เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 653 อย่ากังวลไปเลย เที๋ยนเที๋ยนของผม
บทที่ 653 อย่ากังวลไปเลย เที๋ยนเที๋ยนของผม
พ่อบ้านฟังแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจ
“สตูดิโอเป็นอะไรไปเหรอครับ?”
“เกิดปัญหากะทันหันนิดหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างคลุมเครือ: “ทางสตูดิโอกลับใจกะทันหัน ไม่เพียงแค่ที่นี่เท่านั้น สตูดิโอทั้งประเทศทั้งหมดต่างก็ปฏิเสธร่วมงานกับเรา”
ระหว่างทางที่กลับมา เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ยอมแพ้ โทรไปติดต่อกับผู้จัดการของสตูดิโอทุกๆที่ แต่กลับถูกปฏิเสธกลับหมดเลย
ทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่หล่อนเจียนีพูดไม่มีผิด นี่คือความหวังสุดท้ายแล้วก็ผิดหวังเหมือนเดิม
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
บนใบหน้าของพ่อบ้านเต็มไปด้วยความตกใจ พูดได้แค่ครึ่งเดียว นึกขึ้นมาทันที “คุณผู้หญิงครับ คงไม่ใช่พวกคณะกรรมการตระกูลหล่อนเป็นคนทำนะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ตอบคำถาม แต่ถอนหายใจอีกครั้ง
“ฉันให้พนักงานทั้งกองถ่ายหยุดพักผ่อนแล้ว รอให้ฉันหาสตูดิโอที่สามารถถ่ายทำได้ก่อน ค่อยกลับมาถ่ายทำต่อ”
พูดจบแล้ว เธอกลับขึ้นไปห้องหนังสือที่อยู่ชั้นบน นั่งคิดแผนการแก้ไขปัญหา
พ่อบ้านมองดูด้านหลังของเธอ รู้สึกสงสารเธอมาก
ช่วงนี้เขาไปที่กองถ่ายบ่อยๆ รู้ดีว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ทุ่มเทกับภาพยนตร์เรื่องนี้มากขนาดไหน
ตอนนี้ได้ยินว่าการถ่ายทำเกิดปัญหา ยิ่งรู้สึกเสียใจ
“ไอ้พวกคณะกรรมการหล่อนและหล่อนเจียนีตามราวีไม่เลิกจริงๆ!”
เขากัดฟันและคิดไปคิดมา หันหลังเดินเข้าไปด้านใน หยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะขึ้นมา โทรไปหาท่านประธานบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป
พอรับสายปุ๊บ เขาก็รีบเอ่ยปากพูด: “คุณผู้ชายครับ วันนี้คุณผู้หญิงกลับมาแต่เช้าเลย”
“ไม่ใช่ เพราะว่าที่กองถ่ายเกิดปัญหา พวกคณะกรรมการตระกูลหล่อนเป็นคนทำ ตอนนี้คุณผู้หญิงกำลังหาสตูดิโอที่สามารถถ่ายทำภาพยนตร์ได้อยู่”
เขาแอบรายงานอย่างโมโห
“อืม ผมรู้ละ”
วางสายโทรศัพท์แล้ว พ่อบ้านค่อยวางใจอย่างพึงพอใจ
กล้ารังแกคุณผู้หญิงของเรา พวกแกรอดูละกัน!
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอยู่ในห้องหนังสือ บอกตนเองว่าห้ามยอมแพ้ ยังมีโอกาสอื่นอีกมากมาย ขอแค่สามารถหาวิธีอื่นได้ ต้องสามารถชนะได้อย่างแน่นอน
ถึงแม้จะบอกเขาอย่างมีสติและมีเหตุผล แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่รู้เลยสักนิด ควรจะไปต่อยังไงดี
ฉากสุดท้ายที่มีความยาวเกินยี่สิบนาที ต้องถ่ายทำที่สตูดิโอ เพื่อให้ได้ภาพฉากหลังที่มีความสวยงามอลังการแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ถ่ายทำในสตูดิโอ ไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้ สตูดิโอในประเทศทั้งหมดปฏิเสธร่วมงานกับเธอ
ถ้าเปลี่ยนเป็นสตูดิโอเล็กๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่พึงพอใจ
ยี่สิบนาทีนั้น เป็นฉากที่สำคัญและน่าตื่นเต้นที่สุดของภาพยนตร์ทั้งเรื่อง ถ้าหากไม่สามารถทำฉากที่เธอคาดหวังไว้ ไม่มีทางชนะใจผู้ชมได้แน่นอน
ผลงานแบบนี้ไม่มีทางชนะ ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ถ่ายทำต่อไปจะมีประโยชน์อะไร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจอีกครั้ง เอาสองมือกุมไว้ที่หน้าผากและก้มหน้า นั่งนิ่งๆไม่ขยับ
ผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงตั้งสติขึ้นมาเช็ดๆหน้าตา เงยหน้าขึ้นมาอย่างตั้งมั่น
เปิดคอมพิวเตอร์ เริ่มค้นหาสตูดิโอที่มีอยู่ในประเทศทั้งหมด
ต้องมีทางออก สตูดิโอเยอะขนาดนี้ ไม่มีทางถูกพวกคณะกรรมการตระกูลหล่อนซื้อใจได้หมด บางทียังมีที่อื่น ที่พวกนั้นยังค้นหาไม่เจอ
จี้จิ่งเชินกลับมาจากบริษัท เปิดประตูห้องนั่งอ่านหนังสือ สิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือภาพนี้
ในเวลานี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว ในห้องไม่ได้เปิดไฟ มีแต่หน้าจอของคอมพิวเตอร์ที่ส่องแสงสว่างออกมาเล็กน้อย ส่องบนหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เธอเหมือนจะทำงานอยู่ตลอด เหนื่อยจนก้มนอนหลับอยู่บนโต๊ะแล้ว
ระหว่างคิ้วขมวดขึ้น เหมือนขณะนอนหลับในฝันยังรู้สึกเครียด เพราะเรื่องอะไรบางอย่างอยู่
จี้จิ่งเชินนึกถึงเรื่องที่พ่อบ้านบอกเขา ก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างเบาๆ ไม่ให้มีเสียง
เขาเดินไปถึงข้างๆของเวินเที๋ยนเที๋ยน หยิบผ้าห่มที่อยู่ข้างๆมาห่มให้เธอเบาๆ
หันไปมองก็เห็นภาพที่หยุดอยู่บนหน้าจอ เป็นข้อมูลที่ค้นหาออกมาเกี่ยวกับสตูดิโอในประเทศ
เห็นดังนั้นแล้ว จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้ก็ฤดูใบไม้ร่วงใกล้หน้าหนาวแล้ว ในห้องอากาศหนาว
จี้จิ่งเชินมองดูแล้วเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเท้าเปล่าวางอยู่บนพื้น นิ้วเท้าเย็นจนซีดเซียว
เขาขมวดคิ้วจนระหว่างคิ้วมีรอยย่น เขาก้มเอวลงไปอุ้มตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังหลับสนิทขึ้นมาอย่างเบาๆ เดินไปทางเตียงใหญ่ที่อยู่ข้างห้อง
ท่าทางของเขาเบาและอ่อนโยนมาก เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังหลับฝันหวาน ไม่มีความรู้สึกใดๆเลย
กระทั่งใบหน้ารู้สึกถึงความอบอุ่น เวินเที๋ยนเที๋ยนยังขยับๆไปซบหน้าอกของจี้จิ่งเชิน จากนั้นยิ่งนอนหลับสบาย
จี้จิ่งเชินเวางเธอลงบนเตียง ห่มผ้าห่มให้และปัดผมที่บังอยู่บนใบหน้าไปไว้ด้านหลังของหัว
ยื่นมือออกไปแตะที่ระหว่างคิ้วของเธอ
มองดูคิ้วที่ขมวดอยู่นั้นค่อยๆปล่อยวางลง เขาถึงดึงมือกลับมาและก้มหัวลงไปจูบที่หน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้ว จึงค่อยๆลุกขึ้นมา เดินออกจากห้องอย่างเงียบๆ
หลังจากปิดไฟปิดประตูแล้ว สายตาที่อ่อนโยนของเขาก็เปลี่ยนไปกะทันหัน แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ก้าวเดินไปได้สองก้าว แน่ใจว่าเสียงของตนเองจะไม่รบกวนถึงเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาถึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเลขาส่วนตัวที่ชื่อจงหลี
เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นมาอีกทีก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
เธอลืมตาขึ้นมา คล้ายจะจำได้ว่าตนเองกำลังค้นหาข้อมูลของสตูดิโออยู่ จากนั้นง่วงมาก……
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตาและจะลุกขึ้นมา แต่หันหน้ามากลับเห็นใบหน้าของจี้จิ่งเชินอยู่ใกล้ๆ
ผู้ชายถึงแม้จะกำลังนอนหลับพักผ่อน สองตาปิดสนิทอยู่ แต่โครงหน้าชัดเจน
ทั้งตัวอบอุ่นมาก เหมือนแช่อยู่ในน้ำอุ่น
เมื่อคืน จี้จิ่งเชินเป็นคนอุ้มเธอขึ้นมาบนเตียงเหรอ?
กำลังคิดอยู่ เสียงของจี้จิ่งเชินก็ดังขึ้นมาทันที
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไปดู เห็นจี้จิ่งเชินลืมตาพอดี แววตาเต็มไปด้วยความสดใส
“เมื่อคืนฉันนอนหลับตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่เรียกฉันตื่น?”
พูดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนเตรียมจะลุกขึ้นมานั่ง แต่ถูกจี้จิ่งเชินดึงตัวไว้
เขารู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังกังวลอะไร จึงกอดเอวเธอไว้แน่นๆ
“พักผ่อนอีกหน่อย ช่วงนี้คุณเหนื่อยเกินไปแล้ว”
“แต่ว่า……”
“กังวลเรื่องของสตูดิโอเหรอ? พ่อบ้านบอกผมแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไปด้วยความตกใจ แววตาที่มองจี้จิ่งเชิน เต็มไปด้วยความอัดอั้นใจ
“ฉันติดต่อหาสตูดิโอทั้งหมดในประเทศ ไม่มีที่ไหน……”
ตอนที่อยู่กองถ่าย เธอคือเสาหลักที่พึ่งพิงของพนักงานทุกคน จำเป็นต้องแก้ปัญหาอย่างใจเย็น
ตอนที่เผชิญหน้ากับพ่อบ้าน เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องไม่ทำให้เขากังวล
มีแต่ตอนที่อยู่ตรงหน้าของจี้จิ่งเชิน ความอ่อนแอภายในใจของเธอค่อยๆแสดงออกมา
เธอก้มเอวเล็กน้อย เอาหัวซุกไปที่อกของจี้จิ่งเชิน
มองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ในใจของจี้จิ่งเชินทั้งขมทั้งขืน รู้สึกเอ็นดูเหลือเกิน
เขากอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ แววตาเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู
“ไม่ต้องกังวล”
จี้จิ่งเชินจูบเบาๆที่ปลายผมของเวินเที๋ยนเที๋ยน พูดปลอบใจเธอ: “ในไม่ช้าจะแก้ไขปัญหาได้”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ค่อยเข้าใจ
คิดว่าจี้จิ่งเชินแค่พูดปลอบโยนเธอ ก้มหน้าไม่พูดจาอะไร
“อย่ากังวลไปเลย เที๋ยนเที๋ยนของผม ต้องมีวิธีแก้ปัญหาได้แน่นอน”
เสียงของเขาเบา แต่แววตาแน่วแน่มาก