เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 644 กองอยู่ตรงนั้นต่อไปเถอะ
บทที่ 644 กองอยู่ตรงนั้นต่อไปเถอะ
หล่อนเจียนีเห็นว่าบอร์ดี้การ์ดไม่ได้กลัวคำขู่ของตัวเอง จึงกรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ
แต่แขนทั้งสองข้างนั้นได้ถูกดึงขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแม้แต่เท้าทั้งสองข้างก็ไม่ได้แตะพื้นแล้วด้วยเช่นกัน แรงอย่างเธอนั้นไม่สามารถดิ้นหลุดได้อยู่แล้ว
ไม่นาน หล่อนเจียนีก็ถูกพาออกไปจากสถานที่ถ่ายทำ
ตลอดทางนั้น เธอร้องไม่หยุด แม้กระทั่งเริ่มสาปแช่งออกมาทำให้เป็นที่สนใจจากคนจำนวนไม่น้อย
ทุกคนเห็นว่าเป็นหล่อนเจียนี แต่กลับไม่มีใครเข้าไปขวาง กลับยืนรอดูเรื่องสนุกๆเสียด้วยซ้ำไป
ช่วงเวลานี้ทุกสิ่งที่หล่อนเจียนีทำไปในกองถ่ายนี้ ทุกคนต่างก็เห็นกันหมด ทนดูไม่ได้กันมาตั้งนานแล้ว
ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนลงมือทำในสิ่งที่ต้องการแทนพวกเขาแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินตามหลังบอร์ดี้การ์ดมาจนกระทั่งถึงตรงข้างทาง
“ปล่อยเธอลง”
บอร์ดี้การ์ดสองสามคนนั้นถึงได้ปล่อยตัวหล่อนเจียนีที่ดิ้นรนอย่างไม่หยุดนั้นลง และยังคงด่าสาปแช่งออกมาอย่างไม่หยุดอีกด้วยเช่นกัน
“ไม่คิดว่าพวกเธอจะกล้าทำกับฉันแบบนี้! ฉันจะต้องบอกพ่ออย่างแน่นอน ให้พวกเธอต้องได้รับกับผลที่จะตามมา!”
“รอก่อนแล้วกัน! หนีไม่รอดสักคนแน่!”
เธอที่เพิ่งจะหล่นลงบนพื้นนั้น ผู้ช่วยของหล่อนเจียนีสองสามคนนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา สำรวจดูว่าร่างกายของเธอมีบาดแผลหรือเปล่า
ท่าทางที่แอบอ้างบารมีข่มเหงผู้อื่นของหล่อนเจียนี ด่ากราดไปทางบอร์ดี้การ์ดเหล่านั้น
สีหน้าท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆแม้แต่นิดเดียว มองพวกเขาด้วยแววตาที่เย็นชา
“ขอให้พวกคุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ แล้วก็ไม่ต้องมาที่กองถ่ายนี่อีก มิเช่นนั้นหากพวกคุณมาที่นี่อีก ฉันก็จะให้คนจับพวกคุณโยนออกมาอีก ฉันคิดว่าท่านกรรมการหล่อนคงจะไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ของคุณหรอกนะคะ”
ได้ยินแล้ว สีหน้าของหล่อนเจียนีก็เปลี่ยนไป
นั่นเป็นเพราะว่าหล่อนเจี้ยนกั๋วไม่มีเวลามาที่กองถ่าย เธอถึงได้มาเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถูก ถึงแม้ว่าตัวเองจะถูกโยนออกมาจริงๆ หล่อนเจี้ยนกั๋วก็คงจะไม่มีกะจิตกะใจมาช่วยเธอได้อยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ที่หล่อนเจียนีร้องเอะอะอยู่นั้น จึงเงียบลงในทันที
เธอมองแรงใส่เวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วชี้หน้าเธอ
“อย่าคิดว่าฉันกลัวเธอนะ! ฉันจะบอกเธอให้ว่าภาพยนตร์ของเธอน่ะไม่มีทางประสบความสำเร็จหรอก!”
“ฉันจะรอดูเธอออกไปจากตระกูลหล่อน! เอาอะไรไปไม่ได้ทั้งนั้น!”
“ลูกสวะที่ไม่รู้มาจากที่ไหน ยังจะคิดเป็นทายาทของตระกูลหล่อน เธออย่าฝันไปหน่อยเลย!”
เธอด่าว่าออกมา ใช้คำพูดที่ไม่อาจทนดูต่อไปได้ยิ่งกว่าเดิม
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น แววตาค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างเย็นชา
เวลานี้เอง รถคันสีดำค่อยๆขับมาจากข้างทาง จอดลงอยู่ตรงข้างๆไม่กี่คนตรงนั้นดึงดูดสายตาของทุกคนขึ้นมาในทันใด
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังจะเอ่ยพูดขึ้นนั้น ประตูรถก็เปิดออกมา สองขาเรียวยาวที่อยู่ในชุดสูทก้าวออกมา
ชุดสูทสีดำที่สวมอยู่บนร่างกาย ทำให้จี้จิ่งเชินดูดีสง่าผ่าเผยมากยิ่งขึ้นไปอีก หล่อเหลาไม่สร่าง
เขาลงจากรถ แล้วยกมือขึ้นจัดแจงแขนเสื้อ สายตากวาดมองไปตรงข้างทาง
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหล่อนเจียนีที่กำลังอยู่ในสถานการณ์รุ่มร้อนอยู่นั้น คิ้วของเขาก็ปรากฏรอยขมวดคดเคี้ยวขึ้นมา และเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเขาก็เดินเข้ามา
ในขณะที่จี้จิ่งเชินลงจากรถนั้น เดิมทีหล่อนเจียนีที่นั่งโมโหอยู่ที่พื้นนั้นก็หยุดลงในทันที สายตามองไปยังร่างของเขาโดยไม่สามารถละสายตาออกไปได้
ใบหน้าปรากฏความเลื่อมใสอย่างปกปิดไม่มิด แววตาจดจ้องอยู่ที่ร่างของจี้จิ่งเชิน
ใบหน้าของหล่อนเจียนีนั้นไม่นับว่าโดดเด่นเท่าไรนัก ตอนแรกที่ชอบเหลียงจี้อาน อีกทั้งยังเป็นฝ่ายชวนเขาแต่งงานนั่นก็เป็นเพราะชอบที่รูปลักษณ์ภายนอกของเขา
เดิมทีที่คิดว่าเหลียงจี้อานนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อมาเทียบกับจี้จิ่งเชินแล้วจะดูเหนือขึ้นมาทันที ทั้งสองคนแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เพียงแค่ช่วงเวลาเดียว หล่อนเจียนีก็รู้สึกไม่สนใจเหลียงจี้อานที่บ้านขึ้นมาในทันที หัวใจทั้งดวงนั้นวิ่งไปอยู่กับจี้จิ่งเชินเข้าเสียแล้ว จ้องมองเขาที่กำลังเดินมา
เห็นสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังหยุดมองอยู่ที่ตัวเอง ก็ยิ่งใจสั่นขึ้นมา แล้วแสร้งทำเป็นสำรวมลูบผมของตัวเอง แล้วส่งสายตาหวานให้เขา
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”เสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้น
และยิ่งหล่อนเจียนีได้ยินเสียงเขาแล้วนั้นก็ยิ่งอ่อนระทวยไปทั้งร่างกาย แก้มแดงระเรื่อ สายตาแห่งความชอบมองไปทางจี้จิ่งเชินอย่างปกปิดไม่มิด
เธอไอกระแอมออกมาเบาๆ คิดว่าจี้จิ่งเชินกำลังเอ่ยถามตัวเอง แล้วเอ่ยพูดออกมาอย่างหยาดเยิ้ม
“คนพวกนี้รังแกฉันค่ะ”
เธอยังรอให้จี้จิ่งเชินออกหน้าแทนตัวเอง แต่ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินได้ยินเสียงของเธอแล้วกลับขมวดคิ้วขึ้นมา
มองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
“คนนี้คือลูกสาวของท่านกรรมการหล่อน สองสามวันมานี้เธออยู่ที่นี่ตลอดเลยค่ะ ไม่ยอมไปไหนเลยด้วย ทำให้การถ่ายทำของเราล่าช้าออกไปอีก ช่วยไม่ได้ค่ะฉันก็เลยให้คนเอาตัวเธอออกมา แล้วเตรียมจะให้คนไปส่งเธอกลับบ้านไป”
ได้ยินแล้ว แววตาของจี้จิ่งเชินนั้นก็ค่อยๆเย็นชาขึ้นมา แล้วหันไปมองทางหล่อนเจียนีอีกครั้งหนึ่ง
เห็นเพียงแค่ใบหน้าแดงๆของอีกฝ่ายหนึ่งเพียงเท่านั้น ใบหน้าที่มองเขาอย่างรอคอย ในใจนั้นรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที
หล่อนเจียนีเห็นว่าจี้จิ่งเชินมองมาทางตัวเอง ก็ยังคงคิดว่าจี้จิ่งเชินนั้นเป็นห่วงเธอ จึงยิ่งรู้สึกชื่นชอบจี้จิ่งเชินมากขึ้นไปอีก แล้วแสดงท่าทางที่ดูหยาดเยิ้มเช่นนั้นออกมา
“คุณจี้ คุณดูสิคะว่าเธอทำแบบนี้กับฉัน…..”
“จริงครับ”
ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินตอบรับออกมาจริงๆ
หล่อนเจียนีได้ยินแล้วในใจนั้นก็ยิ่งรู้สึกพอใจขึ้นมา
ขณะที่กำลังจะแสร้งทำเป็นน่าสงสารต่อ ทำให้จี้จิ่งเชินเห็นใจตัวเอง จู่ๆก็ได้ยินประโยคต่อมาของจี้จิ่งเชินขึ้น
“ในเมื่อตั้งใจมาก่อความวุ่นวาย จับโยนออกไปเลยก็ได้แล้วนะ เป็นถึงลูกสาวของกรรมการหล่อน จะไม่รู้ทางกลับบ้านเลยอย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา ไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้นเองหล่อนเจียนีก็รู้สึกแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิมตรงนั้น ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะไม่เห็นใจตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว และยังเย็นชากับเธอเช่นนี้อีกด้วย
แต่จี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นยืนอยู่ข้างๆกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นสนิทสนมใกล้ชิดกันเป็นอย่างมาก ในดวงตาปรากฏความอ่อนโยนออกมา
หล่อนเจียนีกัดฟันขึ้นมาในทันใด มองดูท่าทางของจี้จิ่งเชิน แทบอยากจะพุ่งเข้าไปหาในตอนนี้เสียเลย
ปกติแล้วเธอออกจากบ้านน้อยครั้งมาก เคยเห็นข่าวของจี้จิ่งเชินบ้างเป็นบางครั้งบางคราวเพียงเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าตัวจริงจะหล่อกว่าในรูปเสียอีก
มองดูทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันในตอนนี้แล้ว ในใจของหล่อนเจียนีนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาขึ้นมาในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนมีสิทธิ์อะไรถึงได้คบกับจี้จิ่งเชินได้?
คนที่คู่ควรกับเขานั้นควรจะเป็นตัวเธอเองสิถึงจะถูก!
ลูกสวะคนนึง มีคุณสมบัติอะไรกัน!
ถ้าหากจี้จิ่งเชินรู้จักเธอ เขาจะต้องชอบเธออย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นคงจะไม่มีตำแหน่งของเวินเที๋ยนเที๋ยนหรอก
คิดเช่นนี้แล้ว เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้ายิ่งมีความพอใจมากยิ่งขึ้น
เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อย แล้วออดอ้อนอย่างหวานหยาดเยิ้ม
“ฉันถูกพวกเขาโยนมาทิ้งไว้ตรงนี้ เท้าแพลง คุณจี้ไปส่งฉันกลับบ้านหน่อยได้ไหมคะ?”
ใบหน้าของจี้จิ่งเชินนั้นมองเธออย่างไร้ความรู้สึกใดๆ ราวกับกำลังมองวัตถุที่ไม่ได้มีความสำคัญอย่างไรอย่างนั้น แววตามองไปยังเท้าที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆนั่น
“คุณได้รับบาดเจ็บ?”
น้ำเสียงของเขานั้นไม่มีขึ้นลงเลยแม้แต่นิดเดียว
หล่อนเจียนีพยักหน้า ใบหน้าดูน่าสงสาร
“ใช่ค่ะ ฉันเจ็บหนักมาก ยืนไม่ได้เลย ฉัน……”
“ถ้าอย่างนั้นก็กองมันอยู่ตรงนั้นต่อไปเถอะนะครับ”
ยังไม่ทันรอให้เธอพูดจบ จี้จิ่งเชินก็เอ่ยตัดบทออกมาอย่างเย็นชา โดยไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น
หล่อนเจียนีอึ้งไปพักหนึ่ง ราวกับว่ายังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง
พักหนึ่งถึงได้เอ่ยพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง : “คุณจี้ ทำไมคุณพูดแบบนี้…..