เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 524 สร้อยที่ถูกที่สุด
บทที่ 524 สร้อยที่ถูกที่สุด
คนที่อยู่ในงานต่างก็ไม่เข้าใจ ว่าในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนคิดอย่างไร ต่างก็คิดว่าเธอบ้าไปแล้ว
แต่ว่าจี้จิ่งเชินนั้นเข้าใจอย่างชัดเจน
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบสร้อยนั้นขึ้นมา ในใจของเขาก็เดาออกแล้ว
ก็เพราะสร้อยเส้นนั้น มันคล้ายๆกับสร้อยที่เขามอบให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
ก็เพราะเช่นนี้ เธอจึงเลือกที่จะซ่อมแซมสร้อยเส้นนั้นมั้ง?
เวลาผ่านไปทีละวิ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังไม่เงยหน้าขึ้น สายตาตั้งมั่นอยู่ที่สร้อยนั้น เหมือนกับว่าเสียงที่วุ่นวายภายนอกและการวิพากษ์วิจารณ์ไม่มีผลกระทบต่อสายตาที่กำลังตั้งใจอย่างมุ่งมั่นเลยสักนิดเดียว
เวลาที่เหลือกำลังค่อยๆลดลงทีละนิด
หลังจากที่หลีเจียเวยได้คำเชยชมจากอาจารย์ทั้งหลาย ก็กลับไปนั่งที่เดิมของตนเอง
เพิ่งจะนั่งลง อาจารย์ฟ่านที่อยู่ข้างๆก็ถามว่า: “เป็นไงบ้าง? มั่นใจไหม?”
“มั่นใจอยู่แล้วค่ะ!”
หลีเจียเวยเงยหน้าขึ้น สีหน้ามั่นใจและกล่าว: “ท่านไม่เห็นเหรอ เวินเที๋ยนเที๋ยนเลือกของอะไร? เธอคิดว่าตนเองอะไรก็เก่งไปหมดเหรอ? อยากจะซ่อมแซมอะไรก็ซ่อม? เดี๋ยวก็เป็นเวลาที่เธอเสียหน้าแล้วล่ะ”
พูดไป เธอก็มองไปที่สร้อยเส้นนั้นที่อยู่บนมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน ด้วยแววตาไม่แยแส
“สร้อยแบบนั้น ถึงแม้จะขาดไปแล้ว จะมีใครที่ยังอยากจะสนใจ? ค่าซ่อมแซมวัตถุโบราณราคาสูง จะซ่อมแซมสร้อยเช่นนี้ คุณค่าและเวลาที่ใช้กับแรงงานมันไม่สมดุลกันเลย อีกทั้งค่าซ่อมแซมก็ยังสูงกว่าคุณค่าราคาของสร้อยนั้นเป็นสิบเท่าร้อยเท่า ใครจะโง่ขนาดนี้ เลือกซ่อมแซมของแบบนี้?”
“สาวน้อย มันไม่แน่นอนนะ”
เธอเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงที่แก่ๆหน่อยดังมาจากด้านหลัง
หลีเจียเวยหันหลังไป เห็นคนแก่ๆผมขาวๆยืนอยู่ด้านหลังของตนเอง
เขาใส่ชุดสูทสีเทาทั้งชุด สวมหมวกคาวบอย แต่งตัวได้ดูดีมาก บนมือถือไม้เท้า กำลังมองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“สาวน้อย การเปรียบเทียบคุณค่าของสิ่งของ ที่สำคัญคือคุณค่าที่อยู่เบื้องหลังของมัน”
หลีเจียเวยเห็นเขาแล้ว กลับขมวดคิ้วขึ้นมา
ที่นี่เป็นด้านข้างของเวที มีแต่พนักงานและแขกรับเชิญพิเศษถึงจะเข้ามาได้ ผู้เฒ่าคนนี้เข้ามาในนี้ได้ยังไง?
แต่ว่าเขาใส่ชุดนักวิจัย ไม่น่าจะใช่คนที่บุกเข้ามาง่ายๆ
แต่ว่าเมื่อสักครู่ที่คุณพูด เขาว่าตนเองไม่ใช่เหรอ?
หลีเจียเวยคิดแล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ใครให้คูณพูด? ไม่รู้ว่าคนอื่นกำลังพูดอยู่อย่าแทรกเข้ามาพูดเหรอ?”
ผู้เฒ่าคนนั้นตะลึงไปสักพัก คิดไม่ถึงว่าเธอจะอารมณ์ร้อนขนาดนี้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษนิดๆ “ผมแค่เข้ามาดูรายการแข่งขันเท่านั้น”
หลีเจียเวยขมวดคิ้ว พูดอย่างได้ใจ: “ขวดดมกลิ่นที่ฉันซ่อมแซมเมื่อสักครู่นี้มีค่าถึงสามสิบล้าน สร้อยที่เวินเที๋ยนเที๋ยนซ่อมเส้นนั้นมีค่าแค่เท่าไหร่?”
“สองร้อย” นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าคนนั้นกลับเอ่ยปากตอบเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มๆ
“ใครให้คุณพูด?”
หลีเจียเวยยิ่งไม่พอใจกว่าเดิม เห็นคนแก่ที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้ไม่ใช่คนธรรมดา รู้สึกว่าตนเองเคยเห็นเมื่อก่อนที่ไหน แต่กลับคิดไม่ออก
“คุณจะไปรู้อะไร? แน่นอนว่าสำหรับคนอย่างคุณ ของที่มีค่าถึงสามสิบล้านคงจะซื้อไม่ไหว ได้แต่เอาสร้อยที่มีค่าแค่สองร้อยมาเป็นของมีล้ำค่า ซ่อมแซมสร้อยเส้นหนึ่งต้องเกินสองแสน ใครจะซ่อม?”
“ต้องมีคนที่ต้องการซ่อม” คนแก่พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หลังจากนั้น มองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังซ่อมสร้อยคออยู่บนเวทีในตอนนี้ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งตั้งใจทำสุดความสามารถ จนถึงนาทีสุดท้าย ในที่สุดก็ทำเสร็จขั้นตอนสุดท้าย
“ฉันทำเสร็จแล้ว”
เธอกดกระดิ่งบนโต๊ะ ทุกคนที่อยู่ในห้องส่งถูกดึงกลับมาอีกครั้ง อยากจะดูว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนสามารถทำออกมาได้สวยงามเหมือนหลีเจียเวยหรือเปล่า
แต่ว่าเห็นสร้อยที่ครึ่งเก่าครึ่งใหม่เส้นนั้นที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ก็หมดอารมณ์ไปทันที
ให้พวกเขาดูของมีค่าเป็นล้านหรือสิบล้านก็ยังดีหน่อย แต่นี่แค่ของที่วางขายข้างทางไม่กี่ร้อย จะมีใครชอบ?
ซ่อมแซมของแบบนี้ มันเสียเวลาเกินไปไหม
ทุกคนต่างหมดอารมณ์ แม้แต่พิธีกรยังไม่รู้จะทำยังไงดี
เขายิ้มๆทำอะไรไม่ถูก พยายามคิด คิดว่าควรใช้คำพูดอะไร ถึงจะทำให้ของข้างทางที่มีค่าสองร้อยที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นสร้อยที่ล้ำค่า
แต่คิดอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน ก็ไม่มีวิธีใดๆเลย
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับพอใจในสร้อยเส้นนี้มาก หยิบมันใส่ไว้บนพานอย่างระมัดระวัง
พิธีกรได้แต่พูดเฉยๆว่า: “งั้นก็เรียนเชิญท่านคณะกรรมการทุกท่านประเมินดูเลยครับ”
สร้อยถูกส่งไปวางไว้บนโต๊ะคณะกรรมการ กรรมการหลายๆท่านต่างขมวดคิ้ว
ปกติพวกเขาได้สัมผัสแต่ของมีค่าเป็นล้านสิบล้านขึ้นไป ตอนนี้เอาแค่สร้อยที่วางขายข้างทางมาให้ประเมิน พวกเขาดูยังไม่อยากดูเลย แค่มองดูผ่านๆผิวเผิน
“ก็ดี ไม่เลวนิ”
“ธรรมดา”
มีแต่ท่านจางที่หยิบมันขึ้นมา แล้ววางไว้บนฝ่ามือ ตรวจดูอย่างละเอียด
มองดูสักพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็ลืมตาโตๆ พูดด้วยความตะลึงว่า: “นี่… …นี่มันสวยสมบูรณ์มากจริงๆ……”
เขาอุทานออกมาหนึ่งคำ ทันใดนั้นก็ดึงดูดความสนใจของกรรมการท่านอื่นที่อยู่ข้างๆ
ท่านจางกำลังแยกแยะดูอย่างละเอียด
เมื่อก่อนเขาก็เคยเห็นฝีมือการซ่อมแซมของเวินเที๋ยนเที๋ยน เมื่อก่อนก็เคยให้เธอซ่อมแซมของเก่าไม่น้อย แต่กลับได้เห็นเธอซ่อมแซมได้สวยสมบูรณ์แบบนี้ครั้งแรก
สร้อยที่ขาดออกเป็นสามท่อน เกือบจะดูไม่ได้เลย แต่ตอนนี้กลับถูกซ่อมแซมหมดแล้ว
รอยแตกที่อยู่บนจี้และตรงที่มีรอยบุบ ถูกบูรณะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมหมด มองดูแล้วเหมือนจะเป็นสร้อยเส้นใหม่จริงๆ ยังมีความเงางามอีกด้วย
หลังจากสร้อยถูกซ่อมแซมแล้ว เทียบกับเมื่อสักครู่นี้ มันต่างกันจนเป็นคนละแบบไปเลย
“นึกไม่ถึงว่าซ่อมแล้วจะสวยได้ขนาดนี้… …” ท่านจางอุทานอย่างน่าตะลึง
สร้อยทั้งเส้นเป็นศิลปะแบบเก่าโบราณ เป็นของที่สืบทอดมาประมาณร้อยปีก่อน
ถึงแม้จะเรียกไม่ได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่า แต่ก็สวยมาก
ได้ยินท่านจางให้การประเมินที่สูงขนาดนี้ นักสะสมท่านอื่นๆก็อดใจไม่ไหวต้องมาดู หรี่ตาลงเล็กๆ ดูสร้อยเส้นนั้นที่อยู่บนมือของเขาอย่างละเอียด
ซ่อมได้สวยสมบูรณ์ก็จริง เพียงแต่… …
มีคนหนึ่งก็ยังพูดแบบไม่พอใจว่า: “สร้อยเส้นนี้ราคาถูกเกินไป แต่ซ่อมแซมขึ้นมาก็ง่าย แน่นอน……”
“คุณรู้อะไร!”
ยังพูดไม่ทันจบ ตรงที่นั่งของท่านผู้ชมได้มีเสียงโมโหตะโกนมา
ทุกคนทั้งหลายได้ยินแล้วกันไป เห็นแต่อาจารย์นักบูรพาวัตถุโบราณของพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ ต่างก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย แค่แต่งตัวเรียบง่าย หลบอยู่ในหมู่ผู้คน พวกเขาไม่ถูกสังเกตเห็นเลย
ตอนนี้เอ่ยปากขึ้นมาปั๊บ จึงถูกเปิดเผยในสายตาของทุกคน!
คนเหล่านี้ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเคยอยู่ในรายการระดับชาติและสารคดี ฝีมือในการซ่อมแซมวัตถุโบราณเก่งมาก หายากยิ่งนัก
เพิ่งจะมองไป ก็เห็นอาจารย์ท่านนั้นที่เอ่ยปากพูดเมื่อสักครู่นี้ที่โมโหจนลุกขึ้นยืน เดินตรงขึ้นไปบนเวทีอย่างมุ่งมั่นและดุดัน
เขาดูสร้อยเส้นนั้นอย่างละเอียด จากนั้นก็ลูบๆหนวดเครา ยิ่งไม่พอใจอย่างมาก
“คนนอกวงการอย่างพวกคุณจะรู้อะไร? สร้อยเส้นนี้เป็นสมบัติที่สะสมและสืบทอดมานานเมื่อร้อยปีก่อน อีกทั้งเพราะว่าราคาต่ำ วัสดุจึงไม่ค่อยแพงมากนัก”
“แต่ก็เพราะเช่นนี้ ทำให้การซ่อมแซมยากยิ่งขึ้น! วัตถุดิบของสร้อยอ่อนกว่าเครื่องเคลือบทุกชนิด ซ่อมแซมก็ต้องระมัดระวังมากกว่า ถ้าไม่ใช่นักบูรพาที่มีฝีมือขั้นสูง ไม่มีทางทำได้แน่นอน ถ้าไม่เชื่อพวกคุณหาคนไปลองดู?”