เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 635 ภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันจะกำกับเอง
บทที่ 635 ภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันจะกำกับเอง
การกลั่นแกล้งแบนนี้ แม้แต่เฉินชุนเองก็ยังไม่มีทางรับได้
เขาคิดพลางอดไม่ได้จะเข้าไปใกล้อีกนิด
ครั้งนี้ เฉินชุนเห็นเศษกระดาษในมือเวินเที๋ยนเที๋ยนได้อย่างชัดเจน เป็นเศษกระดาษพวกนั้นที่เขาฉีกก่อนหน้านี้นั่นเอง!
เป็นไปได้อย่างไร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังตั้งอกตั้งใจประกอบเศษกระดาษอย่างสุดชีวิต ไม่ได้สังเกตด้านหลังที่เฉินชุนเข้ามาใกล้
เฉินชุนในตอนนี้ความรู้สึกในใจนั้นใช้คำว่าสั่นคลอนสองคำนี้ก็บรรยายได้ไม่เพียงพอ
คิดถึงคำพูดพวกนั้นก่อนหน้านี้ของตัวเอง ไหนจะกลั่นแกล้งสารพัด อารมณ์ของเขาเปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิงอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ขึ้นมาทันที
ยืนอยู่สักพัก เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง สุดท้ายก็หมุนตัวกลับไปที่วิลล่าของตัวเองอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้ ใจของเขากลับไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน
นั่งลงบนโซฟา อีกสักพักต่อมา ในที่สุดก็ตัดสินใจได้
สีของท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง เสียงกริ่งหน้าประตูวิลล่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง เฉินชุนที่นั่งอยู่บนโซฟาลุกขึ้น
ราวกับกำลังรอเสียงนี้อยู่แล้ว
ในตอนนั้น สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปแล้วเล็กน้อย
เปิดประตูอีกครั้ง เห็นในมือเวินเที๋ยนเที๋ยนถือเอกสารที่มีรอยฉีกยืนอยู่หน้าประตูอย่างที่คิด ไม่มีความน้อยใจบนใบหน้าแต่กลับมีรอยยิ้งจาง ๆ
“ผู้กำกับเฉิน ฉันประกอบเศษเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้คุณตกลงกับฉันแล้วว่าถ้าฉันทำเสร็จ คุณจะเจียดเวลาอ่าน?”
แม้จะรู้แล้วว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนทำอะไรมา แต่เมื่อเห็นเอกสารพวกนั้นก่อนหน้านี้อยู่ตรงหน้าจริง ๆ ไม่ง่ายเลยที่จะสงบคลื่นลมในใจ ไม่พูดอะไรอยู่นาน
หยุดสายตาหยุดบนใบหน้าเธอชั่วขณะ รวมไปถึงที่เอกสารฉบับนั้นในมือของเธอ
ก่อนหน้านี้เพื่อจะไล่เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างถึงที่สุด เขาฉีกเอกสารนั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาก ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาเอาเศษกระดาษพวกนั้นมาประกอบขึ้นใหม่อีกครั้งจริง ๆ
ตอนนี้แม่จะถูกนำมาแปะติดกัน แต่ตัวหนังบนนั้นก็เลือนรางไปพอสมควร
เฉินชุนหนักใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ยกมือขึ้น
ไม่ใช่จะรับเอาเอกสารฉบับนั้นมา แต่เป็นผลักไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยนเบา ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไป คิดว่าเขาจะปฏิเสธอีกครั้ง ความสดใสในนัยน์ตาหายไปในทันที
เธอยังอยากพูดโน้มน้าวอีกสักครั้ง กำลังจะอ้าปาก เฉินชุนก็พูดขึ้นมา: “ไม่ต้องอ่านแล้ว”
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันกำกับเอง”
ได้ยินดังนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งเบิกตากว้าง
แสงสว่างสดใสในนัยน์ตาที่ก่อนหน้านี้สลายหายไปก็ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง มองเขาอย่างแปลกใจและดีใจ
เฉินชุนพยักหน้ายืนยัน
“ขอโทษด้วย ที่ก่อนหน้านี้พูดถึงข้อเรียกร้องที่หยาบคายขนาดนั้น คุณให้พวกเขาส่งแผนงานและบทภาพยนตร์ฉบับใหม่มาให้อีกรอบได้ไหม? ฉันอยากเริ่มอ่านใหม่อีกครั้ง”
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างชอบใจ: “พรุ่งนี้เช้า ฉันจะให้พวกเขาส่งมาให้”
เฉินชุนมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยสายตาที่มีแววชื่นชม
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนกับลูกหลานครอบครัวมีเงินน่ารังเกียจในความคิดเขาพวกนั้น การร่วมงานกันครั้งนี้ เขาเองก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับคิดถึงก่อนหน้านี้มีคนบอกเธอ ว่าประธานหล่อนได้สั่งทั้งวงการบันเทิงแล้ว ใครก็ห้ามช่วยเธอ
ถ้าหากร่วมถ่ายทำภาพยนตร์ ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับประธานหล่อน
คิดถึงตรงนี้ เธออดไม่ได้ที่จะลังเล
“ถ้าคุณช่วยฉัน กับประธานหล่อนจะไม่เป็นไรเหรอ?”
เฉินชุนยิ้มเยาะ
“ในเมื่อฉันกล้ารับ ก็คือไม่กลัว”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงวางใจ
เฉินชุนพูดรับประกันอีกครั้ง: “ฉันรับประกันได้ ฉันจะทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ช่วยเธอทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เสร็จ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
เฉินชุนแค่เพียงโบกมือเบา ๆ เอ่ยอย่างเคร่งเครียด: “หานักแสดงเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
“ถึงแม้จะยังไม่ได้คุยกับอีกฝ่าย แต่ก็ยืนยันเลือกคนที่ดีที่สุดไว้แล้ว”
เธอพูดพร้อมกังวลว่าเฉินชุนจะไม่พอใจ
แต่เฉินชุนกลับพูดอย่างไม่ติดใจสงสัย: “ถ้าเป็นคนที่เธอเลือกแล้วละก็น่าจะไม่เลว ฉันเชื่อเธอ”
ทั้งสองคนรอที่จะพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ไหวแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนพบว่า ก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองนั้นเข้าใจการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มากพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับพบว่าตัวเองนั้นยังขาดอะไรบางอย่างไป
จนค่ำแล้ว ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้ตัวว่าเป็นเวลาค่ำแล้ว รีบร้อนขอตัวลา
แต่ไม่คิดว่าเมื่อเปิดประตูใหญ่วิลล่าแล้ว จะเห็นจี้จิ่งเชินยืนอยู่หน้าประตูอยู่แล้ว
เขายืนหันหลังให้ประตู ยืนแผ่นหลังหลังตรงอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่ารอมานานแค่ไหนแล้ว เสื้อคลุมตัวบางสีกากีของผู้หญิงพาดอยู่บนแขน
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ติดต่อกับเขา แล้วก็ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินจะมารับเธอ จึงชะงักไป
ได้ยินเสียงเปิดประตู ในเวลาเดียวกันจี้จิ่งเชินก็หมุนตัวกลับมา
สายตากวาดมองเวินเที๋ยนเที๋ยนและเฉินชุน ก็เดาถึงตอนจบของเรื่องได้ รอยยิ้มจาง ๆ จึงปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เดินเข้าไปยกเสื้อคลุมในมือคลุมให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่พึ่งชักจูงให้เฉินชุนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ได้ กำลังอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น เงยหน้าขึ้นยิ้มให้จี้จิ่งเชินจนคิ้วโค้งขึ้น
จี้จิ่งเชินเห็นแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย
แค่เพียงผู้กำกับคนเดียวก็ทำให้เธอดีใจขนาดนี้เลย?
เขายกมือขึ้น จับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างรู้สึกหึงหวงและอิจฉา สิบนิ้วสอดประสานกัน
“กลับได้แล้วใช่ไหม?”
“อืม” เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า กล่าวลากับผู้กำกับเฉินชุน ในที่สุดจึงกลับไป
ระหว่างทาง เวินเที๋ยนเที๋ยนยังตื่นเต้นไม่หาย พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด โดยมักจะพูดถึงเรื่องที่เฉินชุนคุยกับเธอในวันนี้
แม้ว่าผลงานการถ่ายทำของเฉินชุนผู้คนจะไม่ค่อยรู้จัก แต่ผลงานส่วนใหญ่ล้วนดีที่สุด ความคิดโดดเด่น ทุกครั้งที่พูด ล้วนทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตา
เธอพูดเป็นต่อยหอย ไม่จบไม่สิ้น
จี้จิ่งเชินที่ขับรถอยู่ข้าง ๆ ตอบรับเป็นครั้งคราว ค่อย ๆ ไม่ค่อยพูด ในใจนั้นกลับยิ่งหนักอึ้ง
อาศัยช่วงติดไฟแดง อยู่ ๆ ก็หันไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ได้เห็นว่าอารมณ์ของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนไป ยกมือประกอบกับพูดอย่างตื่นเต้นไม่หยุด
ผู้หญิงคนนี้ เห็นเขาเป็นอากาศจริง ๆ เหรอ?
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วเล็กน้อย
“เที๋ยนเที๋ยน” อยู่ ๆ เขาก็เอ่ยปากถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถึงครึ่งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเรียก ก็หยุดพูดทันที
“มีอะไรเหรอ…..”
เธอหันหน้าไป ยังไม่เห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน ก็ถูกคนดึงจนร่างโน้มไปข้างหน้า
วินาทีต่อมา ริมฝีปากก็ถูกประกบปิดเบา ๆ ปลายลิ้นไล่ต้อนอย่างพิถีพิถัน
ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินถอดเข็มขัดนิรภัยตั้งแต่เมื่อไหร่ โน้มตัวข้ามช่องว่างระหว่างเบาะ ดึงเสื้อผ้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน ฉวยโอกาสตอนติดไฟแดงจูบเธอ!
ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนเมื่อสักครู่พูดถึงผู้ชายคนอื่นไม่หยุด ไม่มีชื่อใครคนอื่นนอกจากตัวเองหลุดออกจากปากอีก
เหลือเพียงแค่อื้ออึงเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินถึงถอยออกมาเล็กน้อย ปล่อยตัวเธอ
ภายใต้ไฟแดง ใบหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงฝาด ริมฝีปากถูกจูบจนแดงเรื่อ
“คุณเป็นอะไร…..”
เธอยกมือขึ้นปิดริมฝีปาก ดวงตาคู่หนึ่งหลุกหลิกไปมา ทั้งยังมีน้ำเอ่อคลอบาง ๆ
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วพูด: “ยังอยากพูดต่ออีกไหม?