เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 598 ความจำเป็นในการอยู่ต่อ
บทที่ 598 ความจำเป็นในการอยู่ต่อ
อะไรคือการทำงานและการพักผ่อนสมดุล….
เมื่อเผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชิน หัวใจอันขมขื่นของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับพูดไม่ออก ไม่กระทั่งการต่อต้านยังไม่อาจทำได้อย่างราบรื่น ไม่นานนักเธอก็สูญเสียความสามารถในการต้านทานไป
ปล่อยไปตามจิตใจ
จี้จิ่งเชินรักษาคำพูด เช้าวันรุ่งขึ้นเขาปลุกเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงโมโห ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็ไม่ยอมพูดคุณกับจี้จิ่งเชิน แม้จะนั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน แต่เธอก็หันหน้าหนีและมองออกไปนอกหน้าต่าง และไม่ยอมมองเขา
จี้จิ่งเชินพยายามพูดคุยกับเธอหลายครั้ง แต่กลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนเพิกเฉย ท่าทางไม่ไยดี
หรือเมื่อวานจะรังแกมากไปหน่อยจริงๆ?
เมื่อรถมาถึงสถานที่จัดงาน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังไม่ยอมพูด
จี้จิ่งเชินไม่ได้จากไป แต่ส่งเธอเข้าไปในห้องทำงานด้วยกัน
ทันทีที่เขาเปิดประตู ดวงตาคมปลาบของเขาก็กวาดมองทุกคน เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังยุ่งอยู่ และไม่มีปฏิกิริยาอะไรต่อการมาถึงของเวินเที๋ยนเที๋ยนมากนัก เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้ว่าจะเดาภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยนตอนที่ฉันทำงานออก แต่เมื่อมาเห็นเข้าจริงๆ เขาก็ยังรู้สึกปวดใจ ความโกรธค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องประชุม เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบเร่งทำงานทันที ในมือส่งมอบข้อมูลของเธอให้กับคนที่ทำงานกับเธอเมื่อวานนี้
“งานที่บริษัทใกล้จะเสร็จแล้ว วันนี้คุณเก็บงานให้เสร็จ”
คนนั้นๆ กำลังสนทนากับคนอื่นๆอยู่ เมื่อได้ยินเข้า ก็หันมาเหลือบมองเธอ จากนั้นจึงแค่นเสียงออกมา แต่ไม่ตอบกลับ
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้เปิดปาก เสียงของจี้จิ่งเชินก็ดังมาจากด้านหลัง
“เที๋ยนเที๋ยน”
ทันทีที่เขาเปิดปาก ทุกคนในห้องก็หันศีรษะมาพร้อมกัน
เมื่อเห็นว่าเป็นจี้จิ่งเชิน เสียงดังในนั้นก็หยุดลง
จี้จิ่งเชินเป็นที่รู้จักของทุกคนในเมืองหลวง หมู่คนจำเขาได้ก็เบิกตากว้าง และเงียบลงชั่วขณะ
จากนั้นจึงมีเสียงซุบซิบดังขึ้น
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น เขาก้าวเข้าไปและหยุดลงที่ข้างเวินเที๋ยนเที๋ยน
“วันนี้ตอนบ่ายฉันจะมารับเธอ อย่าทำงานดึกดื่นเหมือนเมื่อวานอีก”
พูดจบ เขาก็หันไปมองสมาชิกในกลุ่ม
“คนที่ไม่สามารถทำงานให้เสร็จตรงเวลาได้ แถมยังชอบทำงานขอไปที ไม่มีความจำเป็นต้องรั้งเอาไว้ต่อ”
ประโยคเรียบๆ ทำเอาทั้งห้องเงียบลงมา
ใบหน้าของสมาชิกคนนั้นกลายเป็นดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง จากนั้นสีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นขาวสลับเขียว
แต่เมื่อเผชิญกับคำพูดของจี้จิ่งเชินกลับไม่กล้าที่จะโต้ตอบ
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเข้า พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปที่สมาชิกคนนั้นด้วยความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางสายตาของผู้คน คนๆนั้นค่อยๆ รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา
จะเอ่ยอย่างไรตนก็อายุมากกว่าจี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงสองเท่า คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้กลับถูกเด็กรุ่นหลังสั่งสอนแบบนี้
อย่างไรก็ตาม จี้จิ่งเชินไม่ใส่ใจว่าตนได้ไว้หน้าคนตรงหน้าหรือไม่ ในสายตาเขา คนที่ไม่สามารถทำงานของตนให้ลุล่วงได้ อีกทั้งยังไม่ฟังคำสั่งหัวหน้าทีม แถมยังแอบอู้งาน คนแบบนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรั้งให้อยู่ต่อ
แม้ว่าเขาจะรู้สึกแทนเวินเที๋ยนเที๋ยนว่านี่ไม่คุ้มค่า แต่นี่เป็นงานของเธอ และเธอเป็นหัวหน้า ดังนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็สมควรจะจัดการเรื่องนี้เอง สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่ชี้แนะให้ดีขึ้นเท่านั้น
เขาเอื้อมมือไปที่เอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน จากนั้นจึงจูบที่ไรผมเธอเบาๆ
“ฉันไปก่อน”
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เขาถึงค่อยจากไปในที่สุด
จนกระทั่งเมื่อจี้จิ่งเชินออกจากสำนักงานไป คนอื่นๆ ก็ค่อยซุบซิบกันขึ้นมา
“คิดไม่ถึงว่าปกติเธอออกจะดูซื่อสัตย์ แต่กลับชอบทำงานขอไปที เอางานของตนเองไปให้คนอื่นทำ”
“วันก่อนเธอยังพูดเกี่ยวกับประสบการณ์อันโชกโชนของตนอยู่เลย นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนมีประสบการณ์โชกโชนชอบทำหรอกหรือ?”
“น่าสงสารจริงๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นหัวหน้ากลุ่มชัดๆ แต่กลับถูกคนอื่นเห็นเป็นคนรับใช้”
“อาศัยความอาวุโสของตนมาช่วย ฉันคิดว่าเธออายุมากแล้วจริงๆ ”
พูดไป คนเหล่านั้นก็หัวเราะขึ้นมา ราวกับไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยินคำเหล่านี้หรือไม่
สมาชิกกลุ่มคนนั้น ได้ฟังก็ก้มหน้าลง เธอกำหมัดแน่น ทั้งร่างกำลังสั่นเทา
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังคนเหล่านั้นยังคงพูดคุยกันอย่างไร้ยางอาย เธอก็เงยหน้าขึ้น และมองไปที่พวกเขา
ดวงตาคมปลาบทำเอาคนเหล่านั้นเงียบลงมา และไม่กล้าเอ่ยพูดต่อ
เธอจึงค่อยผลักข้อมูลในมือของเธอออกไป และพูดกับสมาชิกคนนั้น “คุณไปทำงานอันสุดท้ายนี้เถอะ”
พูดจบ เธอก็หันหลังไปจากไป
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินออกมา สมาชิกในทีมคนนั้นก็รีบตามมา
เธอจับเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ทันที
“เธอรอก่อน เธอจะให้ฉันออกจากกลุ่มแนะแนวงั้นหรือ? ถ้าเธอคิดอย่างนั้นก็พูดมา ไม่จำเป็นต้องซ่อนไว้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นใบหน้าเกรี้ยวกราดดุร้ายของเขา เธอก็ส่ายหัว
“ฉันไม่ได้ขอให้คุณออกจากกลุ่มแนะแนว”
ชายคนนั้นตะลึงไป
“ทำ ทำไม? แต่เมื่อวานนี้ฉันทำ… ”
แม้กระทั่งตนเองยังรู้ดี ถ้าหากเปลี่ยนเป็นตนที่อยู่ในตำแหน่งของเวินเที๋ยนเที๋ยน จะต้องไล่เธอออกไปแน่
เมื่อวาน งานในบริษัทเกือบ 80% เสร็จลงโดยเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอก็แค่ไปที่นั่นและทำตัวเกรี้ยวกราดไปมาเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันตรวจสอบข้อมูลของคุณมาแล้วก่อนหน้านี้”
อีกฝ่ายตะลึงไปชั่วขณะ เวินเที๋ยนเที๋ยนกล่าวต่อ “คุณเป็นลูกอาจารย์ผู้เฒ่าแห่งพระราชวังต้องห้าม และศึกษาอยู่กับเขามามากกว่า 20 ปี สำหรับเรื่องการบูรณะและเทคนิคการระบุตัวตนคุณล้วนมีมุมมองที่แปลกไม่เหมือนใคร ฉันเคยเห็นงานที่คุณเคยทำมาก่อน มันไม่เลวเลยจริงๆ จากมุมมองทางเทคนิค กลุ่มแนะแนวขาดคุณไม่ได้ ”
ชายคนนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างตะลึง
“ความหมายของเธอคือ เธอไม่ไล่ฉันไป?”
“ในขณะนี้ก็ตามนั้น ถ้าคุณสามารถจัดการโครงการได้สำเร็จ”
เมื่อได้ยิน ดวงตาของชายคนนั้นสว่างขึ้นเล็กน้อย
แต่เดิมคิดว่าตนวางแผนที่จะถูกไล่ออกจากกลุ่มผู้แนะแนวไว้แล้ว ถึงกระทั่งว่าจะรายงานทุกอย่างไปยังหัวหน้าของเธอ
อาจารย์ผู้เฒ่าแห่งพระราชวังต้องห้ามคนนั้นเคร่งครัดอย่ายิ่ง หากถูกเขารู้เข้า ตนเองคงจะถูกไล่ออกมาแน่ อีกทั้งยังอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนต่อภายใต้ชื่อของเขา
หลังจากที่ตนทำงานบูรณะมาหนักกว่า 20 ปีทุกอย่างจะถูกทำลายลงจนมืดมน
แต่คาดไม่ถึงว่า เวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่ได้คิดไล่ตนไป
เธอมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างระมัดระวัง ผ่านไปเนิ่นนานจึงเอ่ยขึ้น
“เวินเที๋ยนเที๋ยน เธอแตกต่างออกไปอยู่บ้างจริงๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยทำงานในพระราชวังต้องห้าม ในขณะที่กำลังบูรณะต้นไม้ทองสัมฤทธิ์ เธอเองเคยขออาจารย์ไปเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
แต่สุดท้ายอาจารย์ก็ไม่ได้พาเธอไปด้วย แต่หลังจากกลับมาไม่กี่วัน เขาก็เริ่มเอ่ยชมเวินเที๋ยนเที๋ยนกับเธอ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็มักจะอยากเห็นว่า แท้จริงแล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนอย่างไร
ถึงตอนนี้ เธอคล้ายจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมทัศนคติของอาจารย์ที่มีต่อเธอจึงแตกต่างกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่เข้าใจ และยังงุนงง
คนนั้นๆ หัวเราะ ในที่สุดปมภายในใจก็คลายออก