เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 522 ของปลอม
บทที่ 522 ของปลอม
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวแล้วก็พูดต่ออีกว่า: “แจกันใบนี้ใช้เทคนิคการทำแบบโบราณ แต่ก็น่าจะยืมออกมาจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติจริงๆ แต่ว่า น่าจะเป็นแจกันที่นักบูรพาวัตถุโบราณและนักวิจัยวัตถุโบราณร่วมมือกันทำออกมา”
ในขณะที่พูด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันไปมองพิธีกร และถามว่า: “ฉันพูดถูกต้องไหม?”
พิธีกรอึ้งไปสักพัก แล้วเห็นสายตาของทุกคนต่างมองมาที่ตัวเอง จึงหัวเราะขึ้นมา
“คุณเวินพูดถูกครับ แจกันใบนี้เป็นของปลอม”
เพิ่งจะพูดขึ้นมา ก็มีเสียงพูดคุยกันดังไปทั่ว
“จะเป็นไปได้ไง?”
หลีเจียเวยลุกขึ้นมาทันที สองมือทุกไปบนโต๊ะ
“คุณโกหก! เมื่อกี้คุณบอกว่า นี่คือของล้ำค่าที่ยืมออกมาจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ เป็นของจริง!”
พิธีกรส่ายหัวและพูดอย่างอึดอัดว่า: “คุณหลีครับ ท่านไม่ได้ฟังคำพูดของผมให้ชัดเจนเลย ผมแค่พูดว่า แจกันใบนี้ยืมออกมาจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติก็จริง แต่ไม่เคยพูดเลยว่ามันคือของจริงหรือเป็นของล้ำค่า”
“ที่จริงแล้ว แจกันใบนี้เป็นของที่ระลึกที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติมอบให้บุคคลสำคัญของแต่ละประเทศในห้าปีที่แล้วนั่นเอง แล้วก็เป็นผลงานที่นักบูรพาวัตถุโบราณหลายๆท่านร่วมกันปั้นขึ้นมาจริงๆ แจกันเคลือบสีแดงของจริงนั้นเป็นวัตถุโบราณที่มีคุณค่าลำดับต้นๆของประเทศ ไม่มีทางที่จะยืมให้รายการเราหรอกครับ”
หลีเจียเวยได้ยินแล้ว สีหน้าซีดเซียวขึ้นมาทันที
“เป็นไปได้ยังไง?”
เธอวิ่งเข้าไปหยิบแจกันใบนั้นขึ้นมา ก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆและดูอย่างละเอียด
เห็นรอยตำหนิเล็กๆที่อยู่ด้านล่างของข้างใน เป็นของปลอม… …
เธอรู้สึกโมโหจนกัดฟันตนเองไว้แน่น ตอนนั้นเธอมองแค่แป๊บเดียว ก็รู้สึกมั่นใจเต็มที่ ไม่ได้ตรวจสอบดูมากกว่านั้น จึงมองไม่เห็นปัญหาในนั้น
หลีเจียเวยกำมือไว้แน่นๆและรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
อีกทั้งยังโต้เถียงโดยไม่มีเหตุผล: “นี่เป็นการทดสอบประวัติความเป็นมาของวัตถุโบราณ ทำไมต้องใช้แจกันปลอมล่ะ? ทั้งๆที่ฉันเป็นคนชนะแล้ว!”
พิธีกรได้ยินแล้วถึงกับส่ายหัว
“คุณหลีครับ คุณฟังผิดอีกแล้วนะครับ ก่อนจะเริ่มการแข่งขัน ผมไม่เคยพูดเลย ว่าการแข่งขันรอบนี้จะแข่งเฉพาะประวัติและความเป็นมา ที่จริงแล้ว การแข่งขันรอบนี้จะแข่งความสามารถในการประเมินวัตถุ นี่เป็นเพราะผู้จัดการต้องการประหยัดเวลา จึงรวบรวมการแข่งขันสองรอบแรกไว้ด้วยกัน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่แจ้งฉัน? กลับทำให้มันดูพิลึก! เป็นความผิดของผู้จัดทั้งหมด!”
หลีเจียเวยไม่ยอมหยุด ตามตอแยตลอดเวลาและยังโยนความผิดทั้งหมดให้ทีมงานผู้จัดการแข่งขัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับขมวดคิ้ว ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากพูด
“การประเมินวัตถุเป็นของจริงหรือของปลอม เป็นความรู้เบื้องต้นของนักบูรพาวัตถุโบราณอยู่แล้ว ถ้าเห็นวัตถุนั้นๆแล้วก็คิดอยากจะเป็นเจ้าของ รู้ว่ามันเป็นของล้ำค่าหรือเป็นของปลอม มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะนำมาฟื้นฟูและบำรุงวัตถุชิ้นนั้น”
คำพูดทั้งหมดของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทำให้คนที่อยู่ในงานการแข่งขันนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
มีคนบางส่วนไม่น้อยที่มีความคิดดื้อดึง คิดว่าของที่เอามาจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ ต้องเป็นของแท้แน่นอน
แต่ใครจะรู้ว่า ก็เพราะความคิดแบบนี้แหละที่ทำลายพวกเขา
เงินที่กดออกมาจากตู้เอทีเอ็มก็ยังเป็นไปได้ที่จะเป็นเงินปลอม ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือวัตถุโบราณที่ล้ำค่า
การสะสมวัตถุโบราณก็คือการพนัน จำเป็นต้องระวังอยู่แล้ว ถ้าแพ้แล้ว ก็อาจจะต้องเสียทรัพย์สมบัติไปจนหมดสิ้น
ท่านผู้ชมต่างก็รู้สึกสับสนวุ่นวายขึ้นมาและหันไปมองทางเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหลีเจียเวย แววตาก็เปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ในสายตาของพวกเขา ตัวเองผิดก็แล้วไป แต่ทำไมนักบูรพาวัตถุโบราณอย่างหลีเจียเวยยังผิดพลาดได้?
ของก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ทั้งๆที่สามารถตรวจดูได้อย่างละเอียด ยังผิดพลาดได้ คนเช่นนี้จะวางใจได้หรือ?
แล้วให้พวกเขาประเมินวัตถุโบราณได้เหรอ?
สีหน้าของหลีเจียเวยดูไม่ค่อยดีนัก
คิดไม่ถึงว่า ตนเองกลับแพ้ในสถานการณ์แบบนี้!
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แล้วกัดฟันพูด: “เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วแน่ๆ! ช่วงก่อนเธอก็อยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ แจกันแบบนี้เธอต้องเคยเห็นอย่างแน่นอน ก็ต้องรู้ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม”
“คุณผิดแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอธิบาย: “หลายวันก่อนฉันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติก็จริง แต่อยู่เฉพาะเขตฟื้นฟูและซ่อมแซมวัตถุโบราณเท่านั้น สถานที่อื่นไม่เคยไปเลย”
“ยิ่งกว่านั้นคือ นี่คือวัตถุล้ำค่าของประเทศชาติ คนธรรมดาไม่มีทางได้เห็นแน่นอน รวมทั้งของที่ระลึกที่ทำออกมาพวกนั้น ได้ถูกส่งมาตั้งนานแล้ว ฉันจะเห็นได้ยังไง? สิ่งที่ฉันพูดมาพวกนี้สามารถให้อาจารย์ทั้งหลายมาเป็นพยานให้ฉันได้”
พิธีกรได้ยินดังนั้น หันมามองอย่างแปลกใจ
“คุณรู้ประวัติความเป็นมาของแจกันพวกนี้ได้ยังไง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มๆนิดๆ
“ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นฉันไม่เคยทำงานที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติมาก่อน แต่ก็คอยติดตามข่าวคราวของพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติมาตลอด เมื่อห้าปีก่อนตอนที่มอบแจกันที่ระลึกพวกนี้ในตอนนั้น ฉันก็รู้แล้ว วันนี้ได้เห็นแล้ว จึงเข้าใจว่า นี่เป็นผลงานเครื่องเคลือบลายครามดีเด่นของท่านเปิงเชียวนะ ถึงแม้ว่าจะเป็นของก๊อปปี้ แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ดีมากชิ้นหนึ่ง
ถูกต้อง ตอนที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติมอบแจกันขวดปากตรงเคลือบสีแดงให้แก่บุคคลสำคัญของแต่ละประเทศนั้น ก็คือผลงานของท่านเปิงทำกับมือด้วยตนเอง
ถือได้ว่าเป็นของที่ดีที่สุด
หลีเจียเวยได้ยินดังนั้นแล้ว กลับยิ่งไม่พอใจกว่าเดิม
สายตาที่ผู้คนที่อยู่รอบๆมองดูบนตัวเธอ ทำให้เธอโมโหเป็นอย่างมาก
ครั้งนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็แค่โชคดีเท่านั้น รอบต่อไป เธอต้องชนะอย่างแน่นอน!
เธอหันไปมองพิธีกร
“เริ่มรอบต่อไปได้เลยค่ะ! ครั้งนี้ฉันต้องชนะแน่นอน!”
เธอกัดฟันอย่างดุดัน สีหน้าดุร้าย ทำให้พิธีกรตกใจมาก จึงรีบพยักหน้า
“ครับ รอบต่อไปบททดสอบของเราก็คือเทคนิคของการบูรณะซ่อมแซม ทุกคนต่างก็รู้ดี การซ่อมแซมต้องใช้เวลาที่นานและใช้พลังงานเยอะ เพราะวันนี้มีเวลาจำกัด เราได้หาวัตถุที่มีตำหนิมาหลายชิ้น ในขณะที่แข่งขัน ทั้งสองท่านสามารถทำการซ่อมแซม ใครที่มีความสามารถและมีเทคนิคดีกว่า ใครคนนั้นเป็นผู้ชนะ”
“รอบนี้ เราได้เรียนเชิญนักสะสมวัตถุโบราณในวงการที่มีชื่อเสียงมาเป็นคณะกรรมการตัดสินด้วย!”
พูดจบ ทันใดนั้นกล้องก็ส่องไปบนตัวของคณะกรรมการที่นั่งอยู่แถวที่นั่งของกรรมการ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปดู ก็มองเห็นท่านจางก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
และคนอื่นๆที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็เคยได้ยินมาก่อน ต่างก็เป็นนักสะสมวัตถุโบราณในวงการที่มีชื่อเสียงมาก
ท่านจางมองเห็นแววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงกระพริบตาให้เธอ
ก่อนหน้านั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ไม่รู้ ว่าท่านจางจะมาร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย อีกทั้งยังมาด้วยฐานะการเป็นคณะกรรมการอีกด้วย
ส่วนอีกข้างหนึ่ง หลังจากที่หลีเจียเวยเพิ่งจะผ่านความพ่ายแพ้ไป แทบอดใจไม่ไหวที่อยากจะเอาชนะเวินเที๋ยนเที๋ยนในการแข่งขันรอบนี้ เพื่อที่จะกู้คืนหน้าของตนเองกลับมา
สิ่งที่ไม่เหมือนกันในรอบนี้คือ วัตถุโบราณที่ส่งขึ้นมาในครั้งนี้เยอะมาก
แจกันประดับอันใหญ่สูงประมาณครึ่งเมตร อันเล็กก็เล็กเท่าลูกท้อ มีเกือบทุกอย่าง แต่ทั้งหมดก็มีคุณสมบัติพิเศษที่เหมือนกัน ก็คือมีรอยตำหนิ
เวินเที๋ยนเที๋ยนและหลีเจียเวยสามารถเข้าไปเลือกได้ เลือกสิ่งที่พวกเธออยากจะซ่อมแซมมากที่สุด
ของเพิ่งจะนำขึ้นมาวาง หลีเจียเวยก็รีบร้อนเดินเข้าไป
การแข่งขันรอบที่สอง ก็ยังมีทางลัดเหมือนกัน
วัตถุโบราณเยอะมากขนาดนี้ต่างก็มีตำหนิ บางชิ้นแค่มีรอยแตก บางชิ้นจะหักไปหนึ่งส่วน
รอบแตกยิ่งเล็ก ก็ยิ่งซ่อมแซมง่าย เวลาที่ใช้ก็ยิ่งสั้น
คนที่ทำการซ่อมแซมคนแรก แน่นอนว่าจะดึงดูดความสนใจจากทุกคน ยิ่งกว่านั้นคือ เวลาซ่อมแซมยังถูกจำกัดด้วย
ส่วนวัตถุที่เลือกซ่อมแซม ก็จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก