เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 615 ประธานจี้เร่าร้อนเกินไปแล้ว
บทที่ 615 ประธานจี้เร่าร้อนเกินไปแล้ว
ตึ้ง เสียงลิฟต์ดังขึ้นเตือนว่าได้มาถึงชั้นบนสุดของตึกเรียบร้อยแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจงหลีเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกันแล้วเดินตรงไปที่ห้องทำงานของจี้จิ่งเชิน
แต่พอเดินไปได้แค่ครึ่งทาง จงหลีกลับหยุดเดิน
หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นว่า: “คุณเวิน จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่ามีธุระ รบกวนคุณช่วยนำเอกสารฉบับนี้ไปส่งให้ประธานจี้หน่อยเถอะครับ”
สุดท้ายเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รับเอกสารมาโดยไม่ลังเล แล้วเดินไปที่หน้าห้องทำงานของจี้จิ่งเชิน
ส่วนจงหลีก็ไม่ได้รีบจากไปในทันที แล้วยืนอยู่กับที่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปในห้องทำงานก่อน จากนั้นค่อยกลับไป
ในห้องทำงาน จี้จิ่งเชินกำลังนั้นพลิกดูเอกสารในมือ
เพื่อโครงการใหญ่ในครั้งนี้แล้ว ทุกคนในบริษัทยุ่งกันจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้
ในฐานะที่เป็นผู้นำและเป็นเสาหลักของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป จี้จิ่งเชินก็ยิ่งอยากจะแยกร่างตัวเองออกมาทำงานกองโตนี้ให้เสร็จ
ถึงแม้จะได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็ไม่คิดที่จะหันไปมองและพูดขึ้นมาเลยว่า: “รางรถไฟระหว่างประเทศจัดการเสร็จเรียบร้อยหรือยัง? จะเริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้เมื่อไหร่?”
พอพูดจบแล้ว เขาก็รอเสียงตอบรับอยู่ตั้งนาน
สุดท้ายจี้จิ่งเชินก็เริ่มไม่สบอารมณ์และเงยหน้าขึ้นทันที
ในขณะที่กำลังจะถาม เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาหยุดชะงักและมองเธออย่างประหลาดใจ
“เธอมาได้อย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของจี้จิ่งเชิน
“นี่เป็นโครงการที่ทีมชี้แนะคิดขึ้นมาใหม่ นายลองดูสิว่ามีตรงไหนบกพร่องรึเปล่า ฉันจะได้ให้พวกเขาแก้”
จี้จิ่งเชินรับมาแล้วมองดูแค่แวบเดียวไม่ได้เปิดดูข้างใน จากนั้นเงยหน้ามองเวินเที๋ยนเที๋ยนต่อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วหยิบเอกสารที่จงหลีมอบให้เธอฉบับนั้นยื่นให้เขา
“ตอนที่ฉันขึ้นมาเมื่อกี้ จงหลีขอให้ฉันช่วยเอามาให้คุณ”
จี้จิ่งเชินรับมาแล้วมองแวบหนึ่ง และพอจะเดาได้คราวๆ ถึงสาเหตุที่เขาหลบเลี่ยงตนเองได้แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยมันออกมา
“เธอเจอจงหลีแล้ว?” เขาย้อนถาม
ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
“ไม่ใช่แค่เจอจงหลี แต่ฉันยังคุยกับเขาถึงเรื่องสมัยก่อน”
จี้จิ่งเชินรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ผิดปกติเล็กน้อยของเธอตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในห้องแล้ว
พอได้ยินแบบนี้ ก็พอจะเดาอะไรได้แล้ว เขายิ้มออกมาอย่างคาดไม่ถึง ส่วนน้ำเสียงก็ความรู้สึกจนปัญญาอยู่เล็กน้อย
แต่ก็ยังถามว่า: “พวกเธอคุยอะไรกัน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นไปอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยิ้มออกมาในเวลาแบบนี้ได้
เมื่อคิดถึงความไม่เป็นธรรมที่เธอเคยได้รับในอดีตก็ร้องเรียนขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้นายเคยบอกไม่ใช่เหรอว่า นายแย่งจงหลีมาจากบริษัทอื่นด้วยการแข่งขันน่ะ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า แล้วยอมรับสารภาพอย่างหมดเปลือก
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งไม่พอใจไปกันใหญ่
“ฉันถามจงหลีแล้ว ถึงได้รู้ว่าการแข่งขันของพวกนายสองคนจริงๆ แล้วเป็นการแข่งดื่มเหล้าต่างหาก ใครคอแข็งกว่าคนนั้นชนะ นี่มันนับเป็นการแข่งได้ด้วยเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่พอใจ
ตอนแรกคิดอยู่เลยว่าจี้จิ่งเชินใช้กลอุบายที่เหนือชั้นอะไรถึงได้แย่งจงหลีมาได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะแค่ดื่มเหล้า
ถ้าแบบนี้ก็นับได้ แล้วยังจะพูดถึงค่าลิขสิทธิ์อะไรอีก?
เธอไม่ได้ใช้วิธีของเขาสักหน่อย!
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกขื่นขมใจจนพูดไม่ออก เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่แสนลำบากและ“ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า”จากการถูกบีบให้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ในตอนนั้นของตัวเอง
ชัดเจนแจ่มแจ้งดีแล้วว่าเธอถูกจี้จิ่งเชินหลอก!
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่รู้สึกประหม่าเลยที่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ รอยยิ้มที่มุมปากของเขายังเพิ่มขึ้นอีก
เขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินมาตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม: “ฉันก็ไม่เคยบอกนี่ว่าการแข่งขันระหว่างฉันกับจงหลีเป็นการแข่งขันทางธุรกิจ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะเป็นแค่การแข่งดื่มเหล้า แต่เธอก็ใช้คำแนะนำของฉันไม่ใช่เหรอ?”
ตอนที่เขาแย่งจงหลีมาจากบริษัทอื่น ตั้งแต่ตอนที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปก็ยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการเลย
ทั้งสองคนอายุยังน้อย ส่วนที่บอกว่าแข่งขันนั้นก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มริมฝีปากและจ้องหน้าเขา
ต่อให้ตนเองจะพูดอย่างไร ก็เถียงสู้นักธุรกิจจอมเจ้าเล่ห์ตรงหน้านี้ไม่ได้หรอก สู้ไม่พูดจะดีเสียกว่า
ท่าทางแบบนี้ของเธอทำให้จี้จิ่งเชินใจอ่อนมาตั้งนานแล้ว แทบอยากจะโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกอดให้แน่นๆ
เขายื่นมือออกไปดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ แล้วพูดอย่างประนีประนอมว่า: “เอาอย่างนี้ดีกว่า เธอรู้สึกว่าฉันหลอกเธอและเอารัดเอาเปรียบเธอใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างจริงจังมาก
ก็เป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ?
รอยยิ้มในดวงตาของจี้จิ่งเชินล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะแนะนำว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว อย่างนั้นก็ให้เธอเอาคืนบ้าง เป็นไง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
“คืนอย่างไร?”
จี้จิ่งเชินซ่อนเร้นรอยยิ้มในดวงตาแล้วเอ่ยขึ้นว่า: “ในเมื่อเธอคิดว่าก่อนหน้านี้ฉันเอารัดเอาเปรียบเธอ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันจะยอมให้เธอรังแกฉันบ้างก็แล้วกัน”
เขาพูดด้วยท่าทีที่เด็ดเดี่ยวยุติธรรม ก็ฟังดูถูกต้องดีทั้งยังใจกว้างอีกด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะพยักหน้า แต่พอคิดให้รอบคอบดีแล้ว จู่ๆ กลับรู้สึกว่ามันมีบางอย่างแปลกๆ
ถ้าแม้ตัวเองจะอย่างรังแกเขากลับ แต่พอคิดไปคิดมา ถ้าสุดท้ายแล้วคนที่ถูกเอาเปรียบไม่ใช่จี้จิ่งเชินล่ะ?
คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ในนั้น!
พอคิดได้แบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตกใจแล้วรีบส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่า ไม่เอาคืนนายแล้ว”
แต่จี้จิ่งเชินกลับยิ้มแล้วเอ่ยว่า: “จริงเหรอ? โอกาสดีขนาดนี้ พลาดไม่ได้เชียวนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวราวกับกลองป๋องแป๋ง จะตกหลุมพรางได้อย่างไรกันล่ะ?
จี้จิ่งเชินยิ้มบางๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเล็กน้อย
“งั้นเหรอ? น่าเสียดายจริงๆ…”
พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มองเขาอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง
ที่แท้ก็เป็นแผนหลอกลวงของจี้จิ่งเชิน!
ดวงตากลมโตดั่งรูปผลซิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจของเจ้าของ
พอเห็นเธอมีท่าทางแบบนี้แล้ว ในใจจี้จิ่งเชินก็รู้สึกชอบมากเสียจนใจอ่อน อดไม่ได้ที่จะโอบเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาในอ้อมกอด
จากนั้นเอ่ยว่า: “เอาแบบนี้ดีไหม ตอนนี้งานของพวกเธอเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ? คืนนี้ฉันจะเตรียมของขวัญให้เธอหนึ่งอย่าง”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังไม่วางใจ ในใจก็ยังคงหวาดระแวง
“ของขวัญอะไร?”
ดูท่าทางคงจะถูกจี้จิ่งเชินทำให้ตกใจใหญ่แล้ว
จี้จิ่งเชินอดยิ้มแล้วพูดออกมาไม่ได้ว่า: “วางใจเถอะ ต้องเป็นของขวัญที่ดีแน่นอน แล้วฉันจะพาเธอไป”
ต่อมาผู้จัดการท่านอื่นๆ ขึ้นมาปรึกษาเรื่องงานกับจี้จิ่งเชิน เขาก็ถึงได้ปล่อยเธอไป
ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องทำงานทีมชี้แนะ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็สังเกตได้ถึงสายตาที่หยอกล้อของสมาชิกในทีม
พอกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ก็มีคนชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือของเธอ
“สองชั่วโมงเลยนะ ฉันยังคิดว่าหัวหน้าทีมขึ้นไปส่งเอกสารจะใช้เวลาแค่สิบนาทีก็จะลงมาเสียอีก”
“ประธานจี้คงเร่าร้อนเกินไปแล้วสินะ?”
พอสบโอกาสหลายคนก็เริ่มหยอกล้อเวินเที๋ยนเที๋ยน
หลังจากที่ขึ้นไปส่งแผนงานฉบับนั้น งานทุกอย่างในครั้งนี้ของทีมชี้แนะก็เสร็จลงไปอย่างราบรื่น เลยยิ่งมีเวลามาหยอกล้อเวินเที๋ยนเที๋ยน
พอคิดว่าอีกสองสามวันก็จะไม่มีโอกาสแล้ว ดังนั้นหลายๆ คนเอ่ยปากแค่สองสามคำก็หนีไม่พ้นเรื่องของจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยน