี้เปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแค่ถูกสร้างเป็นถนนสายการค้าเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่อีกจำนวนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าไม่เลวเลยนั้น ล้วนแต่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้กลายเป็นจุดชมวิว
สถานที่หนึ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือเสาเป็ดแมนดารินที่มีชื่อเสียงมากบนเกาะแห่งนี้นั่นเอง
ก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนเคยมาที่นั่น ตอนนี้ภายในถ้ำได้ติดตั้งอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างเอาไว้แล้ว ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินกันได้อย่างอิสระ
อีกทั้งภายใต้แสงไฟที่สะท้อนมานั้น หินงอกหินย้อยและแสงจากน้ำนั้นสาดส่องสะท้อนกัน กลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม สวยจนเกินคำบรรยาย
สวยกว่าเมื่อก่อนที่พวกเวินเที๋ยนเที๋ยนมาเสียอีก ทำให้รู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
ทะลุถ้ำนี้ไป ด้านในสุดก็คือเสาเป็ดแมนดารินที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะแห่งนี้
หินย้อยที่ดูพิเศษนี้ส่วนบนและส่วนล่างปรากฏให้เห็นเป็นสีที่ไม่เหมือนกัน ด้านบนเป็นสีแดง ด้านล่างเป็นสีน้ำตาล สองสีนี้คล้ายกับสีของเป็ดแมนดารินพอดี
และก็มีเพียงแค่คนในประเทศเท่านั้นที่บรรยายหินย้อยแบบนี้เป็นเสาเป็ดแมนดาริน พวกเขาจะชอบให้ความหมายพิเศษกับดอกไม้ นก ปลา แมลง สิ่งต่างๆที่อยู่ในโลกธรรมชาติแบบนี้มาโดยตลอด
และหินย้อยตรงหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ถ้าหากถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วมองไปอีกทางด้านหนึ่ง ลักษณะของหินย้อยชิ้นนี้จะเหมือนกับคนสองคนกำลังกอดกันอยู่ เป็ดแมนดารินคล้องคอ ผสมกลมกลืนกัน
มีเรื่องเล่าขานบนเกาะนี้ว่า เพียงแค่เขียนชื่อของตัวเองลงบนเสาเป็ดแมนดารินนี้ ก็จะสามารถรักกันไปตลอดชีวิต