เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 647 ทักษะการแสดงที่น่าตกตะลึง
บทที่ 647 ทักษะการแสดงที่น่าตกตะลึง
หลวนจื่อสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ ถึงแม้ว่าจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่รูปร่างนั้นก็ยังคงดีอยู่เช่นเดิม เมื่อเข้ามาแล้วก็ดึงดูดสายตาจากทุกคนไปได้
แต่ไม่นาน ก็มีคนค้นพบถึงสถานะของหลวนจื่อ คนจำนวนไม่น้อยที่ส่งเสียงร้องอุทานออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินเข้าไปตรงหน้าเธอ ใบหน้าปรากฏความเซอร์ไพรส์
“ฉันคิดว่าหมินอันเกอจะไปรับคุณเสียอีก ไม่คิดว่าคุณจะมาที่นี่เอง”
“ก่อนหน้านี้นัดกันแล้วค่ะว่าเขาจะกลับบ้านไปรับฉัน แต่งานเขายุ่งขนาดนี้ ฉันควรจะมาเองดีกว่า ก็เลยออกมาเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงเธอเข้ามายังด้านใน
“หมินอันเกอกำลังแต่งหน้าอยู่ ต่อไปจะมีถ่ายทำอยู่สองฉาก ถ่ายเสร็จก็กลับได้แล้วล่ะค่ะ”
หลวนจื่อพยักหน้าลงไม่กล้ามองไปรอบๆ
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เธอเองก็รับรู้ถึงสายตาของคนเหล่านั้นที่กำลังมองมาที่เธออย่างชัดเจน มีทั้งความต้องการจะสืบเรื่องราวและความสงสัย และยังมีสายตาที่ไม่พอใจที่กำลังมองมายังท้องของตัวเธอเองอีกด้วย
หลวนจื่อดูไม่เป็นธรรมชาติ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเห็นถึงความกังวลที่อยู่ในใจของเธอ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า : “ที่นี่เสียงผู้คนจอแจกัน เดี๋ยวฉันพาคุณไปด้านในก่อนดีกว่าค่ะ”
หลวนจื่อพยักหน้าแล้วเดินตามเธอเข้าไปด้านใน
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินออกมาจากสถานที่ถ่ายทำ ก็มีเสียงพูดคุยกันดังขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น
“อา? นั่นไม่ใช่หลวนจื่อหรอกหรือ? คนที่มีข่าวลือกับหมินอันเกอนั่นใช่ไหม?”
“ดูแล้วเธอคงจะท้องจริงๆสินะ เห็นท้องของเธอไหม?”
“แบบนี้ ทั้งสองคนก็คบกันแล้วจริงๆสินะ? ยังจะกล้าแวะมาเยี่ยมเยียนที่กองถ่ายอีก!”
“ใครจะไปรู้ล่ะ? ถึงอย่างไรหมินอันเกอก็ไม่ได้ถืออยู่แล้วนี่ ยอมไปหมดแบบนี้ พวกเรายังจะพูดอะไรได้อีก?”
สองสามคนซุบซิบนินทากัน สายตาหยุดอยู่ตรงทิศทางที่หลวนจื่อและเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไป โดยไม่ละสายตา
“พวกเธอกำลังคุยอะไรกันน่ะ! เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายทำกันแล้ว งานในมือเสร็จกันแล้วรึยัง?”
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆเสียงที่ไม่พอใจของเฉินชุนก็ดังขึ้นมา ทำให้ไม่กี่คนตรงนั้นตกใจกันจนแยกย้ายกันออกไปหมด
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับหลวนจื่อเข้ามาในห้องพักด้วยกัน ตัดขาดสายตาและเสียงของทุกคนนั้นเอาไว้ทางด้านนอกแทน และนี่หลวนจื่อถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
หลังจากตั้งแต่เรื่องเธอกับหมินอันเกอถูกเปิดเผยออกมานั้น เธอก็อยู่แต่ที่คฤหาสน์ตลอด ออกมาปรากฏตัวข้างนอกน้อยครั้งมาก
และช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้ก็ได้ปลุกความกล้าที่จะออกมาอยู่ต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้ง หลวนจื่อพบว่าตัวเองยังคงรู้สึกไม่สบายเท่าไหร่นัก
เธอนั่งลง แล้วมองไปรอบๆ
“งานของหมินอันเกอช่วงนี้ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ?”
“แน่นอนค่ะ เขาไม่ได้บอกคุณหรอกหรือคะ?”
หลวนจื่อยิ้มบางๆ
“หลังจากกลับบ้านไป เขาก็จะพูดถึงเรื่องงานน้อยมาก ฉันรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเหมือนกัน วันนี้ถึงได้อยากจะลองมาดูเสียหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนช่วยรินน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “คุณวางใจเถอะค่ะ หมินอันเกอเป็นนักแสดงโดยกำเนิด ตอนแรกเริ่มบางทีอาจจะยังไม่ชิน ตอนนี้ก็ค่อยๆเข้าสู่สภาวะที่ดีขึ้นแล้ว แม้แต่ผู้กำกับโหดๆอย่างผู้กำกับเฉินก็ยังเอ่ยชมเขาไม่ขาดปากเลยนะคะ”
“หรือคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจแล้ว”
หลวนจื่อรู้สึกค่อยๆสบายใจขึ้นมาแล้ว
ตอนแรกเธอเกลี้ยกล่อมให้หมินอันเกอกลับสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง ร่วมงานภาพยนตร์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน ต่อมาเขาก็ทุ่มเทให้แต่กับงาน
หลวนจื่อกังวลสถานการณ์ของเขา แต่เมื่อหลวนจื่อกลับถึงคฤหาสน์ก็ไม่ได้เอ่ยพูดถึงเรื่องของตัวเองด้วยเช่นกัน
สองสามวันมานี้ เธอยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น ถึงได้ทนไม่ไหวจึงต้องมาเอ่ยถามเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยตัวเองถึงสถานการณ์นี้
เธอกังวลว่าหมินอันเกอจะพบเจอกับความไม่เป็นธรรมหรือถูกกลั่นแกล้งตอนที่อยู่ในกองถ่ายนี้ ตอนนี้ไม่มีอะไร จึงรู้สึกวางใจได้ในที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี…..”
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆประตูห้องพักก็ถูกใครคนหนึ่งเปิดเข้ามา
หลังจากที่ได้ยินทางทีมงานพูดกันว่าหลวนจื่อมานั้น หมินอันเกอจึงรีบตามมาทันที
เวลานี้เขาแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่งตัวอยู่ในช่วงสมัยสาธารณรัฐ ราวกับเป็นคุณชายที่ยังไม่เจนโลกอย่างไรอย่างนั้น
เขาเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ยืนอยู่ตรงหน้าประตู สายตามองพิจารณาที่ร่างของหลวนจื่ออย่างละเอียด เห็นว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บและอันตรายนั้น ถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในที่สุด
“ไม่ใช่ว่าคุยกันแล้วหรือว่าผมจะกลับไปรับคุณ? ทำไมถึงมาเองล่ะครับ?”
หลวนจื่อกระพริบตา แล้วแลบลิ้นออกมาด้วยความทะเล้น
“ฉันอยากมาดูสภาพแวดล้อมในการทำงานของคุณนี่คะ อยู่แต่ในคฤหาสน์ทุกวันฉันอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว อีกอย่างฉันเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
แต่หมินอันเกอก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี จึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
เขาเป็นกังวลเรื่องอารมณ์ของหลวนจื่อมากกว่า
ตอนที่เรื่องของทั้งสองคนถูกเปิดเผยออกมานั้น บรรดาแฟนคลับก็ทำเรื่องที่หุนหันพลันแล่นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
แม้กระทั่งมีคนมาส่งเสียงร้องเอะอะ ว่าจะหาตัวหลวนจื่อออกมาแล้วมาสั่งสอน หรือแม้แต่บีบบังคับให้เธอเอาเด็กออก
คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่เขาก็ต้องระวัง
ก่อนหน้านี้ที่เขากลับมาเริ่มการถ่ายทำที่กองถ่ายอีกครั้งนั้น ก็สังเกตเห็นได้ถึงสายตาที่คนอื่นๆมองเขา เป็นเพราะทำให้รู้สึกไม่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่คาดหวังที่จะให้เธอต้องถูกคนอื่นมองแบบนั้นด้วยเช่นกัน
เขามองสำรวจอาการที่แสดงออกบนใบหน้าของหลวนจื่ออย่างละเอียด เห็นว่าไม่ผิดปกติ จึงค่อยๆรู้สึกวางใจมากขึ้น
หรือบางทีตอนนี้ทีมงานได้เปลี่ยนทัศนคติในการมองเขาไปแล้ว บางทีอาจจะไม่ได้มีเจตนาร้ายกับหลวนจื่อเหมือนกับเมื่อก่อนแล้วก็ได้ เป็นตัวเขาเองที่กังวลมากเกินไป
คิดได้เช่นนี้แล้ว หมินอันเกอถึงได้เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความวางใจ : “รอผมอีกพักนึงนะครับ ยังเหลืออีกฉากนึงที่ยังไม่ได้ถ่าย ไม่นานก็จะเสร็จแล้วล่ะครับ”
หลวนจื่อพยักหน้า
“วางใจเถอะค่ะ คุณรีบไปทำงานเถอะ ฉันอยู่คุยกับเที๋ยนเที๋ยนอีกสักหน่อย”
เพิ่งจะพูดไปไม่กี่ประโยค รอจนทางทีมงานมาตาม หมินอันเกอถึงได้ออกไป
พอเขาออกไปแล้ว หลวนจื่อกลับไม่ได้อยากจะอยู่ที่ห้องพักนี่ต่อ แต่กลับอยากจะออกไปเดินข้างนอกด้วยใบหน้าที่มีความตื่นเต้น
“เที๋ยนเที๋ยน พวกเราไปดูหมินอันเกอถ่ายทำกันเถอะ? ฉันยังไม่เคยเห็นเขาตอนถ่ายละครเลยค่ะ”
“คุณไม่เคยเห็นหรอกหรือคะ?”
หลวนจื่อพยักหน้า
“เขาเคยบอกกับฉันว่าอยากเป็นนักแสดงมากที่สุด ก่อนหน้านี้ได้รับงานถ่ายทำน้อยมาก อีกอย่างฉันเองก็ไม่มีโอกาสได้เห็นด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าใบหน้าของเธอนั้นแดงขึ้นมาเล็กน้อย และมีท่าทางตื่นเต้น จึงพยักหน้าลง
“ไม่มีปัญหาค่ะ คุณมากับฉันสิ”
ว่าแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ดึงเธอเดินออกมาทางด้านนอก
ตอนนี้ ณ สถานที่ถ่ายทำกำลังถ่ายทำฉากที่สำคัญที่สุดของภาพยนตร์อยู่
หมินอันเกอรับบทเป็นคุณชายที่กลับมาจากต่างประเทศ และหลังจากกลับมาบ้านแล้วนั้นก็ได้มาเห็นโศกนาฏกรรมภายในครอบครัว หัวใจปวดร้าวจนแทบแตกสลาย จึงตัดสินใจที่จะตอบโต้กลับไป
บทบาทนี้เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของภาพยนตร์ทั้งเรื่องนี้ ส่วนแรกของภาพยนตร์หมินอันเกอเป็นคุณชายที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่รู้ความ เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทุกๆเรื่องและมีความปรารถนาที่สวยงาม
แต่เริ่มตั้งแต่ตรงนี้ ทั้งชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมืดมนและเงียบสงัด เปลี่ยนไปเป็นคนเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดีไปเสียอย่างนั้น
นี่เป็นบททดสอบทักษะการแสดงของหมินอันเกอเป็นอย่างมากและรวมทั้งความสามารถในการควบคุมตัวละครอีกด้วย ก่อนจะถ่ายทำ ผู้กำกับเฉินชุนเคยพูดถึงกับเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แล้ว ว่าเขารู้สึกกังวลอยู่บ้างว่าหมินอันเกอจะสามารถเข้าใจและจับจุดการเปลี่ยนทิศทางและการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ความรู้สึกได้ถูกต้องหรือเปล่า
เวลานี้เอง ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับหลวนจื่อเดินออกมาด้วยกันนั้น จึงรู้สึกเพียงว่าทั้งกองถ่ายนั้นเงียบมากเหลือเกิน ปราศจากเสียงใดๆทั้งสิ้น
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังสงสัยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่ดูเก็บกดอัดอั้นไว้ดังขึ้น ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกมัดเอาไว้ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและกำลังเลียบาดแผลตัวเองอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่เดินเข้าไปอย่างเงียบๆ