เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 553 เรียกร้องเงินค่าตอบแทน
เรียกร้องเงินค่าตอบแทน
หมินอันเกอเดินออกจากบ้านพักที่หลวนจื่อและเคอเหยียนรุ่ยอาศัยอยู่อย่างโซซัดโซเซ แต่เขาไม่ได้กลับไปที่บริษัท แต่กลับไปร้านบาร์ข้างทาง
ในเวลานี้ก็ค่ำแล้ว ร้านบาร์ยังไม่เปิดร้านเลย แต่หมินอันเกอไม่สนใจและเปิดประตูบุกเข้าไป
แสงไฟมืดสลัว เจ้าของร้านดูไม่ออกว่าเขาเป็นใคร ตอนแรกคิดอยากจะไปห้าม แต่กลับถูกผลักตัวออก
เห็นท่าทางของหมินอันเกอไม่ค่อยปกติ เจ้าของร้านก็ไม่กล้าหาเรื่อง จึงยอมให้เขาเข้ามา
หมินอันเกอหาที่นั่งที่อยู่ในมุมๆหนึ่ง ไม่พูดไม่จา ได้แต่ดื่มเหล้า
ตั้งแต่ยามเย็นจนถึงดึก ร้านบาร์เริ่มเปิดให้บริการ รอบๆเริ่มครึกครื้นขึ้นมาเรื่อยๆ แต่หมินอันเกอกลับจมปลักอยู่กับโลกของตนเอง ได้แต่ก้มหน้าดื่มเหล้า
ขวดเหล้าบนโต๊ะกองเต็มจนสูงเท่าภูเขาแล้ว มีผู้หญิงหลายคนอยากจะเข้าไปคุยด้วย แต่พอเข้าไปก็ได้กลิ่นเหล้าบนตัวของเขา ก็กลัวและถอยหลังกลับไป
“หมินอันเกอ? นี่คือหมินอันเกอไม่ใช่เหรอ?” มีเสียงคนพูดดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังอื้อหู
หมินอันเกอเงยหน้าขึ้นมา แอลกอฮอล์ทำให้เขามีท่าทางที่เชื่องช้า แม้แต่ภาพที่มองอยู่ก็ยังเบลอๆ
เขาขมวดคิ้วขึ้น พยายามมองให้ชัดเจน มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อแจ็คเก็ตกำลังก้มเอวและเข้ามาใกล้ๆอย่างระมัดระวัง
บนมือของอีกฝ่ายถือกล้องถ่ายรูปอยู่ ดูชุดที่ใส่ เหมือนจะเป็นนักข่าว
หมินอันเกอไม่สนใจเขา จากนั้นยกแก้วเหล้าแก้วสุดท้ายขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว เตรียมจะให้เจ้าของร้านเอามาอีกหน่อย
แต่ว่านักข่าวคนนั้นรู้จักเขา จึงรีบๆเดินเข้ามา
“ใช่หมินอันเกอจริงๆ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
ได้กลิ่นเหล้าที่เข้มข้นมาก เขาหันหน้าไปมองขวดเหล้าที่วางอยู่เต็มโต๊ะ นึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับหมินอันเกอที่ผ่านมา จึงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที
ดาราที่มีชื่อเสียงอย่างหมินอันเกอกำลังเมาเหล้าอยู่ในร้านบาร์? ถ้าสามารถถามอะไรได้อีกหน่อย หลังจากนี้ยอดขายนิตยสารก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาเข้าไปนั่งข้างๆหมินอันเกอ
“หมินอันเกอ คุณกับหลวนจื่อตกลงเป็นอะไรกัน? เธอท้องเพราะว่า…..”
ยังไม่ทันพูดจบ หมินอันเกอที่ตอนแรกไม่พูดไม่จา เงยหน้าขึ้นมาทันที มองหน้าเขาด้วยแววตาดุร้ายเยือกเย็น
“ออกไป!”
นักข่าวคนนั้นตกใจจนตัวสั่น
ปกติเวลาที่หมินอันเกอให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเจอเรื่องที่แย่มากขนาดไหน ก็เป็นคนที่อ่อนโยนเรียบร้อยมีมารยาท ไม่เคยโมโห
ตอนนี้เอ่ยปากตะโกนด่าคนได้ ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่ามันต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
“เด็กในท้องของหลวนจื่อใช่ของ……”
“ผมบอกให้คุณออกไป!”
น้ำเสียงของหมินอันเกอสูงขึ้นมาอีกนิด ยื่นมือไปดึงเสื้อของนักข่าวคนนั้นเข้ามาตรงหน้าของตนเอง
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ? บอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้! ออกไปจากสายตาของผม!”
นักข่าวดิ้นรนไปสักพัก แต่ไม่สามารถหลุดออกจากมือของหมินอันเกอได้
เห็นหมินอันเกอสีหน้าดุร้าย ลูกตาแดงก่ำ เห็นทีน่าจะโกรธจริงๆ
“คุณ คุณกล้าตีคนเหรอ?” เขาพยายามจะกระชากตัวออกมาและพูดว่า: “ถ้าคุณกล้าลงมือ พรุ่งนี้ผมจะเอาคุณขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง เชื่อไม่เชื่อ? คุณลงมือดูสิ! ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง หมินอันเกอลงมือชกต่อยคนกลางผับ ดูซิว่าแฟนคลับจะช่วยแก้ข่าวให้คุณยังไง”
“สัมภาษณ์คุณก็เพราะให้เกียรติคุณ ถ้าคุณกล้าต่อย ผมจะ……”
ปั้ง!
ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ หมัดของหมินอันเกอก็ชกออกไปที่หน้าของนักข่าว
เสียงดังปั้ง นักข่าวล้มลงไปที่พื้น
เขายังไม่กล้าเชื่อว่าหมินอันเกอจะกล้าต่อยคนที่นี่จริงๆ เขาเช็ดๆหน้าตนเอง พูดด้วยความโกรธ: “คุณต่อยผม? ผมจะเขียนข่าว ให้ทุกคนรู้ว่าคุณ…..”
กำลังด่าอยู่ หมินอันเกอกลับไม่คิดจะปล่อยเขาเพียงแค่นี้ พุ่งเข้าไปอีกครั้ง
ชกเข้าไปที่ตัวของนักข่าวอีกครั้งอย่างจัง
นักข่าวถูกชกจนร้องโอ้ยๆ แต่หมินอันเกอเหมือนไม่ได้ยินเสียงร้องเลยสักนิด ต่อยอย่างไม่ยั้ง
นักข่าวก็รู้สึกได้ ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง ก็ไม่ทำให้หมินอันเกอกลัว จึงยอมขอร้องเขา
ถึงแม้จะทำเช่นนี้ หมินอันเกอก็ไม่ยอมหยุด
หลายๆคนก็ได้ยินเสียงทางนี้ จึงล้อมเข้ามาดู
เห็นสีหน้าท่าทางที่ดุร้ายของหมินอันเกอ ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม ได้แต่มองดูอยู่ไกลๆ
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดหมินอันเกอก็หยุดสักที
เขาหายใจอย่างแรง มองหน้าคนที่อยู่บนพื้นอย่างดุร้าย
“ไป!”
นักข่าวลุกขึ้นมาอย่างซมซาน หน้าเขียวช้ำไปหมด
เขาวิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนก จนออกไปไกลๆแล้ว ยังรู้สึกไม่พอใจ: “นายรอดูละกัน! พรุ่งนี้ฉันจะเขียนข่าวโจมตีนายให้ตายไปข้าง!”
แต่หมินอันเกอไม่สนใจและไม่ตอบโต้อะไร กลับบอกให้เจ้าของร้านเอาเหล้ามาอีก จากนั้นก็นั่งดื่มเหล้าต่อตรงมุมเดิม
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้รับสายโทรศัพท์ที่ร้านบาร์โทรมานั้น ก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว เธอยังคิดว่าเขาโทรผิดเบอร์สักอีก
“เพื่อนของคุณเมาเหล้าที่ร้านบาร์ครับ มารับเขาหน่อยได้ไหม? เรากำลังจะปิดร้านแล้ว”
“ร้านบาร์”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูหน้าจอมือถือ เห็นเป็นชื่อ”หมินอันเกอ” ตื่นขึ้นมาทันที
“เขาอยู่ร้านบาร์?”
“ใช่ครับ” เสียงโทรศัพท์อีกฝ่าย แต่เสียงของเจ้าของร้านติดอ่าง “ใช่หมินอันเกอบนทีวีหรือเปล่า? ผมดูแล้วเหมือนจะใช่…..”
“ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ อย่าบอกใครเด็ดขาดว่าเขาอยู่ที่บาร์”
วางสายโทรศัพท์แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะลุกขึ้นมานั่ง แต่รู้สึกตรงที่เอวถูกกอดไว้แน่นๆ
หันกลับไปมอง ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินตื่นมาตอนไหน สองตากำลังมองหน้าเธออยู่
“หมินอันเกอโทรมา?”
“เขาอยู่ที่ร้านบาร์เมาเหล้าแล้ว เจ้าของร้านโทรมาให้ไปรับเขาที”
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น
“ผมไปกับคุณด้วยกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหัวกลับมา เห็นจี้จิ่งเชินสองมือโอบเอวเธอไว้แน่นๆ ดูออกว่าเขาไม่ค่อยวางใจ รู้สึกลังเล
“ได้ เราไปด้วยกัน ไปคนเดียวฉันก็อุ้มเขาขึ้นรถไม่ไหว”
แต่จี้จิ่งเชินไม่ลุกขึ้นมา แต่กลับเอาสองมือที่วางไว้ตรงเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ดึงตัวเธอกลับมาบนเตียง
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ ดิ้นตัวนิดๆ
“คุณจะทำอะไร? จะไปรับหมินอันเกอไม่ใช่เหรอ?”
จี้จิ่งเชินพลิกตัวไปทับเธอไว้ด้านล่าง มุมปากยิ้มขึ้นอย่างได้ใจ
“เวลาตีสาม ให้ผมทำงานหนัก ก็ต้องขอค่าตอบแทนบ้างสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจลืมตาขึ้นมาโตๆ
“คุณเป็นคนบอกเองว่าจะไปด้วยกัน”
งอแงชัดๆ
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น ยักคิ้วขึ้นนิดๆ
“คุณกล้าไปคนเดียว?”
เธอไม่เคยรู้มาก่อน จี้จิ่งเชินหึงง่ายขนาดนี้
“เป็นถึงประธานบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป สุดยอดนักธุรกิจ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กงอแง”
จี้จิ่งเชินหัวเราะ แล้วก็เข้ามาใกล้ๆ แตะหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ตั้งแต่สมัยโบราณมา ไม่มีพ่อค้าคนไหนไม่เจ้าเล่ห์ ธุรกิจที่ขาดทุนทำไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึดอัดใจ ได้แต่เงยหน้าขึ้นมานิดๆ แล้วจูบมุมปากของจี้จิ่งเชินเบาๆหนึ่งครั้ง
“แค่นี้?”
จี้จิ่งเชินพูดอย่างไม่พอใจ: “ความเหนื่อยของผมมีค่าเพียงแค่นี้?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขยับเข้าไปใกล้ๆอีก จูบที่แก้มของจี้จิ่งเชินอีกครั้ง
“ไปเถอะ”
จี้จิ่งเชินยกมือจับหน้าของตนเองและรู้สึกผิดหวังนิดๆ
“นี่มันไม่ค่อยจริงใจเลยนะ?”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้นยืนก่อนแล้วรีบๆเปลี่ยนเสื้อผ้า
“รีบไปเถอะ ไม่งั้นจะไล่คุณออกจากงานนะ”
จี้จิ่งเชินตะลึงแล้วส่ายหัว
“ได้ครับ บอส”