เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 603 อย่าขยับ ให้ผมกอดหน่อย
บทที่ 603 อย่าขยับ ให้ผมกอดหน่อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยู่ๆก็มีอีกคนพูดอธิบายขึ้นมาเสียงเบา
“ ได้ยินมาว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวที่อาจารย์ฟ่านมีเธอตอนช่วงวัยกลางคนค่ะ อาจารย์ฟ่านประคองไว้ในฝ่ามือ แถมยังรักและเอ็นดูมากอีกด้วย แม้แต่มาทำงานก็ยังเอามาด้วยเลย ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเด็กที่ยังคงนอนหลับอย่างสังเกต หลังจากนั้นก็พูดถาม: “ เธอกินยาแล้วหรือยัง? ”
“ เมื่อสักครู่ ตอนที่อาจารย์ฟ่านพามาก็ได้ให้เธอกินแล้วค่ะ แต่อาจารย์ฟ่านออกไปได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย ช่างใจใหญ่จริงๆนะคะ ”
“ เธอไปไหน? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วนิดหน่อย
มีคนเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่พร้อมจะนินทา หลังจากนั้นก็พูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียงเบา: “ เมื่อสักครู่ เหมือนผมเห็นเธอไปคุยธุระกับฝ่ายจัดงานครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมามองเขาอย่างตกใจ เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ แต่ไม่ได้พูดอะไร
เด็กน้อยบนโซฟาป่วยจนริมฝีปากแยกออกจากกัน เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร เธอจึงไปรินน้ำร้อนมา
“ พวกคุณช่วยฉันพยุงเธอขึ้นมาหน่อย ฉันจะป้อนน้ำให้เธอ ปล่อยให้ป่วยต่อไปแบบนี้คงไม่ดีแน่ ”
ตอนนี้เด็กป่วยจนค่อนข้างเลอะเลือนแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนให้คนพยุงเด็กขึ้นมา เธอกำลังจะป้อนน้ำให้เด็กน้อย อยู่ๆก็มีเสียงโมโหดังมาจากประตูทางเข้าอย่างกะทันหัน
“ พวกคุณทำอะไรน่ะ? ”
น้ำเสียงไม่เป็นมิตรทำให้การกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักกลางอากาศทันที
พอหันกลับไป ก็เห็นว่าอาจารย์ฟ่านกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างโมโห เธอกลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายลูกสาวของเธอ
เธอรีบเดินเข้ามา และดึงเด็กกลับไปอุ้มในอ้อมกอดทันที
เห็นเธอมีสีหน้าโหดร้าย คนในกลุ่มก็พากันไม่พอใจทันที พวกเขารู้สึกว่าความหวังดีของตัวเองถูกคิดว่าเป็นเจตนาร้ายไปเสียแล้ว พวกเขาจึงหมุนตัวเดินออกไปอย่างไม่พอใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเด็กคนนั้นป่วยจนน่าสงสาร เธอจึงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้: “ ให้เธอดื่มน้ำหน่อยเถอะค่ะ ทางที่ดีควรพาเธอไปโรงพยาบาล อุณหภูมิไข้สูงเกินไปแล้วนะคะ ”
เดิมที เธอเป็นห่วงเด็ก แต่ไม่คิดว่าในสายตาของอาจารย์ฟ่าน ความห่วงใยของเธอจะเปลี่ยนรสชาติไปซะงั้น อาจารย์ฟ่านคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการดันเธอออกจากงานนี้
เธอจึงถลึงตาใส่เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่พอใจ
“ ลูกของฉัน ฉันดูแลเองได้! คุณไม่ต้องมายุ่ง! ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นอาจารย์ฟ่านเต็มไปด้วยเจตนาร้าย เธอจึงกลืนคำพูดที่มุมปากลงไป และทำได้เพียงเดินกลับไปที่ตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง
หลังจากที่ไล่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปแล้ว อาจารย์ฟ่านก็ให้ลูกดื่มน้ำ
แต่ผ่านไปได้ไม่กี่นาที โทรศัพท์บนโต๊ะก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เธอรับโทรศัพท์มาฟัง สีหน้าของเธอก็ค่อยๆเคร่งขรึมขึ้น
เธอลังเลอยู่สักครู่ หลังจากนั้นก็วางลูกลงบนโซฟา และหมุนตัวเดินออกไปอีกครั้ง
รอจนอาจารย์ฟ่านออกไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเห็นเด็กคนนั้นยังไม่ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว เธอจึงรู้สึกกังวลอย่างอดไม่ได้
เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปคลำหน้าผากของเด็กน้อย และพบว่าร้อนจนทำให้ตกใจ!
พอเห็นการกระทำของเธอ คนในกลุ่มก็เรียกเธอไว้เสียก่อน
“ คุณเวิน จะไปสนใจเด็กทำไม? ความหวังดีถูกคิดว่าเป็นเจตนาร้ายไปแล้ว ไม่แน่อีกเดี๋ยวพอเธอกลับมา เธอก็อาจจะต่อว่าคุณอีกก็ได้นะ ”
“ ไม่รู้ว่าอาจารย์ฟ่านจะกลับมาเมื่อไหร่นี่สิ…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกลังเล ถึงแม้ว่าจะพูดออกไปแบบนั้น แต่พอได้ยินเด็กบนโซฟาส่งเสียงร้องเสียงเบาอย่างทรมาน เธอก็รู้สึกใจอ่อนอย่างอดไม่ได้
เธอเดินเข้าไป และพูดสั่งคนอื่นๆ: “ พวกคุณไปแจ้งอาจารย์ฟ่านว่าให้เธอกลับมาพาลูกไปโรงพยาบาล อย่าให้ป่วยแบบนี้ต่อไปแล้ว ”
ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่อาจารย์ฟ่านจะคิดว่าพวกเขาเป็นคนร้าย แต่ตอนนี้ พอได้ยินคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน สุดท้ายพวกเขาก็ยังเห็นด้วยอยู่ดี
ทั้งสองคนรีบเดินไปด้านนอก แต่ตามหาครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังหาเงาของอาจารย์ฟ่านไม่เจอเลย และไม่มีใครรู้ว่าเธอไปที่ไหน
“ หาไม่เจอหรอ? ”
แก้มของเด็กน้อยแดงมาก แถมตอนนี้ก็ร้องไห้แล้วด้วย และร้องอย่างเสียใจอีกต่างหาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนกัดฟันพูด: “ งั้นฉันจะพาเด็กไปโรงพยาบาลก่อน พวกคุณอยู่ที่นี่ รอให้อาจารย์ฟ่านกลับมา แล้วพวกคุณค่อยบอกว่าลูกของเธอไปที่ไหน ”
พวกเขาได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พากันพูดห้ามทันที
“ คุณเวิน คุณจะไปสนใจเรื่องนี้ทำไม? นี่ไม่เท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรอ? ”
“ ใช่ครับ อาจารย์ฟ่านคงไม่ขอบคุณคุณแน่ๆอ่ะ ”
“ หลังจากที่เธอกลับมา เธอก็คงจะพาไปโรงพยาบาลเองแหละ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจ ไม่สามารถกำจัดความกังวลในใจออกไปได้
“ เด็กน่าสงสารเกินไป เอาตามนี้แหละ ฉันออกเดินทางก่อน เพราะฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ”
พูดเสร็จ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อุ้มเด็กขึ้นมา หลังจากนั้นก็รีบเดินไปด้านนอก และขึ้นรถพาไปที่โรงพยาบาลทันที
มาถึงที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบถึงจะพบว่าเด็กคนนี้มีไข้สูงถึงสามสิบเก้าองศาเซลเซียส
ถ้ามาช้ากว่านี้ คงจะเป็นอันตรายอย่างแน่นอน
หลังจากที่หมอตรวจแล้ว เขาก็คิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นแม่ของเด็ก เขาไม่พูดอะไรก็ต่อว่าเธอซะแล้ว หลังจากนั้นเขาก็รีบพาเด็กไปฉีดยาอย่างรวดเร็ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอยู่ในโรงพยาบาล เธอรู้สึกไม่วางใจ จึงอยู่เป็นเพื่อนเด็กน้อย
จนกระทั่งฟ้าเปลี่ยนสี ก็ยังไม่เห็นอาจารย์ฟ่านมาที่นี่ เธอจึงโทรศัพท์ไปที่ห้องประชุมอย่างสงสัย กลับรู้ว่าถึงตอนนี้อาจารย์ฟ่านก็ยังไม่กลับมา
พวกเขาได้ไปหาฝ่ายจัดงาน แต่หาคนไม่เจอ และไม่รู้ว่าอาจารย์ฟ่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
มีเพียงเด็กที่ยังคงฉีดยา และยังคงนอนหลับอยู่
ขณะนี้ท้องฟ้าก็ได้กลายเป็นสีดำแล้ว จี้จิ่งเชินไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ห้องประชุมไม่เจอ เขาจึงโทรศัพท์มาหาเธอ พอรู้ที่อยู่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาจึงรีบตามมาทันที
หลังจากที่ได้ฟังเวินเที๋ยนเที๋ยนอธิบายแล้ว เขาถึงจะหันไปมองเด็กที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว “ แล้วเธอล่ะ? ทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่? ”
“ ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าไปที่ไหน ถ้าอีกสักครู่ยังหาตัวเธอไม่เจออีก ก็คงต้องพากลับไปที่ปราสาทแล้วล่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดไปด้วย และใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือให้เด็กน้อยไปด้วย พอนึกถึงอาจารย์ฟ่านที่ยังไม่โผล่มา เธอก็รู้สึกกังวลอีกแล้ว
“ ไม่รู้ว่าอาจารย์ฟ่านลืมลูกไปแล้วหรือเปล่า ถึงทำให้ตอนนี้ยังไม่มาหา…… ”
“ บางทีเธออาจจะไม่สนใจสุขภาพร่างกายของลูกก็ได้ ”
จี้จิ่งเชินพูดรับคำนิ่งๆ สายตาของเขาที่มองไปที่เด็กไม่มีความรู้สึกใดๆ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือไปดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนออกมา
“ วันนี้ทั้งวันคุณอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเลยหรอ? ”
“ งานอื่นทำเสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้ก็เหลือเพียงโครงการชิ้นสุดท้ายเท่านั้น ”
พอนึกได้ เธอก็หันไปมองจี้จิ่งเชิน หลังจากนั้นก็พูดถามขึ้น: “ เป็นยังไงบ้าง? มีความมั่นใจไหม? ”
จี้จิ่งเชินยิ้มนิ่งๆ ในดวงตาของเขามีความขี้เล่นกับความมั่นใจอันล้นหลาม
“ คุณไม่เชื่อในตัวผมหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับพูดอย่างเป็นห่วง: “ ตระกูลเวินก็อยากได้โครงการนี้เช่นกัน? เพื่อโครงการนี้ เวินฉี่ยังตั้งใจยื่นเวลาเกษียณออกไป แถมยังเสียแรงอย่างยากลำบาก เพื่อให้อาจารย์ฟ่านแทรกเข้ามาในฝ่ายชี้แนะอีกด้วย ทั้งหมดก็เพื่อที่ตัวเองจะได้ครอบครองโครงการนี้ ”
เมื่อเทียบกับความกังวลของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินกลับใจเย็นมาก
“ ไม่มีปัญหาหรอก ”
เขาพูดนิ่งๆ หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปดึงคนที่กำลังยุ่งอยู่ตรงหน้าให้เข้ามาหา
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาดึงจนก้าวถอยหลังนิดหน่อย เธอคล้อยตามการกระทำของเขา และนั่งลงไปในที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนพบว่าตัวเองถูกเขากอดไว้ในอ้อมอก และกำลังนั่งอยู่บนขาทั้งสองข้างของเขา
“ นายจะทำอะไร? ”
เธอตะเกียกตะกายนิดหน่อย หลังจากนั้นก็มองไปรอบๆ เด็กน้อยยังคงนอนหลับอยู่ ภายในห้องผู้ป่วยมีเพียงแค่พวกเขาสามคนเท่านั้น
จี้จิ่งเชินเกี่ยวเอวเธอแน่น และซุกหน้าลงไปบนไหล่และลำคอของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ อย่าขยับ ให้ผมกอดหน่อย ”
เขาหลับตา และพักผ่อนบนตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ในน้ำเสียงมีความเหนื่อยล้าที่ไม่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ