เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 586 หน้าผากไม่นับ
บทที่ 586 หน้าผากไม่นับ
กล่องผ้าสักหลาดสีดำที่สวยงาม มีต้นไม้เขียวชอุ่มต้นเล็กที่ละเอียดอ่อนและงดงามวางอยู่
ลำต้นทำมาจากทองสัมฤทธิ์ ใบไม้ทุกใบล้วนเป็นหยกแข็งสีเขียวเข้ม ที่เปล่งแสงประกายออกมาอย่างงดงามเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ สวยเกินคำบรรยาย
ต้นไม้ทั้งต้นนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับฝ่ามือ ตอนที่หยิบออกมานั้นสั่นอยู่พักหนึ่ง ใบไม้ที่ห้อยลงมานั้นกระทบกัน ส่งเสียงใสๆออกมา
ใบหน้าของคุณนายหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นต้นทองสัมฤทธิ์ต้นนั้นที่อยู่ในรายการการแข่งขันของเวินเที๋ยนเที๋ยน เห็นได้ว่าของทั้งสองต้นนั้นสวยงามไม่ต่างกันเลย
งานที่ละเอียดสวยงาม แม้แต่รายละเอียดเล็กๆก็สมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน สามารถเห็นถึงกำลังกายและสมองที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทุ่มเทลงไปไม่น้อย
“สวยมากๆเลย” เธออดที่จะร้องออกไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นด้วยความเขินอาย : “วัสดุไม่ได้พิถีพิถันนัก หวังว่าพวกคุณจะชอบนะคะ”
“ฉันชอบมาก และหงหยู้ก็จะต้องชอบมากแน่ๆ ขอบคุณนะ”
จู่ๆคุณนายหล่อนก็รู้สึกได้ว่าน้ำตาคลออยู่ที่ดวงตา เธอยื่นมือไปกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกับคุณนายหล่อนขนาดนี้
ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อย คุณนายหล่อนเป็นคนที่เด็ดขาดมาก ปฏิบัติกับศัตรูโดยไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ ทำให้รู้สึกว่าเธออยู่เหนือกว่า ทำได้เพียงแค่มองอยู่ไกลๆเพียงเท่านั้น
ตอนแรกเวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน แต่ในตอนที่ไม่รู้สึกตัวนั้นเธอก็ค่อยๆได้รับรู้ว่า คุณนายหล่อนเองก็เป็นคน มีอารมณ์มีความรู้สึก ความปรารถนาเหมือนกับคนอื่นทั่วๆไป
ถึงแม้ว่าในใจจะเคยตำหนิ เคยเสียใจ แต่เลือดย่อมค้นกว่าน้ำ
บนโลกใบนี้ นอกจากจี้จิ่งเชินแล้ว คนสนิทที่สุดสำหรับเธอก็คือคุณนายหล่อนกับเวินหงหยู้นี่เอง
เธอพิงลงตรงไหล่ของคุณนายหล่อนเบาๆ แล้วจู่ๆก็คิดถึงตอนที่ตัวเองอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อก่อน ความปรารถนาที่สุดของเธอนั้นก็คือการได้มาอยู่ในอ้อมแขนของแม่นี่เอง
รู้สึกถึงมือคุณนายหล่อนที่ตบอยู่ตรงด้านหลังของตัวเองเบาๆ ก็เหมือนกับสิ่งที่ตัวเองเคยเห็นเมื่อก่อน พ่อแม่กำลังปลอบลูกของตัวเอง ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นสั่นไหว เธออ้าปากค้าง คำเรียกนั้นกำลังจะออกมา
แต่เธอลังเลอยู่นาน กลับไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
“เที๋ยนเที๋ยน” จู่ๆอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางอีกด้านหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นจี้จิ่งเชินกับเวินหงหยู้ที่เดินมาด้วยกัน
เห็นทั้งสองคนแล้ว ในใจของเธอนั้นก็รู้สึกผิดหวัง
ทำไมถึงพูดคำเรียกเหล่านั้นออกมาไม่ได้เสียที?
คำเรียกนั้นที่ตัวเองปรารถนามาโดยตลอด?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น คุณนายหล่อนจึงปล่อยตัวเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า ในใจนั้นยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นกว่าเดิม
“มาได้อย่างไรกันคะ?”
เมื่อเอ่ยออกมานั้น จี้จิ่งเชินก็รับรู้ได้เลยว่าภรรยาตัวน้อยของตัวเองนั้นกำลังมีความรู้สึกบางอย่างอยู่ จึงมองพิจารณาเธออย่างละเอียด ยังคิดว่าเธอจะโดนใครกลั่นแกล้งมาเสียด้วยซ้ำ
“ก็คุณไม่กลับไปสักที ผมก็เลยมาดู ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะโมโห จึงส่ายหน้า ไม่ได้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อครู่ให้เขาฟัง
คุณนายหล่อนราวกับเดาได้ถึงความคิดของเขา จึงหันมาทางเวินเที๋ยนเที๋ยนพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยไปตามสถานการณ์ : “พวกเราคุยกันอยู่พักหนึ่งน่ะ”
ว่าแล้วนั้นก็ดึงตัวเวินหงหยู้มาด้วยใบหน้าที่ดีใจ แล้วหยิบเอาของขวัญที่เวินเที๋ยนเที๋ยนให้เธอเมื่อครู่นั้นออกมาราวกับเป็นสิ่งของที่ล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น
“คุณดูสิคะ นี่คือของขวัญที่เที๋ยนเที๋ยนให้พวกเรา”
เวินหงหยู้ได้ยินแล้วนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วรับมาด้วยความสนใจ
พอเปิดออกมาแล้ว แววตาก็เป็นประกายสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
“สวยมากเลย” เขามองพิจารณาต้นทองสัมฤทธิ์ แล้วหันไปยิ้มให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา กังวลว่าของขวัญของตัวเองนั้นจะเบาเกินไป
ในฐานะที่เป็นถึงเจ้าของบ้านตระกูลหล่อนและลูกชายคนโตของตระกูลเวิน เป็นทายาทของวงศ์ตระกูลที่เคยเห็นสมบัติสิ่งของล้ำค่ามานับไม่ถ้วน ต้นไม้เล็กๆธรรมดาๆเช่นนี้หากเทียบกับของล้ำค่าชิ้นอื่นๆ ดูเล็กน้อยอย่างไม่ควรค่าพอต่อการเอ่ยพูดถึงเลยด้วยซ้ำ
แต่เห็นว่าทั้งสองคนชอบมากขนาดนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดที่จะรู้สึกโล่งใจไม่ได้
มือที่เพิ่งจะวางลงนั้นก็ถูกจี้จิ่งเชินจับเอาไว้
เธอหันกลับมา มองดวงตาที่ปรากฏรอยยิ้มของจี้จิ่งเชิน ที่ยืนอยู่ข้างๆคอยสนับสนุนเธอมาตลอด
เวินหงหยู้เก็บของขวัญเอาไว้เป็นอย่างดี มองไปยังสีของท้องฟ้าด้านนอก
เขาถอดเสื้อคลุมออก แล้วคลุมลงบนไหล่ของคุณนายหล่อนพลางเอ่ยขึ้น : “งานเลี้ยงตรงหน้าใกล้จะจบแล้ว ดึกแล้วด้วย กลับกันก่อนเถอะครับ”
คุณนายหล่อนมองเวินเที๋ยนเที๋ยน รู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพยักหน้า อาการที่แสดงออกมานั้นจริงจังขึ้นมา
“เที๋ยนเที๋ยน รอหลังจากสิ้นสุดการประชุมครั้งนี้ เธอมาที่ตระกูลหล่อนสักรอบได้ไหม? ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ได้สิคะ”
ส่งคุณนายหล่อนและเวินหงหยู้แล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้ละสายตาออกมาได้ในที่สุด
ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดหรือเปล่า ที่มักจะรู้สึกว่าคุณนายหล่อนไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าไรนัก เหมือนกับว่าเหนื่อยมากเกินไปอย่างนั้น
ตอนนี้เวินหงหยู้อยู่ที่ตระกูลหล่อน ร่วมบริหารกิจการของตระกูลหล่อนกับเธอ คงจะไม่ได้ทำงานหนักมากเกินไปสิถึงจะถูก
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ร่างหนึ่งค่อยๆมาครอบคลุมเธอเอาไว้ มือทั้งสองข้างโอบรอบตรงเอวของเธอ
“แล้วของขวัญของผมล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยากจะหันไปมอง แต่จี้จิ่งเชินกลับเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเอาคางเกยไว้บนศีรษะของเธอ แล้วโอบร่างเล็กของเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
“ของขวัญอะไรคะ?” เธองง
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินกดต่ำลง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้ยินความน้อยใจนี้ในน้ำเสียงนั้น
“คุณทำเพียงแค่สองต้นเองหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วจึงพยักหน้าลง
“ใช่ค่ะ”
จี้จิ่งเชินส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ด้วยความผิดหวัง
“แล้วผมล่ะ? คุณเอาของขวัญของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน?”
พูดไปพลาง มือทั้งสองข้างของจี้จิ่งเชินก็ลูบไล้ไปตรงเอวของเธออีกด้วย
หยิบยืมเรื่องการหาค้นหาของขวัญนี้สัมผัสทีละน้อยๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกบ้าจี้ตรงเอว จึงหลบพลางหัวเราะไปด้วย
“ไม่มีจริงๆค่ะ”
เธอหัวเราะไปพลางอธิบายออกมาด้วย หางตาของเธอมีน้ำซึมออกมา
เวลานี้เองจี้จิ่งเชินจึงก้มตัวลง แล้วอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา เดินออกไปทางด้านนอก
ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นอยู่พักหนึ่ง ตกใจเสียจนต้องรีบยื่นมือออกมากอดไหล่ของเขาเอาไว้
“พี่จะทำอะไรคะ?”
“กลับบ้าน” จี้จิ่งเชินอุ้มเธอเอาไว้แน่นเดินออกไปทางด้านนอก ก้าวเดินออกไปอย่างมั่นคง
เห็นเขาเดินออกจากลานกว้างแล้วนั้น สายตาก็เห็นเขากำลังจะเดินเข้าไปในห้องโถงจัดงาน เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบดิ้นขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันเดินเองได้”
ดิ้นอยู่พักหนึ่ง กลับไม่สามารถหลุดออกมาจากอ้อมกอดของจี้จิ่งเชินได้
จี้จิ่งเชินก้าวเดินไปอย่างรวดเร็วมาก เห็นเธอดิ้นเก่งแบบนี้ จึงก้มลงไปปิดปากเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าเสียเลย
ทำให้จูบของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นเป็นจูบที่มีรสชาติของตัวเองแล้ว ถึงได้ถอยออกมา
“ถ้ายังกล้าขยับไปทั่วอีก ขยับหนึ่งทีก็จะจูบหนึ่งทีนะ” ดวงตาที่มีคลื่นใต้น้ำโหมซัดเข้ามา พลางเอ่ยขู่ขึ้น
ริมฝีปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกจูบจนแดงไปหมด แก้มของเธอก็แดงระเรื่อด้วยเช่นกัน ดวงตาเบิกกว้างโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ?” จี้จิ่งเชินกล่าว
เธอรีบพยักหน้า ไม่กล้าขัดขืน
จี้จิ่งเชินยิ้มด้วยความพอใจ จึงก้มลงแล้วบรรจงจูบลงบนหน้าผากของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่พอใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย พลางบ่นพึมพำเสียงเบา
“ไม่ใช่บอกว่าจะไม่จูบแล้วหรือคะ?”
“หน้าผากไม่นับสิครับ” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นเช่นนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย