เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 587 ของขวัญของผมใช่ไหม
บทที่ 587 ของขวัญของผมใช่ไหม
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปาก ขณะที่อยากจะโต้ตอบนั้น พอเห็นสายตาขู่ของจี้จิ่งเชิน จึงหุบปากลงในทันที ไม่กล้าบ่นออกมา
ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะรู้สึกเสียใจ
“เที๋ยนเที๋ยน หากคุณไม่ดื้อแบบนั้นนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างงงๆ
จี้จิ่งเชินได้อุ้มเธอกลับมายังห้องโถงจัดงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วพูดอธิบายกับเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“แบบนี้ ก็สามารถลงโทษได้แล้วสิ”
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ใบหน้าก็แดงขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เธอก้มหน้าลง แทบจะเอาศีรษะฝังลงไปอยู่ตรงหน้าอกของเขา ดังนั้นจึงพลาดสายตาของแขกที่อยู่รอบๆนั้น
จี้จิ่งเชินกลับไม่หยุด ราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้ รอยยิ้มพอใจในดวงตาปรากฏขึ้นมา
“จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ เหมือนว่าผมไม่ได้ถูกบังคับให้แต่งงานมานานแล้ว รายการนี้ ผมชอบแบบนี้ก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อย”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็นึกไปถึงคำพูดของจี้จิ่งเชินที่พูดเมื่อครู่นี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้าปากค้าง ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามอย่างไรดี
เห็นท่าทางลำบากใจของเธอแล้ว จี้จิ่งเชินจึงหัวเราะขึ้นมาอีก และโดยความไม่รู้ตัว ก็ได้พาเธอออกมาจากงานแล้ว
เพิ่งจะออกจากประตูมา ลมพัดยามค่ำคืนพันมา
เวินเที่ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมา ถึงได้พบกว่าพวกเขาออกมากันเรียบร้อยแล้ว
ทางด้านหนึ่งของถนน กลับพบเจอกับสายตาของเวินหงไห่เข้าพอดี
เขายืนอยู่ไม่ไกล จ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร
ราวกับกำลังสาปแช่ง จนในที่สุดถึงได้ขึ้นรถไป
รถวิ่งออกไป ตรงที่ที่อยู่ไม่ห่างจากเขานั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างละเอียด คนเหล่านั้นใส่หมวก สวมเสื้อคลุมสีดำ และยังสวมใส่ผ้าปิดจมูกอีกด้วย พวกเขาหลบซ่อนอยู่ในความมืด
การแต่งกายแบบนี้ มองดูแล้วช่างคุ้นตามากเหลือเกิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิด แล้วเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
ไม่นาน ฝ่ายนั้นราวกับว่าก็เห็นพวกเขาแล้ว ไม่ได้หลบ แต่กลับเดินเข้ามาแทน
เดินมาตรงหน้าแล้ว ถึงได้ถอดผ้าปิดจมูกออก เป็นเหยียนเจิ้งที่รู้จักกันก่อนหน้านี้อย่างที่คิดจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความแปลกใจ รู้จักเขาก็เพราะเรื่องของเฟิงหมิงในครั้งที่แล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมานี้ก็นับว่าไม่ได้เจอกับเขามาเป็นเวลานานแล้ว
ตอนนี้ทำไมเขาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กัน?
งานเลี้ยงแบบนี้ ตามหลักการแล้วไม่น่าจะเชิญคนที่มีฐานะเป็นตำรวจอย่างเขามาถึงจะถูก
แต่บริเวณรอบๆงานเลี้ยงนี้มีแต่บอดี้การ์ดเต็มไปหมด เขาจะเข้ามาได้อย่างไรกัน?
เหยียนเจิ้งมองพวกเขาอย่างลังเล ไอออกมาแล้วสายตาก็เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปพักหนึ่ง ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา แล้วจึงรีบกระโดดลงมาจากอ้อมกอดของจี้จิ่งเชิน ด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย
“คุณตำรวจเหยียนเจิ้ง มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
เหยียนเจิ้งพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง : “พวกคุณก็มาร่วมการประชุมเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้ด้วยหรือครับ?”
“ค่ะ คุณเองก็ได้รับเชิญด้วยหรือคะ?”
เหยียนเจิ้งกล่าว : “เปล่าครับ ผมมาเพราะมีเรื่องอื่น”
ว่าแล้วนั้น เขาก็มองไปทางด้านหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน แล้วเห็นว่ามีคนเดินออกมาจากงานเลี้ยงนั่นอีก แล้วเรียกทั้งสองคนให้ไปในที่หลบมุม แล้วจึงอธิบายขึ้นในที่สุด
“จริงๆแล้วที่ผมมาครั้งนี้ มีภารกิจพิเศษน่ะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขา แล้วจู่ๆก็นึกถึงตอนที่ตัวเองอยู่ที่สถานีตำรวจเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ เคยได้ยินตำรวจสองสามคนที่เคยพูดถึง
เหยียนเจิ้งมาที่นี่ ราวกับจะมีภารกิจอื่น ตอนนั้นเรื่องของเฟิงหมิง เป็นเพียงแค่การถือโอกาสช่วยเหลือเพียงเท่านั้น
หรือภารกิจพิเศษของเขาเกี่ยวข้องกับการประชุมเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เหยียนเจิ้งก็เอ่ยพูดต่อ : “เอาแบบไม่ปิดบังเลยแล้วกันนะครับ ที่ผมมาก็เพื่อมาตรวจสอบเรื่องของตระกูลเวินครับ”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง มองเขาด้วยความตกใจ แม้แต่จี้จิ่งเชินเองก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยเช่นกัน แล้วส่งสายตาสงสัยไปให้
เหยียนเจิ้งกลับจริงจังเป็นอย่างมาก
“เดิมทีเดือนที่แล้วเวินฉี่ควรจะเกษียณได้แล้ว แต่เนื่องจากการประชุมในครั้งนี้ ได้ยื่นเรื่องการเลื่อนการเกษียณออกไปเป็นกรณีพิเศษ ก็เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากฐานะของตัวเอง เพื่อเป็นการเบิกทางให้ตระกูลเวินได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
ตระกูลเวินถึงแม้ว่าจะอยู่ในกองทัพทหารมาหลายชั่วอายุคน ในวงการทางการเมืองล้วนแต่มีตำแหน่งและการแสดงออกไม่ธรรมดา แต่ตั้งแต่ช่วงเวินหงหยู้เป็นต้นมา ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเอาพวกอสังหาริมทรัพย์มาเปลี่ยนเป็นโลกธุรกิจ
เวินหงไห่และเวินหงหยู้เองก็เคยเข้าร่วมกองทัพทหารมาก่อน แต่ก็ไม่ได้อยู่พัฒนากองกำลังทหารต่อ
ในฐานะที่เวินฉี่เป็นผู้สนับสนุนสุดท้ายในวงการทางการเมือง แน่นอนว่าจะต้องปูทางเอาไว้ให้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
สีหน้าท่าทางของเหยียนเจิ้งนั้นจริงจังเป็นอย่างมาก
“สิบปีก่อน สำนักงานตรวจสอบได้รับจดหมายแจ้งเกี่ยวกับเวินฉี่แล้ว และเมื่อผ่านการตรวจสอบ พวกเราสงสัยว่าเป็นไปได้มากที่เวินฉี่จะรับสินบนและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ถึงได้ส่งผมมาที่นี่เพื่อตรวจสอบ”
“หากตามการคาดการณ์ของพวกเรา รอจนการประชุมเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้สิ้นสุดลง เวินฉี่จะต้องลาออกอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะไม่มีวิธีที่จะสืบต่อไปได้แล้ว แล้วก็คงจะจับจุดอ่อนของเขาไม่ได้ด้วย”
เหยียนเจิ้งมองเวินเที๋ยนเที๋ยน พลางเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง : “ได้ยินมาว่าครั้งนี้คุณเวินได้รับให้ทำหน้าที่ตำแหน่งหัวหน้าทีมชี้แนะ หรือบางทีคุณพอจะช่วยผมหาเบาะแสบางอย่างได้”
น้ำเสียงที่เขาพูดออกมานั้นดูลังเล เนื่องจากว่าเมื่อคิดว่าถึงอย่างไร เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็เป็นคนของตระกูลเวิน จะช่วยเขาทางด้านนี้หรือเปล่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมาสบตากับจี้จิ่งเชิน
“หัวหน้าทีมชี้แนะนอกจากฉันแล้ว ยังมีอาจารย์ฟ่านอีกค่ะ และเธอก็เป็นคนที่เวินหงไห่ตั้งใจหามาโดยเฉพาะด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เหยียนเจิ้งก็ยิ่งรู้สึกกังวลขึ้นมา กังวลว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะปฏิเสธข้อเสนอแนะของเขา
“แบบนี้คุณ…….”
ยังไม่ทันได้พูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยพูดขึ้นต่อ : “ถ้าหากฉันพบเจออะไรจริงๆ ฉันจะรีบติดต่อคุณนะคะ”
ได้ยินแล้วเหยียนเจิ้งรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และดีใจเป็นอย่างมาก
“ดีจังเลยครับ ผมมั่นใจ ว่าครั้งนี้ตระกูลเวินจะต้องมีการเคลื่อนไหวเล็กๆอย่างแน่นอน ถ้าหากเป็นไปได้ก็จะสามารถโค่นตระกูลเวินได้เสียที”
ว่าแล้ว ก็มีคนเดินออกมาจากงานไม่กี่คน แล้วบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลก็เริ่มไล่ตรวจตามที่ต่างๆ
เหยียนเจิ้งมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง : “เรื่องราวโดยรูปธรรมนั้นเดี๋ยวเอาไว้พวกเราคุยกันทีหลังนะครับ”
พูดจบแล้ว เขาก็ถอยหลังออกไปแล้วไปซ่อนตัวอยู่ในที่มืดตามเดิม
เขาเพิ่งจะออกไปนั้น บอดี้การ์ดสองสามคนก็เดินไป ไม่ได้พบเห็นความผิดปกติใดๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ตรงที่เดิมยังคงครุ่นคิดถึงคำพูดของเหยียนเจิ้งเมื่อครู่นี้
ลมเย็นๆพัดมา เธอถึงได้ดึงสติกลับมาได้
“ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณเหยียนเจิ้งจะมาที่นี่เพราะเรื่องนี้…….”
เวินฉี่รู้สึกว่าตัวเองทำทุกอย่างอย่างมิดชิดไม่มีช่องโหว่มาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเดินอยู่ริมแม่น้ำบ่อยๆแบบนี้ รองเท้าจะไม่เปียกได้อย่างไรกัน?
ตั้งแต่แรกตอนที่เขาไม่รู้ ก็ได้มีคนจับตามองเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถ้าหากครั้งนี้สามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่นจริงๆ บางทีอาจจะสามารถแก้ปัญหาความยุ่งยากนี้ได้
สำหรับตระกูลเวินนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรด้วยอยู่แล้ว
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวขึ้นมา
รวบรวมสายตาของตัวเองใหม่อีกครั้ง แล้วก็พบกับใบหน้าของจี้จิ่งเชิน
เขาอุ้มตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว แล้วเดินตรงไปยังรถคันที่จอดอยู่ตรงข้างทาง
พ่อบ้านและคนขับรถได้ถูกจี้จิ่งเชินเรียกให้กลับไปก่อนหน้านี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกวางตัวลงให้นั่งตรงเบาะข้างๆคนขับ
เขาโน้มตัวมาช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วถึงได้เหยียบคันเร่งขับรถออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกการกระทำอย่างกะทันหันของเขาทำให้สับสนไปหมด
“พี่จะทำอะไรคะ?”
“ขอของขวัญไงครับ” จี้จิ่งเชินกล่าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงไม่เข้าใจ พลางเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย : “ฉันทำต้นทองสัมฤทธิ์เอาไว้แค่สองต้นจริงๆค่ะ ไม่มีแล้ว”
จี้จิ่งเชินยิ้ม
“ไม่มีของขวัญ ก็ต้องใช้อย่างอื่นมาชดเชยไงครับ”