เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 589 ความสุขที่เป็นของตัวเอง
บทที่ 589 ความสุขที่เป็นของตัวเอง
แสงจันทร์ค่อยๆหมดลง รอจนอรุณเบิกฟ้าทางฝั่งทิศตะวันออก จี้จิ่งเชินก็ตื่นขึ้นมา
เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้ว รูม่านตาก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น
ตื่นมาสิ่งที่เห็นเป็นสิ่งแรกก็คือท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ปรากฏอยู่ในสายตา
หางตายังคงมีรอยน้ำตาที่ยังแห้งไปไม่หมดอยู่เล็กน้อย แก้มแดง นอนหลับปุ๋ย ทำให้อยากจะยื่นมือออกไปหยิกเสียเหลือเกิน
แต่เมื่อคิดว่าแบบนี้ตัวเองอาจจะทำให้เธอตื่นได้ จี้จิ่งเชินจึงทำได้เพียงต้องอดทนกับความวู่วามที่อยู่ในใจของตัวเองเอาไว้ เพียงแค่ใช้สายตาอันแน่วแน่มองเธออย่างไม่ละสายตาเพียงเท่านั้น
ในหัวนั้นก็อดที่จะนึกไปถึงเมื่อคืนนี้ไม่ได้ ขอบตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนน้ำตาคลอ ท่าทางที่ร้องขออยู่ใต้ร่างกายของเขา
เพียงแค่นึกย้อนกลับไป ร่างกายของจี้จิ่งเชินนั้นก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ความสั่นไหวในใจนั้นถูกกระตุ้นขึ้นมา
ดวงตายิ่งดูมืดหม่นลง ท่าทางอ่อนโยนไม่มีพิษภัยของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้า ช่างชักนำให้อยากจะทำผิดยิ่งนัก
แต่เมื่อสายตาเห็นรอยช้ำบนร่างของเธอแล้ว คลื่นลูกใหญ่นั้นก็สงบลงในทันที
คอที่โผล่ออกมาให้เห็นนอกผ้าห่ม ไหล่ และตรงหลัง มีรอยมากมายที่เขาเป็นคนทำเอาไว้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาพที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มเลย จะยิ่งทำให้น่าสงสารมากไปกว่าเดิมอีก
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้จะร้องไห้ว่าไม่เอา แต่พอหลับลงแล้ว ก็ยังอดที่จะกอดมือเขาเอาไว้แน่นเสียไม่ได้
จี้จิ่งเชินมองเวลา การประชุมเอเชียแปซิฟิกเริ่มขึ้นแล้ว บริษัทเองก็เริ่มที่จะยุ่งขึ้นมาจริงๆแล้วเช่นกัน
เวลาหลังจากนี้ ช่วงเวลาหนึ่งวันแทบอยากจะแบ่งใช้เป็นสองวันเลยด้วย
เขาขยับตัว อยากจะดึงเอามือของตัวเองออกมา
แต่เพิ่งจะขยับตัวนั้น ทางฝ่ายนั้นก็กอดแน่นขึ้น เหมือนกับว่าเห็นตัวเขาเป็นหมอนอิงไปเสียแล้ว
รู้สึกว่าหมอนอิงจะหนีไปแล้ว ยังจะทำปากมุ่ยอย่างไม่มีความสุขอีกเสียอย่างนั้น
จี้จิ่งเชินพูดไม่ออก เพียงแค่อยากจะอยู่ดูเวินเที๋ยนเที๋ยน ดูท่าทางของเธอเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเขา
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่บริษัท ตัวเองกลับจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมประชุมด้วย
ยังมีเรื่องเมื่อวานที่เหยียนเจิ้งบอกนั่นอีก ก็จำเป็นจะต้องสืบหา ถึงจะมั่นใจได้ว่าจะร่วมมือกันได้หรือไม่
เรื่องเหล่านี้จำเป็นที่เขาจะต้องลงมือเอง ไม่มีเวลาให้หยุดนิ่งเฉยไปได้เลย
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว จี้จิ่งเชินก็เลี่ยงที่จะรู้สึกจำใจไปไม่ได้
เขาก้มลง แล้วจุมพิตลงบนหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ
เห็นมือของเธอขยับเล็กน้อย จึงรีบดึงมือของตัวเองออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นหมอนอีกใบหนึ่งแทน
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สังเกตเห็นว่ากำลังกอดหมอนอยู่ และไม่ได้ตื่นขึ้นมา เขาถึงได้วางใจในที่สุด แล้วหมุนตัวหันเดินออกไปยังด้านนอก
มาถึงห้องรับแขก เห็นว่าพ่อบ้านและแม่ครัวกำลังจัดเตรียมอาหารเช้าอยู่
กวาดตาไปมองบนโต๊ะ แล้วการแสดงออกของจี้จิ่งเชินนั้นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
“อาหารเช้าของฉันเตรียมไว้นิดเดียวก็พอ แล้วอย่าทำเสียงดังรบกวนเที๋ยนเที๋ยนด้วยนะ ให้เธอนอนไปอีกสักพัก อาหารเช้าเดี๋ยวค่อยทำก็ได้”
แม่ครัวได้ยินแล้ว ก็รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงยิ้มออกมาอย่างดีใจกว่าใครทั้งหมด
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความดีใจเช่นกัน
จี้จิ่งเชินมองเขาแวบหนึ่งแล้วออกคำสั่ง : “ช่วยฉันตรวจสอบคนๆนึงให้ที”
พ่อบ้านรีบหุบยิ้มลง แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ครับ”
“เหยียนเจิ้ง ไปสืบมาว่าหน้าที่ของเขาคืออะไร อย่าให้ใครรู้นะ รู้ผลแล้วรีบมาบอกฉันทันที”
“ครับ คุณผู้ชาย”
พ่อบ้านโค้งตัวลงเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินรีบทานอาหารเช้า โดยไม่ทันได้หยุดอยู่กับที่ก็ออกไปจากปราสาทแล้ว
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้นมานั้น เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว
และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาแล้วนั้น รู้สึกเพียงแค่ว่าทั้งร่างกายของตัวเองนั้นแข็งขาอ่อนปวกเปียกไปหมด ขยับตัวไม่ได้เลย
เป็นเวลานานกว่าจะพาตัวเองปีนลงมาจากเตียงได้ในที่สุด และพอเห็นแสงอาทิตย์ที่ส่องทะลุผ้าม่านและหน้าต่างเข้ามานั้น ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาเช้าแล้ว
เมื่อคืนนี้ถึงกี่โมงกันแน่ เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกย้อนไป แต่กลับคิดไม่ออกเลย รู้สึกรางๆว่าเหมือนกับตอนสุดท้ายตัวเองจะสลบไปเลยเสียอย่างนั้น
แต่มองดูร่างกายของตัวเองในเวลานี้แล้ว ถึงแม้ว่าตัวเองจะหลับไป แต่จี้จิ่งเชินเองก็ไม่ยอมปล่อยเธอเลย
คิดแล้วนั้น ใบหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาเล็กน้อย
รอจนเก็บข้าวของเสร็จแล้วนั้นก็เดินลงไปด้านล่าง แม่ครัวได้จัดเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนูครับ วันนี้คุณนายเหยาจะยื่นฟ้องต่อศาลนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังทานอาหารอยู่นั้นชะงักลง เมื่อได้ยินแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อบ้าน
“วันนี้หรือคะ?”
พ่อบ้านพยักหน้า
“เพิ่งกลับมาเมื่อครู่นี้ครับ อยากจะพบคุณหนู แต่ตอนนั้นคุณกำลังพักผ่อนอยู่ ก็เลยกลับไปก่อน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้วนั้นจึงวางถ้วยกับตะเกียบลง
“ฉันไปดูเธอหน่อยดีกว่า”
ว่าแล้วนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่หอคอยที่อยู่ด้านข้าง
พอเข้าประตูไปนั้น ก็เห็นเหยาเย้นกำลังนั่งอยู่ตรงห้องรับแขก กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรอยู่
เมื่อเดินเข้ามา เห็นเพียงแค่บนโต๊ะเธอนั้นเต็มไปด้วยข้อมูลวางกองอยู่เต็มไปหมด มีแว่นตาวางอยู่ตรงสันจมูก กำลังเปรียบเทียบข้อมูลในมือ แล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไป
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามา ก็รีบวางปากกาในมือลง
“เที๋ยนเที๋ยน ฉันว่ากำลังจะไปหาเธออยู่พอดีเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามาพลางเอ่ยขึ้น : “ได้ยินว่าวันนี้คุณไปยื่นฟ้องที่ศาลมาหรือคะ?”
เหยาเย้นชะงักไปพักหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
“ถึงแม้จะยื่นฟ้องแล้ว แต่ตระกูลเวินก็มีคนที่คุ้นเคยทางศาลนี้จำนวนไม่น้อย หรือบางทีอาจจะไม่รับคำฟ้อง ฉันก็เลยเตรียมตัวเอาไว้ก่อน”
อิทธิพลอำนาจของตระกูลเวินนั้นยิ่งใหญ่มาก คนที่รู้จักก็มีอำนาจแต่ละระดับ นี่เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาจริงๆ
เห็นความแค้นในแววตาของเธอแล้ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย : “คุณเจอปัญหาอะไรหรือคะ?”
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เหยาเย้นจึงอดที่จะฝืนยิ้มออกมาไม่ได้
“เมื่อกี้นี้ ฉันเพิ่งจะไปยื่นฟ้อง ยังไม่ทันกลับถึงบ้าน ก็ได้รับสายจากพ่อแม่ฉันโทรมา คงจะเป็นตระกูลเวินที่บอกพวกท่าน พ่อแม่ก็เลยสั่งให้ฉันรีบถอนฟ้อง แล้วให้ฉันกลับไปตระกูลเวิน แต่ถูกฉันปฏิเสธไปแล้วล่ะ”
เหยาเย้นพูดออกมาอย่างง่ายดาย แต่ความจริงแล้ว จากที่คุยกับพ่อแม่ทางโทรศัพท์ หลังจากที่พ่อแม่รู้ว่าเธอยืนกรานจะหย่า ก็ด่าว่าเธออย่างลนลาน แม้กระทั่งขู่ว่าจะตัดขาดสัมพันธ์กับเธออีกด้วย
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถมาขัดขวางการตัดสินใจของเหยาเย้นได้
ครั้งนี้เธอมองทุกอย่างชัดเจนแล้ว จะไม่ประนีประนอมต่อไปอีกแล้ว
เวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาถือเสียว่าซื้อไว้เป็นบทเรียน ครั้งนี้ เธอจะตัดสินใจเรื่องชีวิตของเธอด้วยตัวเธอเอง
ราวกับว่าในใจนั้นได้ตัดสินใจไปอย่างแน่นอนแล้ว สีหน้าของเหยาเย้นจึงดีขึ้นมามาก
ตอนนี้เธอฟื้นคืนสภาพจากความทุกข์ก่อนหน้านี้แล้ว แผลบนใบหน้าก็ดีขึ้นแล้วด้วย แต่ดูแล้วก็ยังไม่มีชีวิตชีวาเท่าไรนัก
การแต่งตัวบนเรือนร่างของเธอนั้นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ผมที่ม้วนขึ้นเมื่อก่อนนั้นถูกปล่อยลงมา ดูเด็กกว่าเดิมมาก เต็มไปด้วยพละกำลัง ซึ่งแตกต่างจากตอนที่อยู่ตระกูลเวินราวกับเป็นคนละคน
เมื่อก่อนเธอแต่งตัวเหมือนกับคนมีอายุ ดูแล้วนั้นจะดูแก่กว่าตัวจริงอยู่มาก
จนกระทั่งในตอนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้นึกขึ้นมาได้ ว่าเหยาเย้นที่อยู่ตรงหน้านั้นมีอายุเพียงแค่สามสิบต้นๆเพียงเท่านั้น ยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่เลย
ถึงแม้ว่าจะหย่ากับเวินหงไห่ ต่อไปก็จะสามารถหาความสุขที่เป็นของตัวเองได้เช่นกัน