เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 582 หัวหน้าทีมชี้แนะ
บทที่ 582 หัวหน้าทีมชี้แนะ
ได้ยินแล้วนั้น ชาวต่างชาติทั้งสองคนจึงร้องขึ้นด้วยความแปลกใจ
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นกลับแดงขึ้นมา ในหัวนั้นอดที่จะนึกถึงการตัดสินใจในเรื่องของการบังคับแต่งงานขึ้นมาไม่ได้
สองสามคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง แล้วชาวต่างชาติสองคนนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “วันนี้พวกเรารอคุณอยู่ตลอดเลยครับ เมื่อครู่นี้คุณชายรองของตระกูลเวินบอกว่า คุณอาจจะไม่มา ยังรู้สึกผิดหวังกันบ้างแล้วเลย”
พวกเขาเองก็พอจะรู้เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างจี้จิ่งเชินกับตระกูลเวินอย่างคลุมเครืออยู่บ้างเช่นกัน จึงพูดไปพลางและสังเกตสีหน้าของจี้จิ่งเชินไปด้วย
เห็นว่าสีหน้าท่าทางของเขาไม่เปลี่ยนไป จึงเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “ตอนนี้เห็นคุณแล้ว ในที่สุดก็วางใจขึ้นมาแล้วล่ะครับ พวกเรามีรายการที่อยากจะพูดคุยกับคุณอยู่ครับ”
จี้จิ่งเชินยิ้มจางๆ แล้วพยักหน้า
“ไม่มีปัญหาครับ”
พูดจบแล้ว ก็กำลังเตรียมที่จะเจรจากับสองคนนั้น แล้วจู่ๆก็สังเกตเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ข้างๆ
หากคุยกันเรื่องของความร่วมมือกันขึ้นมาแล้วนั้น จะใช้เวลาไม่น้อย เขากังวลว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเบื่อเอาเสียก่อน
คิดได้เช่นนี้แล้ว คำพูดที่ติดอยู่ตรงปากนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที
“เรื่องราวโดยรูปธรรมรอหลังจากงานเสร็จสิ้นลงก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคุยรายละเอียดกันเป็นอย่างไรครับ?”
ชาวต่างชาติทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ ถ้าหากเป็นบริษัทเอ็มไอกรุ้ปล่ะก็ พวกเราอยากจะร่วมงานกับคุณตลอดอยู่แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าที่พวกเขาพูดถึงนั้นก็คือสถานการณ์ที่ตกต่ำลงของบริษัทในช่วงก่อนหน้านี้ ถ้าหากบริษัทสามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนระดับก่อนหน้านี้ การร่วมงานในครั้งนี้ก็คงไม่มีปัญหา
และไม่นาน เมื่อรอคนมากันจนครบแล้วนั้น ฝ่ายทางผู้จัดงานก็ประการเริ่มงานเลี้ยงขึ้นอย่างเป็นทางการ
นอกจากจะแนะนำการจัดเตรียมการประชุมระดับเอเชียแล้วนั้น ทางผู้จัดงานยังประกาศถึงสถานะของเวินหงไห่ให้ทุกคนได้ทราบกันอีกด้วย
ราวกับเป็นเพราะเขามีสถานะเป็นทหาร และเป็นนักธุรกิจ ย่อมจะต้องกลายเป็นคนที่จัดการธุระให้กับงานในครั้งนี้อย่างแน่นอน อิทธิพลอำนาจนับว่ามีไม่น้อยเลย
เวินหงไห่ยืนอยู่บนเวทีอย่างกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา มิน่าล่ะตอนแรกเขาถึงได้พูดออกมาว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะตัดสินว่าคนหนึ่งคนจะสามารถเข้าร่วมการประชุมได้สำเร็จหรือเปล่า
เมื่อพูดเสร็จแล้วนั้น เขาก็คุยกับทางผู้จัดงานด้วยความกระตือรือร้น
ผู้จัดงานในครั้งนี้ก็คือข้าราชการทหารนายหนึ่ง และในขณะเดียวกันยังมีอำนาจในการตรวจสอบรายการนี้อีกด้วย
รายการของกิจการจำนวนไม่น้อยในงานจะสามารถปฏิบัติได้อย่างราบรื่นหรือไม่นั้น ล้วนแต่จะต้องดูความคิดเห็นของเขาทั้งสิ้น
และพอเขาลงจากเวที ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รีบเดินเข้าไป เพื่อต้องการจะเจรจา หวังว่าจะให้เขาคุ้นหน้าคุ้นตาขึ้นมาบ้างต่อไปมีรายการอะไรก็จะสามารถให้เขารีบตรวจสอบและอนุมัติได้เร็วขึ้น
จี้จิ่งเชินกลับไม่รีบเข้าไปหา แต่พาเวินเที๋ยนเที๋ยนไปทักทายเพื่อนที่รู้จักเมื่อก่อนหน้านี้แทน
“ทานอะไรไหมครับ?” เขาไม่รีบร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว กลับเอ่ยถามขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองผู้จัดงานที่ถูกผู้คนกรูกันเข้าไปหา แล้วหันไปมองโซนอาหารที่ว่างอยู่นั้น จึงพยักหน้าขึ้น
วันนี้ทั้งช่วงบ่ายถูกแม่ครัวดึงไปแต่งตัว ก็รู้สึกเหนื่อยตั้งแต่แรกแล้ว ยังไม่มีเวลาทานอาหารเลยด้วยซ้ำ
จี้จิ่งเชินยิ้มแล้วพาเธอเดินไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะเดินมานั้น ก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นของอาหาร
สูดดมกลิ่นแล้ว ความอยากอาหารก็เกิดขึ้นมาทันที ดวงตาเป็นประกาย
จี้จิ่งเชินยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“ไม่ต้องกังวลหรอก พวกเขาไม่มีเวลามาดูคุณหรอกนะ”
ว่าก็หยิบพุดดิ้งกับเค้กก้อนเล็กมาให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
ดวงตาเวินเที๋ยนเที๋ยนโค้งลง ขณะที่รับมาและกำลังจะตักเข้าปากนั้น จู่ๆทางด้านหลังก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน
“คุณจี้”
เธอหยุดการเคลื่อนไหวลงทันที แล้วหันกลับไปมองเห็นว่าทางผู้จัดงานไม่รู้ว่ามาอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ทางฝ่ายนั้นมองพิจารณาเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วจึงมองไปทางจี้จิ่งเชิน
“สวัสดีครับ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลง โดยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก
“สวัสดีครับ”
บุคคลนั้นกลับไม่ได้คิดจะพูดอะไรให้มากความ แต่กลับมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณเวิน ดีใจที่ได้พบคุณนะครับ”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอธิบายไม่ถูก
บุคคลนั้นหัวเราะพลางเอ่ย : “นายพลสวี่เคยพูดถึงคุณกับผม ช่างน่ายกย่องจริงๆครับ”
“นายพลสวี่?”
ได้ยินชื่อนี้แล้ว ดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนนั้นการแข่งขันของเธอกับหลีเจียเวย ช่วงสำคัญนั้นก็เป็นเพราะสร้อยที่นายพลสวี่ส่งมาให้เธอถึงได้รับชัยชนะมา
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว จึงรีบพยักหน้า แล้วเอ่ยกับเขาอย่างสนิทใจขึ้น
“นายพลสวี่ช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
“ร่างกายของท่านแข็งแรงมาก ตอนนี้ออกไปเที่ยวแล้วล่ะ ก่อนจะไปรู้ว่าผมจะจัดการประชุมนี้ ยังกำชับผมเป็นพิเศษอีกด้วย ว่าจะต้องดูแลคุณให้ดีๆ จะต้องไม่ทำให้คุณได้รับความไม่เป็นธรรมใดๆ ตอนแรกผมก็ยังรู้สึกสงสัย ว่าจะเป็นคนแบบไหนกันที่ทำให้นายพลสวี่ต้องมากำชับด้วยตัวเองแบบนี้ ตอนนี้เห็นแล้ว สมคำร่ำลืออย่างที่คิดไว้จริงๆ”
ได้ยินฝ่ายนั้นเอ่ยชื่นชมตัวเองแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย
“ท่านสวี่ชมกันเกินไปแล้วล่ะค่ะ”
ทางผู้จัดงานกลับยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “พวกคุณก็รู้ว่างานประชุมเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้เป็นธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องลายครามทั้งภายในและนอกประเทศ ผมเคยถามกับเขาว่ามีใครที่คุ้นเคยทางด้านนี้บ้างหรือเปล่า คนแรกที่เขาแนะนำกับผมก็คือคุณ สร้อยคอที่ของรักของนายพลสวี่เส้นนั้น คุณเป็นคนซ่อมเองกับมือ ไม่มีใครที่คุ้นเคยกับความรู้ทางด้านนี้ดีเท่าคุณอีกแล้ว”
อีกทางด้านหนึ่ง เวินหงไห่ที่กำลังหาโอกาสที่จะเข้าใกล้ทางฝ่ายผู้จัดงานนั้น ไม่คิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินจะกำลังพูดคุยและชื่นชมกันอยู่ จึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด ในใจนั้นรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก
เขาแหวกคนเข้ามาใกล้ๆ แล้วแทรกประเด็นการคุยกันระหว่างพวกเขาเข้าเสียเลย
ได้ยินประโยคนี้แล้วจึงเอ่ยปากขึ้น : “ถึงแม้ว่าคุณเวินจะมีการศึกษาทางด้านนี้มาดีก็จริง แต่เธอเข้าสู่วงการนี้ช้าไปหน่อย หากเทียบกับท่านอาจารย์หลายๆคนแล้วคุณสมบัติและประสบการณ์ยังน้อยกว่ามากนัก เกรงว่าจะไม่มีความสามารถพอสำหรับงานนี้หรอกครับ”
เขาเดินไปตรงหน้าของผู้จัดงานโดยตรง กวาดตามองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน แล้วกลับมามองยังผู้จัดงานในตอนสุดท้าย
แล้วเอ่ยพูดขึ้น : “ตอนแรกไม่ใช่ว่าเราปรึกษากันแล้ว ว่าคนที่มีเทคนิคในที่ประชุมเราจะตัดสินใจร่วมกันไม่ใช่หรือครับ?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งหาคำตอบไม่ได้เช่นกัน
“บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกอะไรหรือครับ?”
เมื่อครู่นี้ทางฝ่ายผู้จัดไม่ได้เอ่ยพูดถึงเรื่องนี้เลยเสียด้วยซ้ำ
ทางฝ่ายนั้นเห็นแววตาที่สงสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ในที่สุดจึงได้อธิบายขึ้นมา : “คือแบบนี้ครับ การประชุมเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้หลายๆรายการเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณลายคราม ดังนั้นในระหว่างการประชุมจะมีคนที่ถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค ดำเนินการชี้แนะและตรวจสอบ ในทุกๆรายการนั้นก็จะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากด้วยเช่นกัน”
อธิบายเสร็จแล้วนั้น เขาก็หันกลับมาทางเวินหงไห่อีกครั้ง
“เรื่องนี้ ผมได้ปรึกษากับท่านอาจารย์ของพระราชวังแห่งชาติแล้วครับ ท่านอาจารย์ของพระราชวังแห่งชาติสองสามท่านนั้นท่านชอบเก็บตัวไม่ชอบออกไปไหน ไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยแสดงโฉมหน้าของตัวเองออกมา แต่ยินยอมให้ยืมตัวเด็กที่เคยฝึกพวกนี้ แต่เนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่ยอมเปิดเผยโฉมหน้าตัวเอง กลับแนะนำเวินเที๋ยนเที๋ยนมาแทนนี่ไงครับ”
เขายิ้มจางๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความพอใจ : “ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้นนะครับ แม้แต่นายพลสวี่เองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ตอนนี้ดูแล้วคุณเวินจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ”
ว่าแล้วนั้น เขาก็หันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยนพลางเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด : “ขอโทษด้วยนะครับ ผมยังไม่ทันได้เอ่ยถามความคิดของคุณเลย ตอนนี้ผมขอเป็นตัวแทนของที่ประชุมเอเชียแปซิฟิก เชิญคุณมาเป็นหัวหน้าทีมชี้แนะในการประชุมครั้งนี้ คุณยินยอมไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ตามที่ทางผู้จัดงานเอ่ยขึ้นเมื่อครู่นี้นั้น ทีมชี้แนะในครั้งนี้จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากในที่ประชุมนี้ แม้กระทั่งบางทีอาจจะมีผลต่อการดำเนินงานของรายการๆนั้นด้วยว่าจะสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นได้หรือเปล่า
มิน่าล่ะเวินหงไห่ได้ยินแล้วถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้…