เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 581 ตกตะลึงกันทั้งงาน
บทที่ 581 ตกตะลึงกันทั้งงาน
เนื่องจากระหว่างกิจกรรมของการประชุมในครั้งนี้ มากกว่าครึ่งเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณลายครามทั้งสิ้น
ทางฝ่ายผู้จัดงานได้สงวนผู้เข้าร่วมเอาไว้เป็นพิเศษเพื่อเชิญท่านอาจารย์มาเข้าร่วมงานจำนวนสองท่าน เพียงแต่ท่านอาจารย์เหล่านั้นเป็นพวกเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหน จึงไม่ชอบมาร่วมงานเลี้ยงปาร์ตี้ค็อกเทล ผลักกันไปผลักกันมา สุดท้ายแล้วถึงได้ตัดสินใจที่ส่งจดหมายเชิญที่ไม่ระบุชื่อนี้ไป ให้พวกเขาเลือกมาสองคน
แต่ไม่คิดว่า จดหมายเชิญสองฉบับนั้นจะบังเอิญไปตกอยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน
มองดูจดหมายเชิญพิเศษเฉพาะในมือ เวินหงไห่ไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะยังคงไม่สามารถขัดขวางสองคนนี้ได้
สีหน้าท่าทางที่แสดงออกทางใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีความโดดเด่นยิ่งนัก
มุมปากของจี้จิ่งเชินปรากฏรอยยิ้มออกมาบางๆ ไม่มีการปกปิดอาการเยาะเย้ยเลยแม้แต่นิดเดียว
“เป็นอย่างไร? เข้าไปได้แล้วใช่ไหมครับ?”
เวินหงไห่กำจดหมายเชิญในมือเอาไว้แน่น เขากัดฟันมองเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในงาน
บอดี้การ์ดสองสามคนที่อยู่ทางด้านหลังมองทั้งสองคนอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ ขัดจังหวะความสนุกของพวกคุณเลย หวังว่าพวกคุณจะไม่ถือสา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ แล้วโผล่ร่างครึ่งตัวออกมาจากทางด้านหลังของจี้จิ่งเชิน แล้วส่งยิ้มให้กับสองสามคนนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เมื่อครู่นี้เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกจี้จิ่งเชินบังเอาไว้อยู่ทางด้านหลัง และประกอบกับร่างเล็กๆของเธอด้วยแล้วนั้นจึงถูกบังเอาไว้มิด
เวลานี้ที่เธอยื่นหน้าออกมา บอดี้การ์ดสองสามคนนั้นจึงได้เห็นเธอในที่สุด
ขณะที่เตรียมจะตอบกลับอย่างมีมารยาทนั้น แต่ละคนก็ได้เบิกตากว้างแล้วมองเธอด้วยความตกตะลึง
แววตาเป็นประกายออกมาเล็กน้อย จ้องมองยังร่างของเธอ โดยที่ไม่สามารถละสายตาไปได้
เมื่อเห็นอาการของบุคคลเหล่านั้นแล้ว จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น และรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันใด จึงยื่นมือออกมากอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ แขนโอบอยู่ตรงเอวของเธอแน่น เพื่อเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของออกมา
แล้วเดินผ่านบอดี้การ์ดที่กำลังอึ้งอยู่ตรงนั้นเข้าไปยังด้านในแทน
เวลานี้ด้านในห้องโถงจัดงานนั้นมีผู้คนมาถึงงานเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว ห้องโถงจัดงานขนาดใหญ่นั้นถูกตกแต่งขึ้นมาอย่างงดงามด้วยผนังคริสตัลที่สว่างพร่างพราว
เมื่อมองไปแล้ว ไม่เพียงแต่มีแค่คนฝั่งเอเชียเท่านั้น ยังเห็นได้ว่าในนั้นมีคนยุโรป-อเมริกาอยู่ไม่น้อยเลยเช่นกัน ผมทองดวงตาสีมรกต เรือนร่างสูงใหญ่ ช่างสะดุดตายิ่งนัก
แต่ละคนสวมใส่ชุดสูทและชุดราตรีที่งดงาม มือถือแก้วก้าน พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ดูแล้วทุกคนล้วนแต่มีใบหน้าที่ดูผ่อนคลาย แต่เรื่องที่พวกเขาพูดคุยกันทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องระดับประเทศ ทุกๆประโยค ทุกๆการเคลื่อนไหวล้วนแต่สามารถพลิกเป็นคลื่นลูกใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจได้ทั้งสิ้น
ประตูใหญ่ห้องโถงจัดงานมีการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการเตือนทุกๆคนว่างมีแขกคนใหม่มาถึงงานแล้ว ทุกครั้งตอนที่เปิดปิดประตูนั้นจะมีเสียงกริ่งดังขึ้นอย่างไพเราะชัดเจน ดึงดูดความสนใจจากทุกคนภายในงาน
และตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเจ้ามานั้น คนจำนวนไม่น้อยภายในงานก็หันมามองเช่นเดียวกัน
ไฟตรงประตูนั้นสาดส่องจากทางด้านบนลงมายังร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยน ชุดกระโปรงยาวขาวสะอาดนี้ราวกับว่ากำลังส่องแสงสว่างออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นเอง ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่ร่างของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสำรวจคนในงานด้วยความประหลาดใจ โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเวลานี้ตัวเองได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนไปแล้ว
ดวงตาคู่นั้นกลอกไปมา ดูตื่นตัวเป็นอย่างมาก
ชุดกระโปรงยาวสีขาวที่มีสไตล์ย้อนยุค ราวกับเป็นบุคคลที่ออกมาจากภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น แต่กลับไม่ดูโอเวอร์จนเกินไป สอดคล้องกับประเด็นหลักของงานในครั้งนี้อย่างเหมาะเจาะพอดี
สำหรับคนในประเทศแล้วนั้น เค้าโครงประเพณีแบบโบราณที่เดิมทีเก็บรักษาเอาไว้อย่างทะนุถนอมกันอยู่ในใจนี้ ยังเป็นความภาคภูมิใจของชนชาตินี้ ทันทีที่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วนั้นโดยรวมแล้วก็ดูมีชีวิตชีวากันขึ้นมา
และสำหรับแขกทางฝั่งตะวันตกที่มาร่วมงานนั้น กลับเป็นการได้เรียนรู้จักประสบการณ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง สายตาที่มองมายังเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะเดินเข้ามา ก็ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อยขึ้นมาในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนที่เดินเข้ามาในเวลานั้นเอง จี้จิ่งเชินกลับพบถึงการเปลี่ยนแปลงภายในงาน จึงแอบมาเสียใจทีหลัง
เขาไม่คิดเลยว่าจะดึงดูดการจับจ้องจากผู้คนได้มากมายขนาดนี้ หากก่อนหน้ารู้แบบนี้ล่ะก็ ก่อนออกมา เขาจะต้องให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนชุดนี้อย่างแน่นอน
หรือบางทีอาจจะซ่อนตัวเธอเอาไว้ที่บ้าน แล้วตัวเขาก็มางานนี้เพียงคนเดียวเสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ก็คงจะไม่ทันแล้ว ดูแล้ววันนี้ตัวเขาเองจำเป็นที่จะต้องคอยอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยนตลอดเวลาเสียแล้ว มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะถูกคนมาลักพาตัวไปเมื่อไหร่กัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของคนเหล่านั้นเลย สายตาของเธอกลับมองพิจารณาไปรอบๆ
ตอนที่เตรียมจะเดินเข้าไปด้านในอีกนั้น กลับถูกจี้จิ่งเชินดึงเอาไว้
เธอหันกลับมามอง กลับพบสายตาที่จริงจังของเขา คิ้วขมวดเล็กน้อย และยังดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้แน่น มือขวาโอบรอบเอวของเธอเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ ไม่ยอมปล่อยเลยแม้แต่นาทีเดียว
เธออดที่จะสงสัยไม่ได้ จี้จิ่งเชินหันมา แล้วเข้าไปใกล้หูของเธอ พลางเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ : “เมื่อกี้ที่ผมบอกคุณไว้อย่าลืมนะว่าให้อยู่ข้างๆผมไว้ ไม่อย่างนั้นถูกคนอื่นลักพาตัวไป…..”
ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หัวเราะออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในขณะนั้น เธอเอียงศีรษะ แล้วพูดไปตามคำพูดของเขา : “พี่จะไม่มาช่วยฉันหรือคะ?”
ดวงตาที่ลึกซึ้งเป็นประกายขึ้น
“ไม่ ผมจะแบกคุณขึ้นแล้วก็วิ่งกลับคฤหาสน์ไปเลยต่างหาก”
คำพูดเช่นนี้ ก่อนจะออกมาจี้จิ่งเชินก็เคยพูดแล้วเช่นกัน แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าเป็นเพียงแค่คำพูดล้อเล่นมาตลอด
แต่ตอนนี้เห็นสีหน้าท่าทางที่ดูจริงจังขนาดนี้ของเขาแล้ว จึงอดที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างไม่ได้
ทำไมจี้จิ่งเชินถึงได้เป็นกังวลขนาดนี้กัน?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองตรงด้านหน้า ทันใดนั้นเองกลับพบว่าสายตาของคนจำนวนไม่น้อยกำลังจ้องมองมาที่ร่างของตัวเอง ขาที่ก้าวอยู่นั้นจึงหยุดชะงักลงทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนสูดหายใจเข้า ไม่ได้เดินไปต่อ
จี้จิ่งเชินสัมผัสได้ถึงอาการที่เปลี่ยนไปของเธอ จึงก้าวไปด้านหน้า แล้วเอ่ยพูดตรงข้างใบหูของเธอต่อ : “ตอนนี้คุณรู้ว่าตัวเองเป็นที่ดึงดูดแล้วใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนใบหน้าร้อนวูบ และแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เธอหลบตาต่ำลงเล็กน้อย รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง และแก้มของเธอนั้นก็แดงระเรื่อขึ้นมา
แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ที่ทำให้สายตาของผู้คนนั้นในงานจดจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เป็นประกายออกมาอีกครั้ง
พวกนักลงทุนแห่งแวดวงธุรกิจเหล่านี้ถึงแม้จะมีอายุที่ไม่น้อย แต่ก็มีอำนาจอิทธิพล ข้างๆกายก็ไม่ขาดคนรู้ใจ หรือแม้กระทั่งมีแฟนสาวที่อายุน้อยกว่าตัวเองกว่าสี่สิบห้าสิบปีก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยๆเช่นกัน
เวลานี้เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว คนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดอื่นๆปรากฏขึ้นมาในใจ
แต่ความคิดนี้เพิ่งจะปรากฏออกมานั้น ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ไม่ดีเท่าไหร่นักตามมาปะปนกับอากาศที่หนาวเย็นจ้องมองมาที่ร่างของตัวเอง
และเมื่อมองตามไปยังทิศทางของสายตานั้นแล้ว ก็เห็นว่าเป็นจี้จิ่งเชินนั่นเอง
สายตาของเขาไม่เป็นมิตร ใบหน้าเย็นชา สายตากวาดมองไปที่ทุกคน มือขวาของเขาวางอยู่ตรงเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างแน่นหนา
ราวกับกำลังต้องการจะป่าวประกาศต่อหน้าสาธารณชนถึงสิ่งที่เป็นของตัวเองทั้งหมดนี้ตลอดเวลา ไม่มีใครที่จะสามารถแตะต้องได้แม้แต่นิดเดียว
คนในงานจำนวนไม่น้อยที่รู้จักจี้จิ่งเชิน เห็นฉากนี้แล้ว ในใจอดที่จะรู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่ได้
ล้วนแต่ได้ข้อสรุปเดียวกันนั่นก็คือ แตะต้องไม่ได้นั่นเอง
สายตาที่ดูไม่ดีที่จ้องมองมายังเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นลดลงไปบ้างแล้ว จี้จิ่งเชินถึงได้พาเธอเดินไปยังด้านหน้า
และเพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าวนั้น ก็เจอเข้ากับผู้ชายผมบลอนด์ตาสีมรกตสองคน
ทั้งสองคนเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ดวงตานั้นปรากฏแววตาแห่งความตกตะลึงออกมา แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
หลังจากนั้น ก็เอ่ยพูดกับจี้จิ่งเชินด้วยน้ำเสียงที่ดูสนิทสนม : “คุณจี้ครับ นี่คือภรรยาของคุณหรือครับ?”
จี้จิ่งเชินดูเหมือนกับสนิทกับทั้งสองคนนี้ มือที่วางอยู่ตรงเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นคลายลงเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มจางๆออกมา
มองเวินเที๋ยนเที๋ยนแวบหนึ่ง แล้วพูดหยอกล้อขึ้นมา : “ตอนนี้กำลังพยายามทำให้เธอมาเป็นภรรยาของผมอยู่ครับ”