เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 646 การแวะเยี่ยมกองถ่ายที่อันตราย
บทที่ 646 การแวะเยี่ยมกองถ่ายที่อันตราย
ในกองถ่ายนั้นหมินอันเกอเป็นคนที่ไม่ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจ ขยันหมั่นเพียร ทุกฉากต้องการจะแสดงออกมาให้ดีที่สุด
งานเสร็จสิ้นลง ก็แยกย้ายกลับบ้าน ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่มองเขาเปลี่ยนไป
แต่ตอนนี้จี้จิ่งเชินอยู่ด้วยนั้น ทุกคนเห็นว่าเขาออกมา การแสดงออกทางใบหน้านั้นก็ดูจะทำตัวไม่ถูกกันไปอยู่บ้าง
ใครๆก็รู้ เกี่ยวกับข่าวลือของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหมินอันเกอนั้นมีอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้ทั้งสามคนมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…..
คิดแล้ว การเคลื่อนไหวในมือของทุกคนนั้นก็อดที่จะหยุดลงเองไม่ได้ แล้วมองไปทางพวกเขา กังวลว่าจี้จิ่งเชินจะรู้สึกไม่พอใจ
“เที๋ยนเที๋ยน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงแล้วจึงหันไปมอง เห็นหมินอันเกอที่ส่งยิ้มมาให้เธอ
“คุณไปเอาของมาหรือยังคะ? ตอนนี้อากาศร้อน ดื่มน้ำผลไม้สักหน่อยจะสามารถพักฟื้นความเหนื่อยได้นะคะ”
“เดี๋ยวผมไปเอาครับ”
เขาตอบรับไป คิดแล้วนั้นจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะบอกกับคุณ วันนี้การถ่ายทำสามารถเสร็จก่อนล่วงหน้าซักหนึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ?”
ได้ยินแล้ว แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มีความสงสัยส่งออกมา
หมินอันเกอจึงอธิบายขึ้นอีกครั้ง : “วันนี้นัดกับคุณหมอไว้น่ะครับ จะพาหลวนจื่อไปตรวจสุขภาพด้วยกัน”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว จึงพยักหน้าลงอย่างเข้าใจ
“ไม่มีปัญหาค่ะ หลวนจื่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่เป็นอะไรครับ เพียงแค่เป็นการเป็นตรวจตามปกติเท่านั้นเอง คุณวางใจได้”
ช่วงนี้หมินอันเกออยู่ที่กองถ่ายตลอด หลวนจื่ออยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่มีคนคุย จะต้องอึดอัดอย่างแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนราวกับนึกถึงท่าทางของหลวนจื่อที่กำลังตั้งท้องแล้วอยู่ที่บ้านคนเดียว จึงยิ้มออกมา
“ไม่มีปัญหาค่ะ คุณไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเถอะ”
หมินอันเกอพยักหน้า แล้วยื่นมือไปหยิบเครื่องดื่มในลังข้างๆขึ้นมาหนึ่งขวด พลางยกขึ้นเล็กน้อยส่งสัญญาณไปทางจี้จิ่งเชิน
“ขอบคุณนะครับ”
ดวงตาของจี้จิ่งเชินนั้นยังคงนิ่งคงที่ไม่มีการขึ้นลงใดๆแม้แต่นิดเดียว และเขาก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาด้วยเช่นกัน
รอจนหลังจากที่หมินอันเกอเดินไปแล้วนั้น เห็นว่าระหว่างทั้งสามคนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางทีมงานจึงพากันรู้สึกโล่งใจในที่สุด
จี้จิ่งเชินเอียงหน้ามอง พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ : “คุณแน่ใจหรือครับว่าจะให้เขามาเป็นพระเอก?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตาเบื้องหลังของเขาไป
“ภาพยนตร์เรื่องนี้จากการคาดคะเนจากข้อมูลที่มีอยู่เหมาะสมกับหมินอันเกอที่สุดแล้วล่ะค่ะ แล้วก็จะได้เป็นการปรับแต่งให้เหมาะกับเขาด้วยเหมือนกัน ความปรารถนาสูงสุดของพี่หมินก็คือหวังที่จะได้ไปยืนอยู่บนเวที ฉันไม่อยากให้ความหวังของเขาสูญสลายไปแบบนี้”
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เธอสามารถรับรู้ได้ว่าที่หมินอันเกอกลับเข้าสู่วงการบันเทิงใหม่ในครั้งนี้ สถานการณ์ของเขานั้นไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว
เมื่อก่อนแรงกำลังของหมินอันเกอ ในฐานะที่เป็นศิลปินที่โด่งดังแนวหน้าของประเทศ เขามีทุนพอที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ แล้วก็มีทุนพอที่จะสามารถเป็นที่รู้จักได้
แต่ตอนนี้หลังจากที่ผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้แล้ว หมินอันเกอเปลี่ยนไปมีความถ่อมตัวกว่าเดิมมาก
ทุกๆวันนอกจากเขาจะทำงานแล้วก็ดูแลหลวนจื่อแล้วนั้น เวลาที่เหลือก็เอามาใช้ในการศึกษาค้นคว้าทักษะการแสดงของตัวเอง
ภายในไม่กี่วัน ความสามารถในการแสดงของบทและตัวละครของเขานั้นก็ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกที่ผู้กำกับเฉินชุนรู้ว่าหมินอันเกอเป็นนักแสดงนำหลักนั้น ก็แสดงออกมาว่าไม่พอใจเช่นกัน แต่ไม่นานก็ได้เห็นความพัฒนาของหมินอันเกอ เป็นความสามารถที่ทำให้ตกตะลึงยิ่งนัก!
และค่อยๆยอมรับในตัวหมินอันเกออย่างช้าๆ อดจะชื่นชมไม่ได้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเลือกคนได้ดียิ่งนัก
ในการทำงาน หมินอันเกอกำลังพยายามทำให้จิตใจของตัวเองนั้นกลับมาฮึกเหิมใหม่อีกครั้ง แต่การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเขานั้นกลับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเป็นห่วงมาก
ขณะที่กำลังคิดไปพลางนั้น มือหนึ่งกลับยื่นออกมาจากทางข้างๆ จับคางของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ แล้วจับหน้าเธอให้หันมาอย่างเบามือ
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นละมาตามการเคลื่อนไหวนี้ สุดท้ายแล้วก็เจอกับใบหน้าของจี้จิ่งเชิน
เธอเอียงศีรษะ
“อะไรหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินมีรอยคดเคี้ยวเล็กน้อยที่มองไม่เห็นปรากฏออกมาตรงคิ้ว แววตาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“อยู่ต่อหน้าผม แต่กลับไปคิดเป็นห่วงผู้ชายคนอื่น? เที๋ยนเที๋ยน คุณเห็นผมเป็นอากาศไปแล้วหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปพักหนึ่ง เห็นความไม่พอใจที่ปรากฏออกมาอย่างชัดจนบนใบหน้าของจี้จิ่งเชิน แล้วดูเหมือนไม่ได้ล้อเล่น ในใจจึงรู้สึกจนปัญญาขึ้นมาในทันที
ความรู้สึกที่เธอมีต่อหมินอันเกอนั้นเป็นเพียงแค่เพื่อนแค่พี่น้องเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องที่จี้จิ่งเชินกังวลว่าจะเกิดขึ้นอยู่เลย
ท่าทางจริงจังของผู้ชายตรงหน้า ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
จึงตั้งใจเอ่ยพูดขึ้น : “ฉันไม่ได้เป็นห่วงแค่หมินอันเกอเท่านั้นนะคะ ยังเป็นห่วงตู้อาน เฉินโต๋…….”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดเจ็ดแปดชื่อนี้ออกมารวดเดียว ล้วนแต่เป็นทีมงานในกองถ่ายทั้งนั้น
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้วนั้น สายตาก็มองไปยังร่างของคนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยชื่อถึง
เดิมที่บุคคลเหล่านั้นกำลังวุ่นอยู่กับการกินอาหารว่างที่จี้จิ่งเชินเอามาให้ จู่ๆกลับรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่ส่งมาจากทางด้านหลัง หนาวเสียจนพวกเขารู้สึกสั่นไปหมด
และพอหันกลับมามอง ก็ปะทะเข้ากับสายตาที่เหมือนจะอยากฆ่าคนของจี้จิ่งเชิน พวกเขาตกใจอึ้งกันอยู่ตรงที่เดิม ร่างกายแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับ
ในใจกลับรู้สึกสงสัย ว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาทำอะไรกันหรือเปล่า? ทำไมประธานจี้ถึงได้โมโหขนาดนี้?
เห็นว่าทีมงานสามสี่คนนั้นที่ตกใจจี้จิ่งเชินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบดึงเขาเอาไว้ ให้เขาละสายตาออกมา
พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “พี่อย่าทำให้พวกเขาตกใจสิคะ พวกเขาเป็นทีมงานที่ขาดไปไม่ได้แม้แต่คนเดียวเลยนะ ถ้าหากพี่ทำพวกเขาตกใจจนหนีไปล่ะก็ ฉันจะไปหาคนได้จากที่ไหน?”
จี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่มือที่อยู่ตรงเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นรวบขึ้นมาอีกเล็กน้อย ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมาก
เขากอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้แน่น สายตาที่ครอบครองนี้กวาดมองไปทั้งกองถ่าย ราวกับต้องการประกาศอำนาจทั้งหมดของตัวเอง
ท่าทางแบบเด็กๆนี้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกจนใจยิ่งนัก
เมื่อเห็นสายตาที่มองมาของคนอื่นนั้น ใบหน้าของเธออดที่จะแดงขึ้นมาไม่ได้ เธอก้มหน้าลง
จี้จิ่งเชินอยู่ที่กองถ่ายพักหนึ่ง ไม่นาน เขาก็ต้องกลับไปเพราะเรื่องงาน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงอยู่ที่กองถ่ายต่อตรวจสอบการถ่ายทำของคนอื่นๆ
เวลานี้เองกลับมีคนหนึ่งที่เดินเข้ามาแล้วกระซิบลงข้างๆหูเธอ
“คุณเวิน ทางด้านนอกมีคนต้องการจะเข้ามาครับ”
“นักข่าวหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้หันมามอง กลับเอ่ยออกมาเลย : “ขวางพวกเขาเอาไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาทั้งนั้น”
หลังจากข่าวลือครั้งที่แล้วสงบลง นักข่าวที่มายังกองถ่ายนั้นถึงแม้ว่าจำนวนจะลดลงไปมาก แต่ทุกๆวันก็ยังมีนักข่าวและสื่อที่แตกต่างกันไปมาสำรวจสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำภาพยนตร์ของพวกเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดจบแล้ว กลับพบว่าผู้ช่วยไม่ออกไปเสียที
“คุณเวิน…..” ผู้ช่วยเอยขึ้นอย่างลังเล พลางขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “คนๆนั้นคุณคงจะรู้จัก”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหันมา เห็นเพียงแค่สีหน้าของอีกฝ่ายนั้นดูซับซ้อนอยู่บ้าง
“ฝั่งนั้นดูเหมือนจะเป็นหลวนจื่อ คุณหลวนครับ”
ตอนที่เรื่องของหมินอันเกอถูกเปิดเผยออกมานั้น ในฐานะที่หลวนจื่อเป็นนางแบบก็เข้ามาเป็นที่จับตามองของผู้คนด้วยเช่นกัน จะพูดได้ว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอก็ได้
ตอนนี้เห็นหลวนจื่อที่หายไปเป็นเวลาหลายเดือนมาปรากฏตัวที่กองถ่ายนี้ ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของทีมงานนั้นทำงานขึ้นมา
และยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะสวมใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ แต่ก็ยังคงมองเห็นท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อยของเธอ
“หลวนจื่อมาอย่างนั้นหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ แววตาปรากฏความเซอร์ไพรส์ออกมา
เมื่อครู่นี้หมินอันเกอบอกว่าจะไปโรงพยาบาลกับหลวนจื่ออยู่เลย เดิมทีคิดว่าหลังจากหมินอันเกอถ่ายงานเสร็จแล้วถึงจะไปรับเธอเสียอีก ไม่คิดว่าหลวนจื่อจะเป็นฝ่ายมาเองแบบนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินไปยังด้านนอก ยังไม่ทันออกไปนั้นก็เห็นหลวนจื่อเดินเข้ามาจากทางด้านนอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว