เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 660 คุณรังแกเธอเหรอ
บทที่ 660 คุณรังแกเธอเหรอ
“หลายๆครั้ง คุณผู้ชายจะคอยช่วยเหลือคุณผู้หญิงและทุ่มเทเงียบๆอยู่ห่างๆ”
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอย่างเหม่อลอย พ่อบ้านเอ่ยปากในเวลานี้พอดี
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที่ยนเงยหน้าขึ้นมา แววตามัวๆ จากนั้นดึงสติกลับมาจากความตกตะลึงเมื่อสักครู่นี้
พ่อบ้านก็พูดขึ้นมาอีกว่า: “ผมไม่เคยเห็นคุณผู้ชายให้ใครอยู่ในตำแหน่งในใจที่สำคัญขนาดนี้”
“คุณผู้หญิงครับ สำหรับคุณผู้ชายแล้ว คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเลยนะครับ”
พ่อบ้านไม่ค่อยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างจี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่คำๆนี้ทำให้คนรู้สึกสะเทือนใจมาก
น้ำเสียงมีความแก่หน่อยแต่นิ่งสงบ พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้รับการกระทบจิตใจที่รุนแรงมาก ในใจเหมือนมีอะไรค่อยๆไหลออกมาอุ่นๆ
แก้มของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงขึ้นมาเล็กน้อย ก้มหน้าลงนิดๆ มองดูนิ้วเท้าของตนเอง
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกัน?”
ในเวลานี้พอดี เสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้นมาจากด้านหลังกะทันหัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไปมอง เห็นจี้จิ่งเชินยืนอยู่อีกข้าง ในสมองของเธอนึกย้อนคิดแต่คำพูดของพ่อบ้าน แก้มแดงเล็กน้อย ก้มหน้าแล้วหลบสายตาของเขา
จี้จิ่งเชินรู้สึกว่าเธอเหมือนจะไม่ค่อยปกติ ใช้สายตาที่สงสัยมองหน้าพ่อบ้าน แล้วค่อยเดินเข้ามาในที่สุด
ยืนอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน จ้องมองดูสีหน้าของเธออย่างละเอียด
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งฟังคำพูดของพ่อบ้าน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสายตาที่เธอมองทั้งสองคน จะเขินๆและหลบสายตาตลอดเวลา
เห็นท่าทางของเธอแล้ว จี้จิ่งเชินยิ่งรู้สึกกังวล ขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ
พ่อบ้านสังเกตเห็นแววตาที่ไม่พอใจของจี้จิ่งเชิน รีบๆส่ายหัว
“ผมไม่ได้รังแกคุณผู้หญิงนะครับ”
เขาโบกมือไปมา
แต่แววตาของจี้จิ่งเชินก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย
ตอนนี้มีแต่เขาและเวินเที๋ยนเที๋ยนสองคน ถ้าไม่ใช่เขา ยังมีใครอีก?
ดูความคิดในใจของจี้จิ่งเชินออก พ่อบ้านหัวเราะอย่างขมขื่น
ในขณะนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือมาจับจี้จิ่งเชินเบาๆ
พูดเบาๆ: “ไม่เกี่ยวกับพ่อบ้าน เป็นเพราะตัวฉันเอง”
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินจึงหันหน้ากลับมา มองที่ตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างแปลกใจ
เห็นเธอแก้มแดงๆ ยกมือไปลูบๆหน้าผากของเธอ
“ไม่มีไข้……หรือว่าร่างกายตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า?”
“ไม่มี……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเสียงเบาๆ กอดแขนของจี้จิ่งเชินไว้ หันตัวไปข้างๆเล็กน้อยและเอาแก้มแนบที่อ้อมแขนของเขา ไม่อธิบายอะไรมากมาย
พ่อบ้านเห็นท่าทางของเธอ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พยักหน้านิดๆให้กับจี้จิ่งเชิน จากนั้นหันตัวเดินออกไป
ในใจของจี้จิ่งเชินก็ยังไม่เข้าใจ ยิ่งรู้สึกกังวลเวินเที๋ยนเที๋ยนมากกว่าเดิม คิดอะไรได้สักอย่าง น้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาทันที
“หรือว่าพวกหล่อนเจี้ยนกั๋วไปหาเรื่องคุณที่กองถ่ายอีกแล้ว?”
สิ่งที่เค้าสามารถนึกได้ ที่มีผลกระทบต่ออารมณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็มีแต่เรื่องนี้แล้ว
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวอีกตามเคย
“ไม่ใช่พวกเค้า แต่เป็นคุณ……”
พูดแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองจี้จิ่งเชินในที่สุด
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินยิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลย ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหน้าเธอด้วยความตกใจ
ยังนึกย้อนกลับไปคิดดูหนึ่งรอบ หลายวันมานี้ตนเองเหมือนไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนโกรธนี่นา
“ผม?” เขาไม่เข้าใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแววตาของเขา ก็อยากจะหลบอีก แต่สุดท้ายก็อดใจไว้
แต่ก็ไม่พูดให้กระจ่าง แต่ทำเป็นสอบถามก่อน: “การถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องนี้ใกล้จบแล้ว ในเร็วๆนี้ก็สามารถปิดกล้องได้แล้ว ฉันขอพบผู้จัดการของสตูดิโอหน่อยได้ไหม อยากจะขอบคุณที่เขาให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้?”
ได้ยินเช่นนี้ จี้จิ่งเชินเหมือนจะค่อยโล่งอกไปที
“เขาไม่ค่อยชอบแสดงตัวในที่สาธารณะ ให้พวกคุณถ่ายทำง่ายแค่พลิกฝ่ามือ ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“จริงเหรอคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลองๆจ้องหน้าเขา “นี่คือความคิดของเขา หรือเป็นความคิดของคุณ?”
ได้ยินคำพูดนี้ จี้จิ่งเชินค่อยๆรู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว ก้มหน้ามองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง
เห็นรอยยิ้มในตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนซ่อนไว้ ดูออกได้อย่างชัดเจนว่าเธอรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“คุณก็คือผู้จัดการสตูดิโอนี้ใช่หรือเปล่า?” เวินเที๋ยนเที๋ยนถาม
ได้ยินคำนี้ จี้จิ่งเชินยักคิ้วเล็กน้อย เหมือนจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ทั้งหมดแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือของเขาไว้แน่นๆ น้ำเสียงเบาลงมากและบ่นขึ้นมาทันที
“ในเมื่อสตูดิโอนี้เป็นของคุณ ทำไมไม่ยอมบอกฉัน? ถ้าไม่ใช่พ่อบ้านบอกฉันเมื่อกี้ คุณเคยสั่งการไว้เช่นนี้ ฉันคงจะไม่รู้ไปตลอดชีวิต”
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินหันไปมองทางพ่อบ้าน กลับมองไม่เห็นเขาแล้ว จึงได้แต่หันหน้ากลับมา
ก่อนหน้านั้นตอนที่ตนเองคุยโทรศัพท์อยู่ถูกพ่อบ้านได้ยินเข้า เขาเคยสั่งการไว้ ห้ามบอกเรื่องพวกนี้ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้
แต่นึกไม่ถึงว่า สุดท้ายเขาก็พูดออกมาอยู่ดี
คงจะว่างมากเกินไปแล้ว!
แอบคิดไว้อยู่ในใจว่าจะหางานอื่นให้พ่อบ้านทำเพิ่มสักหน่อย ให้เขางานยุ่งขึ้นมาหน่อย จากนั้นค่อยเอ่ยปากอธิบายกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ผมแค่ไม่อยากให้คุณมีความกดดันมากเกินไปในเวลาที่ถ่ายทำ”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
ก็จริง
ถ้าหากตนเองรู้ก่อน สตูดิโอนั่นเป็นสถานที่ที่จี้จิ่งเชินตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อตนเอง เธอต้องปฏิเสธตั้งแต่แรกแน่ๆ
ถึงแม้จะสร้างเสร็จแล้วก็ตาม นึกถึงความตั้งใจของจี้จิ่งเชินแล้ว เธอก็จะตื่นเต้นมากด้วย บังคับให้ตนเองทำให้ดีที่สุด
แต่พอนึกถึงความทุ่มเททั้งหมดที่จี้จิ่งเชินคอยทำให้ตนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆแล้ว ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกขมขื่น
“แต่ว่าถ้าพ่อบ้านไม่บอก คุณจะปิดบังฉันถึงเมื่อไหร่?”
จี้จิ่งเชินยิ้มจางๆ ไม่ตอบคำถามนี้
“สตูดิโอนั้นสร้างเพื่อคุณโดยเฉพาะอยู่แล้ว สิ่งก่อสร้างทั้งหมดข้างใน คุณสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ ผู้จัดการก็คือคุณไง”
พูดแล้วเขาขยับมาใกล้ๆ สองมือโอบที่เอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก้มหน้าลง จูบที่ปกเธอเบาๆหนึ่งครั้ง
อบอุ่นไม่มีที่สิ้นสุด
“ผมเคยบอกแล้ว ขอแค่คุณร้องขออะไรก็ตาม ผมต้องทำให้ได้ ถึงแม้จะไม่มี เพื่อคุณผมก็ต้องทำให้คุณได้สำเร็จ”
สองตาดำๆทั้งคู่เต็มไปด้วยไออุ่นแห่งความรัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้น มองเห็นเงาของตนเองในดวงตาของเขา
วินาทีนั้น ในสมองของจี้จิ่งเชิน ในใจและในสายตา มีเพียงตนเองคนเดียวเท่านั้น
ความอ่อนโยนที่แสดงออกมานั้น ทำให้เธอหวั่นไหวในใจ
แต่ความขมขื่นในใจก็เพิ่มมากขึ้นเหมือนกัน
เธออดใจพูดไม่ได้ว่า: “คุณทำเพื่อฉันมาเยอะมากขนาดนี้ แต่ฉัน……”
จี้จิ่งเชินมอบวัตถุโบราณเอาไว้เก็บสะสมเป็นชิ้นแรกในชีวิต อีกทั้งยังมอบพิพิธภัณฑ์ที่เธอไม่กล้าคิดจะมีมาก่อน
แม้แต่สมบัติที่สำคัญมากที่สุด ที่คุณแม่สืบทอดเอาไว้ให้จี้จิ่งเชินก็ยังมอบให้แก่เธอ ยังมีสวนสนุก บริษัท วัตถุโบราณอันล้ำค่า……
ตอนนี้ยังมีสตูดิโอเพิ่มขึ้นมาอีก ทุกสิ่งทุกอย่างของจี้จิ่งเชินมอบให้เธอทั้งหมด แต่ตนเองไม่สามารถตอบแทนเขาด้วยสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ให้เขาได้
แม้กระทั่ง เธอยังจำได้ว่าจี้จิ่งเชินเกือบจะไม่สามารถเดินได้
คิดถึงเช่นนี้แล้ว ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ได้ยินคำพูดของจี้จิ่งเชิน จี้จิ่งเชินยกมือทั้งสองมากุมหน้าของเธอ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ให้สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนจ้องอยู่ที่ตัวของเขา
เห็นตนเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขายิ้มออกมาเล็กน้อย