เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1122 ตอนจบ (2)
ตอนที่พวกเวินเที๋ยนเที๋ยนมานั้น เกาะแห่งนี้ยังไม่ได้มีการถูกพัฒนาขึ้น ชื่อที่อยู่บนหินย้อยนี้ก็มีไม่มาก
ผ่านไปตามการพัฒนาของกิจการการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมาที่นี่นับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ได้ยินเรื่องเล่านี้แล้ว ก็สลักชื่อตัวเองลงด้านบนด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ชื่อด้านบนนั้นก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะสลักกันจนเต็มหมดแล้ว
ที่เกาะแห่งนี้จะมีการบุกเบิกกิจกรรมใหม่ขึ้นในเร็วๆนี้ สามารถสลักป้ายไม้อันเล็กๆ แล้วแขวนเอาไว้ข้างๆ ก็จะมีผลเช่นเดียวกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มตัวลงเล็กน้อย แล้วหาชื่อของตัวเองที่อยู่บนเสาเป็ดแมนดารินอย่างละเอียด
ยังหาไม่เจอเลยนั้น จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“คุณเวิน คุณจี้!”
หงลี่ลี่ได้ยินว่าสองคนนี้จะมา ก็เฝ้ารอมาโดยตลอด
เนื่องจากวันนี้เธอกำลังทำงานอยู่ จึงไม่สามารถมารับพวกเขาได้ทัน ในใจก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาเที่ยวที่เสาเป็ดแมนดารินนี้
หลังจากที่เรียนจบ เธอก็ไม่ได้ออกไปทำงาน แต่กลับมาที่เกาะแห่งนี้ สร้างสรรค์บ้านเกิดของตัวเอง ส่วนที่เธอรับผิดชอบก็คือเสาเป็ดแมนดารินนี้นั่นเอง
เห็นทั้งสองคนพาลูกของพวกเขาเองกลับมาที่นี่ด้วยกันแล้ว ในใจนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจ แล้วรีบเดินเข้ามา
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเธอ ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เอ่ยขึ้นด้วยความเซอร์ไพรส์ : “หงลี่ลี่ ไม่เจอกันตั้งนานเลย”
ท่าทางของเธอนั้นดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาไม่น้อย
หงลี่ลี่ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “พวกคุณกำลังหาอะไรอยู่หรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นมาอย่างอายๆด้วยเช่นกัน : “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนฉันกับจี้จิ่งเชินสลักชื่อของพวกเราเอาไว้ที่นี่ด้วยกัน ทำไมตอนนี้ถึงหาไม่เจอแล้วล่ะ?”
“แน่นอนว่าต้องอยู่สิคะ ชื่อของพวกคุณทั้งสองคนถูกฉันเก็บเอาไว้ให้เป็นพิเศษแล้ว”
ว่าแล้ว เธอก็ดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนให้เดินมาอีกทางด้านหนึ่ง แล้วชี้ไปตรงที่หนึ่งบนเสา
“เนื่องจากว่าพวกคุณมีความหมายพิเศษกับพวกเราทุกคนทั้งเกาะนี้เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นฉันจึงกำหนดเอาไว้ว่ารอบๆชื่อของพวกคุณทั้งสองคนจะไม่ให้สลักชื่อได้ เมื่อมาก็จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปยังทิศทางที่เธอชี้ไป และเป็นอย่างนั้นจริงๆชื่อของทั้งสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ไม่ดูมั่วเหมือนกับของคนอื่นๆ
บริเวณรอบๆชื่อของทั้งสองคนนั้นยังเว้นที่ว่างเอาไว้อีกด้วย เมื่อเดินเข้ามาก็สามารถมองเห็นได้จริงๆ
หงลี่ลี่ยิ้มแล้วเอ่ยพูดไปพลาง : “คนไม่น้อยที่มาแล้วหลังจากที่เห็นชื่อของพวกคุณ ก็จะเขียนชื่อตัวเองเอาไว้ใกล้ๆ ทำให้ความนิยมของเป็ดแมนดารินมากยิ่งขึ้นไปด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองชื่อที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ยิ่งรู้สึกเขินขึ้นมาบ้าง
“นี่คือชื่อที่คุณพ่อกับคุณแม่สลักเอาไว้ด้วยกันใช่ไหมครับ?”
เวลานี้เองจี้หยู่ชิงยื่นหน้าออกมาจากทางด้านหลัง พลางมองด้วยความสงสัย
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง
“นี่คือเสาเป็ดแมนดาริน เป็นสิ่งที่เล่าขานกันของเกาะแห่งนี้ว่าเพียงแค่คนที่รักกันมาสลักชื่อที่ด้านบนด้วยกัน ก็จะสามารถรักกันได้ตลอดไป แม้แต่ชาติหน้าก็จะสามารถได้มาพบกันอีก แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน”
จี้หยู๋ชิงมองด้วยใบหน้าที่รู้สึกอิจฉา อยากจะติดชื่อของตัวเองเอาไว้ด้านบนด้วยเช่นกัน
จี้จิ่งเชินมองเห็นแค่แวบเดียวก็มองออกถึงความคิดที่อยู่ในใจของเขา พลางเอ่ย : “ตรงนี้ให้ลูกสลักชื่อไม่ได้นะ ต้องรอให้ลูกหาภรรยาของตัวเองเจอก่อน แล้วค่อยพาเธอมา”
จี้หยู๋ชิงเบะปาก แล้วส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
“ผมรู้อยู่แล้วครับ!”
“ลี่ลี่!”
และเวลานี้เองที่อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนมอง เห็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วมายืนอยู่ข้างๆหงลี่ลี่
หงลี่ลี่หน้าแดง แล้วแนะนำขึ้นอย่างอายๆ : “นี่คือคู่หมั้นของฉันค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว ใบหน้าก็มีความเซอร์ไพรส์ขึ้นมา
“ยินดีด้วยนะ!”
หงลี่ลี่รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นจี้จิ่งเชินเธอเองก็เคยหวั่นไหวเช่นกัน แต่หลังจากที่เห็นความรักของทั้งสองคนแล้ว ในใจก็เหลือเพียงแค่ความอิจฉา ไม่ได้คิดลมๆแล้งๆอีก
อีกทั้งตอนนี้ เธอเองก็หาความสุขที่เป็นของตัวเองเจอแล้ว เธอยื่นมือออกมาดึงชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเอาไว้
เห็นการเคลื่อนไหวที่ใกล้ชิดกันของทั้งสองคน และแววตาที่ซ่อนความรักของต่ออีกฝ่ายเอาไว้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ : “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอแสดงความยินดีกับพวกเธอก่อนเลยแล้วกันนะ”
หงลี่ลี่หน้าแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ตอนนี้ด้านนอกถ้ำนี้มีเปิดร้านอาหารดีๆเอาไว้หลายร้านเลย ใช้วัตถุดิบพิเศษบนเกาะทำ เป็นที่ได้รับการยกย่องมากเลยนะคะ พวกคุณอยากจะลองไหม?”
พวกเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเล่นกันมาทั้งช่วงเช้าแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทานข้าว ท้องว่างกันตั้งแต่แรกแล้ว
เห็นจี้จิ่งเชินและจี้หยู๋ชิงไม่ได้ปฏิเสธ จึงพยักหน้าลงแล้วเอ่ยขึ้น : “ได้สิ พวกเราไปด้วยกันนะ”
ร้านอาหารที่หงลี่ลี่เปิดนั้นอยู่ข้างๆถ้ำ กิจการดี นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่มาเยือน
เป็นเพราะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น ดังนั้นจึงมีความสดใหม่เป็นอย่างมาก รสชาติเองก็ไม่เลว แม้กระทั่งมีคนที่มาเกาะนี้ก็เพื่ออาหารของเธอโดยเฉพาะอีกด้วย
สองสามคนนั้นนั่งลงแล้ว ก็สั่งอาหารแนะนำของทางร้าน
บริเวณรอบๆมีผู้คนนั่งกันเต็มไปหมดแบบนี้ กิจการนับว่าไม่เลวเลย
ไม่นาน อาหารที่เพิ่งจะออกมาจากหม้อนั้นก็ถูกส่งมา
“ลองชิมดูนะคะ นี่เป็นอาหารที่ฉันถนัดที่สุดเลย”
หมูสามชั้นน้ำแดงกลิ่นหอมโชยวางลงตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน รสชาติเลี่ยนๆส่งผ่านเข้ามายังจมูก
เธอหยิบตะเกียบขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ชิมเลยนั้น จู่ๆก็ขมวดคิ้วขึ้น ท้องไส้รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา
กลิ่นนี้ จู่ๆก็รู้สึกไม่ชอบขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เธอรีบหมุนตัวออก หันกลับไปอีกทางด้านหนึ่ง ปิดจมูกเอาไว้ อยากจะปิดกลั้นกลิ่นนี้เอาไว้ สีหน้าซีดเผือดขึ้นมาเล็กน้อย
เห็นท่าทางเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็เปลี่ยนไปในทันที รีบลุกขึ้นยืน
“เป็นอะไรไปครับ?” น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินนั้นแสดงความเป็นกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด “รู้สึกไม่สบายใจอีกแล้วใช่ไหมครับ?”
เขาพาเวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้น หันกลับจะเดินออกไป ตัวเขานั้นดูเครียดเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ พลางเอ่ย : “ไม่ได้รู้สึกแย่มากหรอกค่ะ เพียงแค่รู้สึกคลื่นไส้ ไม่ต้องเครียดนะคะ”
“กลับไปตรวจก่อนดีกว่าครับ”
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินดูเน้นย้ำพลางเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด : “ก่อนหน้านี้คุณรับปากผมเอาไว้แล้ว ว่าหากร่างกายเกิดอาการอะไรขึ้นมา ก็จะฟังผมแล้วกลับไปพักผ่อนไงครับ”
“แต่ว่า…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังรู้สึกลังเลอยู่บ้าง วันนี้ได้มาเที่ยวจนรู้สึกมีความสุขขนาดนี้ ยังมีอีกหลายที่ที่เธอยังไม่ได้ไปเลย
แต่เห็นแววตาที่ไม่สามารถขัดได้ของจี้จิ่งเชินแล้ว จึงทำได้เพียงพยักหน้าลง
“ก็ได้ค่ะ”
และเวลานี้เอง หงลี่ลี่กลับมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย พลางเอ่ยถาม : “คุณเวิน คุณได้กลิ่นเลี่ยนๆ ถึงได้รู้สึกสะอิดสะเอียดอยากจะอาเจียนใช่ไหมคะ? ก่อนหน้านี้มีอาการคล้ายๆกันแบบนี้บ้างหรือเปล่าคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกย้อนกลับไป
“เมื่อคืนตอนที่ทานข้าว ก็มีอาการคล้ายๆกันแบบนี้ แต่ไม่หนัก ร่างกายก็รู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง แต่ก็ฟื้นฟูได้เร็วนะ”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว สีหน้าก็ยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก
“เมื่อคืนทานแล้ว? ทำไมไม่บอกผม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดเบาๆ : “ฉันกลัวพี่เป็นกังวลนี่คะ”
หงลี่ลี่มองเธออย่างละเอียด พิจารณาแล้ว จู่ๆก็ยิ้มออกมา
เห็นท่าทางที่ดูตื่นเต้นของจี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิงแล้ว จึงรีบเอ่ยพูดขึ้น : “ฉันคิดว่าพวกคุณไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเลยนะคะ”
ทั้งสามคนมองมาด้วยความสงสัย หงลี่ลี่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากเดาไม่ผิด คุณเวินอาจจะกำลังตั้งครรภ์แล้วล่ะค่ะ”
ตั้งครรภ์?
สองสามคนนั้นเบิกตาขึ้น มองมาด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
หงลี่ลี่เอ่ยขึ้น : “ก่อนหน้านี้คุณมีการคาดการณ์แบบนี้ไว้ไหมคะ?”
“จริงๆแล้วก็เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้อยู่เหมือนกัน แต่อาการไม่เหมือนกับตอนที่ฉันท้องครั้งแรกเลย……”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ” หงลี่ลี่กล่าว : “ถ้าไม่อย่างนั้นก็ตรวจที่เกาะนี่ก่อนแล้วค่อยกลับไป ดีไหมคะ?”
ตอนที่เกาะนี้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ที่นี่ก็ได้สร้างโรงพยาบาลขึ้นแล้ว
ถึงแม้อุปกรณ์จะเทียบไม่ได้กับโรงพยาบาลในเครือของตระกูลเวิน แต่ถ้าหากเป็นเพียงแค่ตรวจเช็คร่างกายนั้น ก็เหลือเฟือแล้ว
เพิ่งจะสิ้นคำพูดนี้ จี้จิ่งเชินก็ก้มตัวลง แล้วอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา แล้วสาวเท้าเดินออกไปยังทันนอก