เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 620 เจอการยั่วยุที่คาดไม่ถึง
บทที่ 620 เจอการยั่วยุที่คาดไม่ถึง
จี้จิ่งเชินค่อยๆ กำมือที่อยู่ข้างหลังแน่นจนเป็นกำปั้นและยืนอยู่ที่เดิมสักพัก จนในที่สุดก็หันหลังจากไป
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงานของท่านประธานที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร
ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่นี่อยู่สักระยะ จึงใช้เวลาหาตำแหน่งห้องทำงานของประธานได้อย่างรวดเร็ว
ประตูไม้สีดำหนาที่อยู่ตรงหน้าปิดแน่นสนิท เธอกำลังจะผลักประตูเข้าไป แต่จู่ๆ กลับได้ยินเสียงบทสนทนาดังเล็ดลอดออกมา
“ฉันคิดไม่ออกเลย! ถ้าพิจารณาจากสติปัญญาและสายเลือด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังด้อยกว่าคนอื่นๆ ในตระกูลเวินอยู่ดี แล้วยังไม่ได้พูดอะไรสักคำก็ยกบริษัทให้เธอ เห็นบริษัทเป็นเรื่องล้อเล่น ทำเหมือนพวกเราเป็นตัวตลก!”
“บริษัทใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับให้เด็กสาวอายุยี่สิบต้นๆ มาเป็นผู้นำ ถ้าลือออกไปไม่กลัวคนเขาจะหัวเราะเอาหรือไง!”
“ถูกต้องแล้ว คนตระกูลหล่อนมีมากมาย ไม่ได้มีเวินเที๋ยนเที๋ยนแค่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น…เธอก็ไม่แน่ว่าเธอจะเป็นคนตระกูลหล่อนหรือเปล่า”
“สายเลือดอีกครึ่งหนึ่งในตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนคือตระกูลเวิน เธออาจจะกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคาก็ได้ใครจะรู้?”
“ฉันก็ไม่เห็นด้วยตั้งนานแล้วกับการที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาอยู่ในบริษัท แต่คิดไม่ถึงว่าคุณนายหล่อนจะตัดสินใจเองโดยที่ไม่แจ้งพวกเรา เอาพวกเราไปไว้ที่ไหน ฉันดูแล้วบริษัทลงจะจบเห่เพราะพวกเธอแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังยืนฟังอยู่ด้านนอก ก็ชะงักท่าทางที่กำลังจะเปิดประตู
ถึงแม่จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าการที่ตนเองมาเป็นประธานบริษัทอย่างกะทันหันนั้น จะต้องทำให้หลายๆ คนไม่พอใจ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า พวกเขาจะกล้าด่าต่อว่าต่อขานอย่างโจ่งแจ้งในห้องทำงานของประธาน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนเริ่มแรกที่เธอกลายมาเป็นรองประธาน ทุกคนก็เห็นสิ่งที่เธอได้ทำทุกสิ่ง
ถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ทุกครั้งที่ลงมือทำภารกิจทุกอย่างก็จะเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้ตนเองเพิ่งจะเข้ามาทำงานในบริษัทวันแรก ถึงแม้จะยังไม่ได้เริ่มทำงาน แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในห้องทำงานแล้วเที่ยววิพากษ์วิจารณ์เธอและยังปฏิเสธการทำงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในห้องเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งของตำแหน่งนี้เป็นครั้งแรก ราวกับมีหินก้อนใหญ่กดทับหัวใจเธออยู่
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหมุนลูกบิดประตูและเปิดประตูในที่สุด
พอได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น หลายๆ คนในห้องก็เงียบลงทันที
ดวงตาก็แววประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ก็ไม่ได้กังวลใจว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่ตนเองเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่และเงยหน้าขึ้น แสดงท่าทางที่หยิ่งผยอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนกวาดสายตามองรอบหนึ่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่บริษัทหล่อนซื่อมาก่อน จึงรู้ตำแหน่งของคนเหล่านี้ดี
ตอนที่เธอเป็นรองประธาน ก็เคยถูกเหล่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้กลั่นแกล้งมาก่อน
แต่ตอนนั้นพวกเขายังพอจะรู้จักขอบเขตอยู่
แต่พอตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ดำรงตำแหน่งประธาน มันกลับเป็นการทิ่มแทงพวกเขาภายในชั่วพริบตา
คนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น ล้วนแต่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทรวมถึงเป็นคนของตระกูลหล่อนสายรอง
ก็เหมือนกับหลายๆ คน รวมถึงลูกของพวกเขาต่างก็มีคุณสมบัติที่จะรับช่วงต่อจากตระกูลหล่อน ดังนั้นการที่ต้องมองดูบริษัทตกอยู่ในมือเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงทำให้พวกเขาโกรธอย่างนี้
พอเห็นว่าเธอเข้ามา หลายๆ คนยังใช้น้ำเสียงที่เย็นชาเย้ยหยันพูดขึ้นมา
“โอ้ นี่ไม่ใช่คนที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานคนใหม่ของพวกเราหรอกเหรอ? รีบมาบริษัทเร็วขนาดนี้ ช่างลำบากเสียจริงๆ ”
“ก็ต้องรีบมารึเปล่า? ถ้ามาช้าไปก้าวเดียวเดี๋ยวก็ถูกคนอื่นแย่งไปหรอก ? เพราะไม่อย่างนั้นความพยายามก่อนหน้านี้ก็คงจะสูญเปล่าน่ะสิ”
คำพูดที่ฟังดูกำเริบเสิบสานราวกับไม่เห็นหัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเลยสักนิด แถมยิ่งพูดก็ยิ่งไปน่าฟังขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่พูด ก็เบนสายตามาทางเธอด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
“พูดพอรึยัง?”
เธอเอ่ยปากขึ้น จนในที่สุดหลายคนก็เงียบลง แต่ก็ยังส่งเสียงเย็นชาออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆ เย็นชา
“ฉันยังจำได้ว่า ห้องทำงานประธานของบริษัทหล่อนซื่อถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากประธาน คนอื่นก็ไม่สามารถเข้ามาได้ นี่เป็นกฎที่คนในบริษัทต่างก็ทราบกันดี หรือว่าหลายท่านในที่นี้ไม่ทราบ?”
ห้องทำงานของประธานเป็นตำแหน่งหัวใจสำคัญของทั้งบริษัท มีข้อมูลที่มีความสำคัญมากล้วนเก็บอยู่ในนี้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากประธาน คนอื่นก็ไม่สามารถเข้ามาได้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีฐานะเป็นกรรมการบริษัทก็ตาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่และไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นพูดแทรก
หลายๆ คนเริ่มหน้าเปลี่ยนสีและโกรธจนหน้าดำหน้าแดง อยากจะตอบโต้แต่กลับพูดไม่ออกอยู่นาน
เพราะนี่เป็นข้อบังคับที่ระบุไว้ในบริษัทอย่างชัดเจน!
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่ออีกว่า: “ถ้าพวกคุณอยากอยู่ที่นี่ต่อล่ะก็ ไปยื่นใบสมัครก่อนสิหรือไม่ก็หาคนมาดำรงตำแหน่งประธานแทนฉัน ถึงเวลานั้นคุณอยากจะเข้ามาอย่างไร ก็เข้ามาอย่างนั้น”
เธอยืนตัวตรงอยู่กับที่ น้ำเสียงค่อนข้างเหนือกว่าเล็กน้อย แสดงอำนาจออกมาอย่างที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง ไม่มีความใจอ่อนเลยสักนิดและขอให้พวกเขาออกไปอย่างแข็งกร้าว
กรรมการบริษัทหลายคนมีสีหน้าที่ดูไม่ได้ หน้าดำราวกับก้นหม้อ
เป็นเวลายาวนาน ในที่สุดก็เค้นเสียงเย็นชาออกมาหนึ่งคำแล้วสะบัดมือเดินออกไปข้างนอก
ก่อนจะออกไป ยังทิ้งประโยคหนึ่งไว้
“ดูสิว่าเธอจะอยู่ตำแหน่งนี้ได้อีกนานแค่ไหน?”
ปัง เสียงประตูห้องปิดกระแทกลงดังลั่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนหลังตรงอยู่ในห้องทำงาน
หลังจากที่ผ่านไปสักพัก ก็ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้แล้วถอนหายใจ
เห็นทีว่าวันข้างหน้าคงจะลำบากกว่าที่เธอคิดเสียแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งในห้องทำงานของประธานได้ไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
ผู้จัดการหยางรีบมาทันทีหลังจากที่ทราบข่าว
ก่อนหน้านี้ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จัดการหยาง
และเขาก็เป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยที่ยืนอยู่ข้างตนเอง
พอเข้ามา ผู้จัดการหยางก็มองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างระมัดระวัง
ระหว่างทางที่เขากำลังขึ้นมาก็ได้เจอกับกรรมการบริษัทสองสามท่าน พอเห็นสีหน้าพวกเราดูย่ำแย่และลงจากลิฟต์พิเศษของประธานไปอย่างกรุ่นโกรธ เขาก็รู้ทันทีเลยว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงรีบร้อนเข้ามาเพราะกังวลว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ก่อนที่คุณนายหล่อนจะไปเคยสั่งกำชับให้ผู้จัดการหยางคอยช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนดูแลบริษัท
แต่วันแรกก็ดันเกิดเรื่องขึ้นอย่างนี้ แล้วจะให้เขาไปอธิบายกับคุณนายหล่อนว่าอย่างไร?
เพียงแต่ลองมองดูสีหน้าในตอนนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่พบความผิดปกติ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสินะ
เขาปลอบใจตนเองไปด้วยพร้อมเอ่ยว่า: “คุณเวิน ทำไมคุณมาถึงเร็วขนาดนี้ ถึงไม่แจ้งผมก่อนสักคำล่ะ แล้วให้พวกเขามารับน้องเสียได้”
“ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นหรอก แต่โดนรับน้องเข้าแล้วจริงๆ”
พอได้ยินผู้จัดการหยางก็มองเธออย่างไม่เข้าใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนฝืนยิ้มและพูดต่อ: “คณะกรรมการบริษัทมาต้อนรับที่ห้องทำงานด้วยตนเอง”
พอได้ยินแค่นี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เข้าใจทันที
คณะกรรมการไม่กี่คนนั้นแต่เดิมก็เป็นพวกชอบสร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอยู่แล้ว เขาพอจะนึกออกว่าพวกนั้นพูดอะไรออกมา
แต่คงคิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไปได้ยินเข้า ทันใดนั้นเขาก็ฝืนยิ้มและรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
แล้วอธิบาย: “คณะกรรมการบริษัทเหล่านั้นก็แค่ปากร้ายแต่ใจดี คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น คุณไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ รอให้ผ่านไปสักพัก เดี๋ยวพวกเขาก็เข้าใจเอง”
“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น